17 พ.ย. 2022 เวลา 06:14 • กีฬา
บทสัมภาษณ์ 45 นาทีแรก ของ Piers Morgan Uncensored ออนแอร์เมื่อคืนนี้ตอนตี 3 ผมแปลทุกคำ ทุกตัวอักษรมาแล้วครับ ใครอยากอ่านแบบไม่ใช่ที่ตัดมาบางส่วน มาทางนี้เลยๆ
4
ในพาร์ทนี้ โรนัลโด้จะพูดถึง การย้ายกลับมาแมนฯ ยูไนเต็ด, ราล์ฟ รังนิก, การตายของลูกชาย, เวย์น รูนี่ย์ และ แกรี่ เนวิลล์ ครับ ส่วนทีเด็ดส่วนอื่นๆ เช่นเรื่อง เอริก เทน ฮาก, เมสซี่ และ เกลเซอร์ จะอยู่ใน Ep.2 คืนนี้ครับ
1
ผมว่าที่เดือดคือพาร์ทของเวย์น รูนี่ย์ ถ้าพูดกันขนาดนั้นแล้วคงยากจะเป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ
1
นี่คือทุกคำของโรนัลโด้ ผมแปลมาครบถ้วน แบบไม่ตัดคำถามไหนสักข้อเลยครับ ไปอ่านกันได้เลย จะได้รู้ว่า โรนัลโด้สื่อถึงอะไรกันแน่ และ ควรจะเห็นใจ ควรจะเกลียด หรือรู้สึกอย่างไรกันแน่
1
---------------------------
[ Piers Morgan Uncensored - 90 minutes with Ronaldo EP.1 ]
Piers : คริสเตียโน่ ผมขอเริ่มจากคำถามว่า ทำไมคุณถึงมาให้สัมภาษณ์กับผมในวันนี้
1
Ronaldo : เพราะผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่จะพูดบางอย่าง และ ผมก็ชอบคุณด้วย (หัวเราะ) เหตุผลง่ายๆ แค่นั้นเลย
1
Piers : ผมก็ชอบคุณเหมือนกัน และรู้สึกยินดีมาก ที่คุณเลือกจะพูด เพราะรู้สึกว่าคุณต้องอดทนกับคำตำหนิมากมายในรอบปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่คุณโดนหนักที่สุดตั้งแต่ค้าแข้งมาเลยก็ว่าได้ ผมก็คิดว่า มันได้เวลาแล้ว ที่จะทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนเสียที ไม่ใช่ปล่อยให้แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คิดกันไปเองว่า มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกันแน่
1
Ronaldo : เหมือนอย่างที่ผมพูดไปหลายรอบมาก ว่าถ้าเป็นเรื่องแฟนบอลล่ะก็ ผมมีแต่สิ่งดีๆ ที่จะพูดถึงพวกเขา แฟนๆ คือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นฟุตบอล คุณลงสนามไป ก็เพราะต้องการสู้เพื่อพวกเขา แฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้กำลังใจ คอยยืนเคียงข้างผมเสมอ เวลาผมออกไปนอกบ้าน หรือเดินตามถนน แฟนๆ ก็จะเข้ามาหา และกล่าวขอบคุณในสิ่งที่ผมได้ทำในสนามฟุตบอล
3
Piers : ผมขอย้อนกลับไปในช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว ตอนที่คุณเล่นอยู่กับยูเวนตุส มันมีข่าวลือเยอะมากว่าคุณจะย้ายไปทีมไหนกันแน่ และทีมที่เป็นข่าวหนักที่สุด คือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมอยากรู้ว่า มันใกล้เคียงแค่ไหน ที่คุณจะได้ย้ายไปซิตี้
1
Ronaldo : ความจริงคือ มันใกล้เคียงมาก พวกเขาพยายามที่จะซื้อตัวผมจริงๆ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังพูดว่า เขาพยายามเต็มที่แล้วที่จะเอาผมมา แต่อย่างที่คุณรู้ ผมมีเรื่องราวดีๆ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หัวใจของผม ความรู้สึกของผม มันเป็นจุดชี้ขาดในการตัดสินใจ
และแน่นอน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็มีส่วนด้วย จริงๆ การย้ายกลับไปยูไนเต็ดผมเองก็เซอร์ไพรส์อยู่บ้าง แต่มันเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล หัวใจผมบอกให้เลือกอย่างนั้น
คงจะเป็นการโกหกถ้าผมบอกว่า ไม่เคยคิดจะย้ายไปซิตี้เลย แต่ผมตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนแล้ว และไม่เสียใจกับการเลือกครั้งนี้
1
Piers : คุณได้คุยกับเซอร์ อเล็กซ์ ก่อนจะเลือกทีมไหม
Ronaldo : ใช่ ผมคุยกับเขา เขาบอกว่า "มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่นายจะย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้' ผมก็เลยตอบเขาว่า 'โอเค บอส' แล้วผมก็เลือกทำตามหัวใจ และผมคิดว่ามันก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ"
Piers : เกมแรกที่คุณกลับมา มันไม่มีอะไรจะสวยกว่านี้แล้ว คุณเล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เจอกับนิวคาสเซิล และเอาชนะ 4-1 คุณยิง 2 ลูก เซอร์ อเล็กซ์ อยู่ในสนามเหมือนกำลังดูลูกชายแท้ๆ ลงเล่น เช่นเดียวกับคุณแม่ของคุณ ก็อยู่ในสนามเช่นกัน และเธอก็ร้องไห้ด้วยตอนคุณยิงได้ ความรู้สึกรวมๆ ในวันนั้นเป็นยังไงบ้าง
Ronaldo : นั่นเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก จริงๆ ไม่ใช่แค่วันนั้นนะ แต่ตลอดสัปดาห์ทั้งโลกพูดถึงเรื่องนี้ตลอด 'คริสเตียโน่กลับมาในที่ของเขาแล้ว' อะไรแบบนั้น มันจึงเป็นโมเมนต์ที่พิเศษมาก ที่ได้กลับมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วเล่นได้ดีต่อหน้าแฟนๆ และการยิง 2 ลูก เป็นการต้อนรับการคัมแบ็กที่เยี่ยมที่สุด มันจะเป็นวันที่ผมไม่ลืมเลย
4
Piers : เสียงเพลงเชียร์ Viva Ronaldo ดังขึ้นทั่วสนามเลยนะ
Ronaldo : ใช่ ผมก็ได้ยินเหมือนกัน อย่างที่ผมบอกคุณแล้ว แฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจริงๆ
2
Piers : มี 2 อย่างเกิดขึ้นหลังจากคุณกลับมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ข้อแรก คุณทำลายสถิติขายเสื้อ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก คุณทำลายสถิติของผู้ชายชื่อเมสซี่ ที่ขายเสื้อได้กับเปแอสเช (Note : โรนัลโด้หัวเราะ) คุณคงจะแฮปปี้เรื่องนั้นนะ
3
Ronaldo : ผมเป็นคนที่ไม่คิดจะไปตามล่าสถิติอะไรพวกนั้น แต่สถิติมันก็คอยทำลายอยู่เรื่อย ดังนั้นมันก็รู้สึกดีนะ ที่ผมสร้างสถิตินี้ขึ้นมาได้
1
Piers : อีกเรื่องที่เกิดขึ้นคือ ทวีตที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศเซ็นคุณกลับมา เป็นทวีตที่มีคนกดไลค์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวิตเตอร์
2
Ronaldo : ผมว่าเรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะเป็นดีลที่ไม่คาดคิด เรื่องราวพลิกผันใน 72 ชั่วโมง มันมีข่าวเยอะไปหมด ไม่ใช่แค่กับแมนฯ ซิตี้ แต่เป็นทีมอื่นๆ ด้วยที่คุณถูกโยงไปสารพัด ตอนแรก แมนฯ ยูไนเต็ดไม่มีข่าวเลย การที่พวกเขามาเร่งคว้าตัว น่าจะทำให้หลายคน รวมถึงผมด้วยรู้สึกแปลกใจ
1
Piers : พอคุณย้ายมาได้สักพัก ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น แค่ 2 เดือน ผู้จัดการทีมโอเล่ กุนนาร์ โซลชาโดนไล่ออก ในช่วงนั้นคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง และถ้าเปรียบเทียบกับช่วงแรกที่คุณอยู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันมีความเหมือน หรือต่างกันอย่างไร (Note : โรนัลโด้เคยอยู่แมนฯ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 2003-2009 ก่อนย้ายไปเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลก 80 ล้านปอนด์)
2
Ronaldo : ตอนผมเลือกเซ็นให้แมนฯ ยูไนเต็ด ผมคิดว่าอะไรๆ ก็คงเปลี่ยนไปเยอะ เพราะผมอำลาสโมสรมา 12 ปีแล้ว ผมไปอยู่เรอัล มาดริด 9 ปี และ ยูเวนตุสอีก 3 ปี ผมว่าพวกเทคโนโลยี เรื่องตึกอาคาร อุปกรณ์ต่างๆ มันน่าจะเปลี่ยนไปเยอะ แต่ผมต้องแปลกใจ ในทางลบนะ ว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมเป๊ะ
1
ผมเข้าใจว่า สถานการณ์ในทีมอ่อนไหวมาก โอเล่โดนไล่ออก จากนั้นไมเคิล คาร์ริกมาคุมทีมได้สองนัด เกมเจอบียาร์เรอัล กับ เชลซี ก็เปลี่ยนโค้ชอีก แต่ผมคิดว่าจุดสำคัญคือทีมไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย จากวันที่ผมย้ายไป เหมือนว่าเข็มนาฬิกาหยุดนิ่ง มันทำให้ผมประหลาดใจจริงๆ
แม้แต่เรื่องไอเดียเกี่ยวกับตลาดซื้อขาย ตอนจะซื้อนักเตะเข้ามาใหม่ พวกเขาก็ไม่มีความก้าวหน้าอะไรให้เห็นเช่นกัน
Piers : ในสมัยที่คุณอยู่กับเซอร์อเล็กซ์ ถ้าแมนฯ ยูไนเต็ดต้องการได้ใคร พวกเขาจะได้เสมอ แต่ในตอนนี้ด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เพราะทีมล้มเหลวตั้งแต่เซอร์ อเล็กซ์รีไทร์ กลายเป็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถซื้อตัวนักเตะระดับท็อปเข้ามาสู่ทีมได้เลย
Ronaldo : ผมแปลกใจว่า ช่วงซัมเมอร์นั้น พวกเขาซื้อซานโช่ วาราน รวมทั้งผมด้วย ทุกอย่างก็น่าจะโอเคนะ (Note : โรนัลโด้จะสื่อว่า ซัมเมอร์ 2021 ซื้อตัวได้ดี แต่พอซัมเมอร์ 2022 ก็ไปซื้อตัวที่ไม่ใช่ระดับท็อปมาอีก)
ส่วนเรื่องเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั้น การจากไปของเขาทิ้งรูโหว่ขนาดใหญ่ให้สโมสร จริงๆ ไม่ใช่แค่เซอร์อเล็กซ์ แต่อีกคนที่สำคัญมากๆ คือ เดวิด กิลล์ ประธานสโมสร ที่ไม่อยู่เช่นกัน คือผมรู้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ดนั้นคงไม่เหมือนเดิม แต่ผมไม่คิดว่ารอยแผลมันจะใหญ่โตมากขนาดนี้
Piers : ผมได้ยินว่า พวกสระว่ายน้ำ ซาวน่า สิ่งต่างๆ ไม่เปลี่ยนไปเลยหรอ ตั้งแต่คุณย้ายออกจากทีมในปี 2009
Ronaldo : ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย ไม่ใช่แค่สระว่ายน้ำ หรืออ่างจากุซซี่นะ แม้แต่ห้องออกกำลังกาย โรงยิมของสโมสร ก็รวมด้วย นี่ผมพูดถึงห้องครัวด้วยนะ พวกแม่ครัว ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นคนที่น่ารักมาก แต่มันเหมือนหยุดเวลานิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เปลี่ยนแปลงเลยจากวันที่ผมย้ายทีม (Note : โรนัลโด้จะสื่อถึงความรู้เรื่องโภชนาการต่างๆ และ เมนูใดๆ ไม่ได้เปลี่ยนเลย) ตอนผมอายุ 21 22 23 เห็นสโมสรยังไง กลับมาก็เห็นสิ่งนั้นเหมือนเดิมเป๊ะ
1
Piers : เพราะคุณไปอยู่เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุสมานาน ได้เห็นพวกเขานำเข้าเทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ เพื่อยกระดับตัวเองให้ดีขึ้น ก็เลยมาเปรียบเทียบกับแมนฯ ยูไนเต็ดใช่ไหม
2
Ronaldo : ความก้าวหน้าของแมนฯ ยูไนเต็ดคือ 0 ถ้าไปเปรียบเทียบกับเรอัล มาดริด หรือแม้แต่ยูเวนตุส พวกเขาตามหลังไปไกลมาก โดยเฉพาะเรื่องของรูปแบบการฝึกซ้อม เรื่องโภชนาการ หรือเรื่องความรู้ในการฟื้นฟูสภาพร่างกายของผู้เล่น มันทำให้ผมแปลกใจเพราะทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรอยู่บนจุดสูงสุด แต่โอเค ผมก็ยังหวังว่าในปีต่อๆ ไป พวกเขาจะไต่ขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปเลเวลได้
4
Piers : คุณว่าเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย เป็นเหตุผลไหมที่ผู้จัดการทีมระดับโลกหลายคน ไม่สนใจจะมาอยู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
Ronaldo : ผมก็ไม่แน่ใจว่าตรงนั้นมันเกี่ยวไหม แต่ผมเห็นได้เลยว่าสโมสรไม่มีพัฒนาการ ไม่มีความทะเยอทะยาน หนึ่งเคสที่เราได้เห็นกันชัดๆ คือตอนที่สโมสรไล่โอเล่ออก พวกเขาไปดึงเอาผู้อำนวยการกีฬาชื่อ ราล์ฟ รังนิก เข้ามา นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจ
รังนิกไม่ใช่โค้ชด้วยซ้ำไป แต่สโมสรใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาคนที่เป็นผู้อำนวยการกีฬามาทำหน้าที่เป็นโค้ชเนี่ยนะ มันเซอร์ไพรส์ ไม่ใช่แค่ผม แต่คนทั้งโลกก็คิดเหมือนกัน ถ้าคุณไม่ได้ทำงานโค้ชมา แล้วคุณจะมาคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้อย่างไร เรื่องนี้มันทำให้ผมเห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เดินมาถูกทาง มันไม่เหมือนกับทีมอื่นๆ อย่างลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เชลซี
1
ยูไนเต็ด ตามหลังทีมเหล่านี้ 1 หรือ 2 ก้าวใหญ่ๆ เพราะความผิดพลาดแบบนี้ ผมคิดว่าสโมสรควรจะเปลี่ยนคนทำงานหรือผู้บริหาร หรือประธานสโมสร ผมไม่รู้ว่าใครเป็นปัญหาที่แท้จริงกันแน่
2
Piers : การไล่โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โค้ชที่แฟนๆ รักออกไป เพราะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใหญ่ๆ ได้ ก็เข้าใจได้ แต่เอาราล์ฟ รังนิก คนที่แม้แต่ผมยังไม่เคยได้ยินชื่อ มาคุมเนี่ยนะ แล้วคุณเคยได้ยินชื่อมาก่อนไหม
1
Ronaldo : ไม่ ผมไม่รู้จักเลย คนรอบตัวผมไม่มีใครเคยได้ยินชื่อเขา
Piers : แล้ววินาทีที่คุณรู้ว่าเขาจะมาเป็นบอสล่ะ คุณคิดยังไง
Ronaldo : ผมก็จำเป็นต้องเคารพเขา เพราะเขาอยู่ในตำแหน่ง แต่ปกติแล้วเวลาผมร่วมงานกับโค้ชคนไหน ผมจะเรียกเขาว่า 'บอส' เพราะมันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ในใจลึกๆ ของผมแล้ว ไม่เคยเห็นเขาเป็น 'บอส' เพราะผมไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งครั้งนี้ และรังนิกก็เป็นอีกคนที่หยุดนิ่งกับกาลเวลาเช่นกัน ถ้าคุณไม่ได้คุมสโมสรฟุตบอลมา 5 ปี คุณก็สูญเสียความเป็นโค้ชไปแล้ว
1
เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์มาก ที่แมนฯ ยูไนเต็ดได้ตัวเขา เพราะ ถ้าดูอุปกรณ์ต่างๆ ที่สโมสรมี การได้โค้ชแบบนี้ก็สมควรแล้ว แต่มันก็รู้สึกแย่อยู่นะ
7
Piers : ตอนรังนิกย้ายมาคุมใหม่ๆ เขาบอกนักข่าวว่า คุณไม่เพรสซิ่งมากพอ และอาจจะดีกว่าถ้าคุณย้ายออกจากทีมไป ผมรู้สึกว่า เฮ้ย ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมมาพูดอะไรแบบนี้ กับคนที่ยิงประตูให้ทีมตลอดเวลา
1
Ronaldo : ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะคิดว่าอยู่ๆ แจ็กพอตแตก มาเจอโอเอซิสในทะเลทราย อยู่ๆ ก็ได้คุมสโมสรใหญ่ แต่ก็นะ ผมเข้าใจว่าโค้ชทุกคนก็มีแนวทางและปรัชญาของตัวเอง ซึ่งในฐานะนักเตะคุณก็อาจไม่เห็นด้วยในบางครั้ง แต่อยากบอกว่า ในชีวิตนี้ ผมร่วมงานกับโค้ชระดับโลกมาแล้ว ทั้งซีดาน, อันเชล็อตติ, มูรินโญ่, เฟร์นันโด ซานโตส, อัลเลกรี ดังนั้นผมมีประสบการณ์มาพอสมควรจากการได้เรียนรู้กับโค้ชเหล่านั้น
1
แต่พอมาเจอคนที่ต้องการจะปฏิวัติฟุตบอลทุกสิ่งทุกอย่าง แน่นอนผมก็ต้องไม่เห็นด้วย ผมมีความเห็นของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้ว ผมเล่นฟุตบอลก็เพื่อชนะ ดังนั้นด้วยประสบการณ์ที่ผมมี ผมก็อยากช่วย แต่โค้ชบางคนไม่คิดจะฟังสิ่งที่ผมบอก (Note : โรนัลโด้บอกว่า ประสบการณ์ที่มี ทำให้เขารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเวิร์ก อะไรไม่เวิร์ก แต่สุดท้ายรังนิกไม่สนใจ)
1
Piers : คุณว่ารังนิกรู้เรื่องไหม ว่าทำอะไรอยู่ กับแมนฯ ยูไนเต็ด
1
Ronaldo : ผมคิดว่าเขารู้จักสโมสร แต่เขาไม่เข้าใจตัวตนของสโมสร ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์
1
Piers : คุณว่าสโมสรทำถูกไหมที่ไล่โซลชาออก ถ้าเป็นคุณจะเก็บเขาไว้ไหม
Ronaldo : จริงๆ ผมรักโซลชานะ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้าให้ผมนึกถึงเขา ก็คงบอกได้ว่า เขาเป็นคนดีมาก ส่วนในฐานะโค้ช ทุกอย่างดูจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ ที่จะเดินตามแนวทางของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่เขาก็ทำได้โอเค จริงอยู่มันอาจต้องใช้เวลามากกว่านี้ แต่ผมไม่เคยสงสัยเลยว่า เขาจะกลายเป็นโค้ชที่ดีมากๆ ได้แน่ในอนาคต ดังนั้นผมเลยจะบอกว่า เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ได้ร่วมงานกับเขา แม้จะแค่สั้นๆ ก็ตาม
1
Piers : พูดถึงเยาวชนของแมนฯ ยูไนเต็ดตอนนี้หน่อย ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง เพราะผมจำได้ว่าตอนคุณย้ายมาแมนฯ ยูไนเต็ดครั้งแรกตอนอายุ 18 ปี คุณให้ความเคารพกับนักเตะซีเนียร์ที่อยู่มาก่อนอย่างมาก พวกรอย คีน และคนอื่นๆ ในห้องแต่งตัว คุณซึมซับประสบการณ์ของนักเตะเหล่านั้นมาใช้กับตัวเอง ตอนนี้คุณได้รับความเคารพจากเยาวชนในแบบเดียวกันไหม
Ronaldo : ผมคงไม่พูดนะ ว่าเยาวชนไม่เคารพนักเตะที่อายุมากกว่า เพราะมันไม่ใช่คำที่ถูกต้อง แต่เอาเป็นว่า รุ่นผมกับเด็กยุคนี้ เราเกิดกันคนละยุคแล้ว ลูกชายของผมอายุ 12 ก็ไม่ได้มีแนวคิดเหมือนผมตอนอายุเท่ากัน
2
Piers : ความแตกต่างคืออะไร
Ronaldo : เพราะพวกเขาได้อะไรมาง่ายๆ ไปหมด พวกเขาไม่เคยผ่านความเจ็บปวดอะไรนัก ผมไม่ได้หมายถึงเยาวชนที่แมนฯ ยูไนเต็ดอย่างเดียวนะ แต่หมายถึงนักบอลทั้งโลก เด็กยุคนี้ ไม่เหมือนกับผู้เล่นในยุคสมัยของผม แต่เราก็ไปโทษเขาไม่ได้นะ เพราะโลกยุคนี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ที่ล้วนทำให้สมาธิของเด็กๆ ไขว้เขว
1
เด็กยุคนี้ พวกเขาจะฟังคุณ แต่ฟังออกจากหูซ้าย ก็ทะลุออกหูขวา ซึ่งสำหรับผมก็น่าเสียดาย เพราะในเมื่อคุณมีแบบอย่างคนที่ประสบความสำเร็จอยู่ต่อหน้าแล้วแท้ๆ แต่คุณไม่ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ ตอนผมอายุ 18 ผมเอาแต่เฝ้าดูนักเตะที่เป็นสุดยอด อย่างรุด ฟาน นิสเตลรอย, ริโอ เฟอร์ดินานด์, รอย คีน และ ไรอัน กิ๊กส์ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมประสบความสำเร็จได้ยืนยาว เพราะผมใช้ความรู้ตรงนั้น เอามาใส่ใจการดูแลร่างกาย การดูแลจิตใจ
1
Piers : อยากให้เจาะจงหน่อย ว่าตอนที่คุณสอนเด็กๆ คุณพูดยังไง ทำอะไรบ้าง
2
Ronaldo : ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะเดินไปบอกให้ทำอะไร เพราะอย่างที่ผมบอก เด็กๆ ฟังคุณ แล้วอีกสองนาทีเขาก็ลืม จากนั้นก็ไปทำสิ่งที่เขาคิดว่าดี ดังนั้นผมจะทำเป็นตัวอย่างให้ดู ผมถึงสนามซ้อมทุกเช้า ไปคนแรก กลับคนสุดท้าย ซึ่งก็มีบางคนในทีมนะ ที่เลือกจะทำตามผม แม้จะไม่มากนักก็ตาม
4
Piers : มันน่าแปลกนะ ถ้าผมเป็นเยาวชนแล้วอยู่ในสโมสรที่มีผู้เล่นอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผมคงใช้เวลาในการเฝ้าดู และ ฟังทุกอย่างที่เขาพูด ศึกษาว่าเขาอยู่ในวงการนี้ได้อย่างไร
3
Ronaldo : ก็พวกเขาไม่แคร์ ก็อาจมีบางคนที่แคร์แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ แน่นอนว่า พวกเขาเหล่านี้สุดท้าย ก็จะไม่มีอาชีพการค้าแข้งที่ยืนยาว มันเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าคุณดูผู้เล่นยุคผม สามารถยืนหยัดได้ถึง 36 37 38 แต่เด็กยุคนี้คุณนับนิ้วได้เลย จะมีสักกี่คนที่เล่นได้นานๆ บ้าง เพราะช่วงปีแรกๆ ของคุณในฐานะมืออาชีพนี่แหละ จะเป็นตัวชี้วัดกันได้เลย
1
Piers : นักเตะ (ดาวรุ่ง) คนไหนในโลก ที่คุณชื่นชมเรื่องจิตใจอันแข็งแกร่ง และทัศนคติ
Ronaldo : เป็นคำถามที่ตอบยากนะ แต่ถ้าคุณเจาะจงไปที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมก็ขอกล่าวถึง ดีโอโก้ ดาโลต์ เขายังเด็กอยู่ แต่ก็มีความเป็นมืออาชีพมาก ผมไม่สงสัยเลย ว่าเขาจะยืนหยัดในระดับสูงได้อีกหลายปี เพราะเขาหนุ่มแน่น ฉลาด และเป็นมืออาชีพ จริงๆ มีน้อยคนมากนะ ที่จะเป็นแบบนี้ อีกคนที่ผมนึกถึงก็เป็นลิซานโดร มาร์ติเนซ หรืออาจเป็นคาเซมิโร่ที่ตอนนี้อายุ 30 แล้ว (Note : โรนัลโด้ เห็นคาเซมิโร่ตั้งแต่อายุ 21 ปี ตอนเป็นดาวรุ่งที่เรอัล มาดริด) แต่ถ้าให้เจาะจงเลือกคนเดียวจริงๆ ตอนนี้ ก็ต้องตอบว่าดาโลต์
6
Piers : โอเค การเข้ามาของรังนิกแม้จะไม่ใช่เรื่องน่าพอใจ แต่คุณก็ยังยิงประตูได้เรื่อยๆ ทีนี้มันเกิดเรื่องที่ทำให้คุณมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต นั่นคือ จอร์จิน่า ภรรยาของคุณที่ตั้งครรภ์ลูกแฝด แต่ลูกชายของคุณเสียชีวิตในวันที่คลอด (Note : ส่วนลูกสาวรอดชีวิต) ผมจินตนาการไม่ออกจริงๆ เพราะผมก็มีลูก 4 คนเหมือนกัน
1
Ronaldo : เพียร์ส นี่น่าจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดของผม นับจากตอนที่คุณพ่อเสียชีวิต ถ้าคุณคาดหวังว่าลูกๆ จะเกิดมาได้อย่างปกติ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น ผมกับจอร์จิน่า เราไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับเรา
เรื่องนี้มันยากมากจริงๆ ตรงที่ผมก็ต้องเล่นฟุตบอลต่อไป เกมฟุตบอลไม่มีหยุด มันมีแข่งต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผม และยิ่งกับจอร์จิน่าเธอก็เสียใจมากเช่นกัน
Piers : ผมเคยดูจอร์จิน่าให้สัมภาษณ์ เธอบอกว่า 'ชิ้นส่วนในจิตใจของฉันมันแหลกสลายไปแล้ว ฉันไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แต่พอฉันมองไปที่ตาของลูกๆ ที่ยังอยู่ ฉันก็รู้ว่าหนทางเดียวที่จะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ คือการรวมพลังผ่านมันไปด้วยกัน'
1
Ronaldo : ผมก็เห็นบทสัมภาษณ์นั้นเหมือนกัน นั่นล่ะ ทำให้เรามาคุยกัน ว่าอย่างน้อยเราก็มีลูกอีกตั้งหลายคนนะ รวมถึงเบลล่า สาวน้อยที่เพิ่งเกิดด้วย ดังนั้นเราก็ควรเฉลิมฉลอง ยินดีที่เธอเกิดขึ้นมานะ
Piers : มันเป็นความรู้สึกยังไง ที่ต้องเสียใจกับการจากไปของลูกชาย แต่ก็ต้องยินดีกับการเกิดของลูกสาวที่น่ารัก
Ronaldo : ผมอธิบายไม่ถูก ว่าความเศร้ากับความสุขในวินาทีเดียวกันมันเป็นยังไง คุณควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ มันไม่รู้จริงๆ ว่าจะจัดการความรู้สึกแบบไหน ผมไม่สามารถหาคำ มาอธิบายความในใจของตัวเองตอนนั้นได้ มันเป็นช่วงที่ความรู้สึกขึ้นๆ ลงๆ มาก
Piers : คุณบอกเรื่องนี้กับเด็กๆ อย่างไร
Ronaldo : วันที่จอร์จิน่าออกจากโรงพยาบาล เรากลับมาบ้าน เด็กๆ ก็ถามว่า ทารกอยู่ไหนๆ ผมเลยมาคุยกับ คริสเตียโน่ จูเนียร์ ลูกชายคนโต ที่อายุ 12 ปี เขาเข้าใจทุกอย่างดี พอบอกเสร็จเราก็ร้องไห้ด้วยกันที่ห้องนอนของเขา
จากนั้นเด็กคนอื่นๆ ก็เริ่มถามว่า 'แม่ ทารกอีกคนไปไหน' เราก็ยังไม่บอก หาข้ออ้างไป แต่หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ ผมก็บอกว่า เราพูดความจริงกับลูกเถอะ บอกไปเลยว่า อังเคล ซึ่งเป็นชื่อลูกชายที่เราตั้งไว้ เขาไปอยู่บนสวรรค์แล้ว
1
การบอกความจริงเป็นเรื่องดีกว่า เพราะมันทำให้ลูกเข้าใจ มีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ลูกของผม พูดขึ้นมาว่า 'คุณพ่อคะ หนูจะอวยพรให้อังเคลที่อยู่บนฟ้า' ซึ่งผมรู้สึกดีกว่านะ เพราะนี่มันก็คือสิ่งหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ผมไม่อยากโกหกลูกๆ พอผมบอกเรื่องนี้ไป กลายเป็นว่าทำให้ลูกๆ สนิทกับผมมากขึ้นนะ
Piers : เรื่องการสูญเสีย มันอาจทำให้ครอบครัวเข้าใกล้กันมากขึ้นก็จริง แต่บางครอบครัวก็อาจแตกสลายได้เลยจากความเศร้าที่เกิดขึ้น
3
Ronaldo : สำหรับผม มันทำให้เราเข้าใกล้มากขึ้น โดยเฉพาะผมกับจอร์จิน่า เราได้เห็นมุมที่อ่อนโยนของกันและกัน สำหรับผมนับจากวันนั้น ผมได้มองเห็นชีวิตในมุมใหม่ๆ ซึ่งมันจะนำมาสู่คำถามที่คุณจะถามผมแน่นอน ว่าทำไม ผมถึงไม่ไปร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงปรีซีซั่น
1
แต่กว่าที่คุณจะผ่านช่วงเวลาที่เจ็บปวดไปได้ มันก็ยากนะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อผมเสียชีวิต ในช่วงเวลา 6 เดือนเต็มๆ ที่ผมต้องต่อสู้กับความรู้สึก
Piers : ลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้ว อยู่ในจิตวิญญาณของคุณไหมตอนนี้
Ronaldo : เถ้ากระดูกของเขายังอยู่ที่บ้านผมนะ ตั้งอยู่กับเถ้ากระดูกของคุณพ่อ มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเก็บเอาไว้ตลอดชั่วชีวิต มันจะไม่โปรยมันลงไปในทะเลหรอก ผมว่าเถ้ากระดูกของลูกชายไว้ข้างๆ คุณพ่อเลย
Piers : คุณคุยกับพวกเขาบ้างไหม
2
Ronaldo : ใช่ ผมยังคุยกับพวกเขาอยู่ คุยตลอดเวลาที่ทำได้ ในมุมหนึ่งพวกเขาช่วยผลักดันผมนะ ให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นพ่อที่ดีขึ้น แม้พวกเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถถ่ายทอดบางอย่างมาให้ผมได้
Piers : คุณได้รับการสนับสนุนที่ดีมาก จากแฟนๆ แน่นอนจากแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่คุณน่าจะประหลาดใจที่แฟนบอลทีมอื่นก็ซัพพอร์ทคุณด้วย อย่างแฟนลิเวอร์พูล ทีมคู่ปรับตลอดกาล ร้องเพลง You'll never walk alone ในนาทีที่ 7
2
Ronaldo : ผมไม่คาดคิดมาก่อนเลยจริงๆ และขอให้โอกาสนี้ขอบคุณชาวอังกฤษทุกๆ คน ที่แสดงความใจดีกับผม ไม่ใช่แค่กับลิเวอร์พูลนะ แต่เป็นคนอังกฤษทั้งประเทศเลย
1
Piers : ผมจำได้ว่าเกมที่เจออาร์เซน่อล ตอนถึงนาทีที่ 7 แฟนบอลก็ปรบมือให้คุณนะ
Ronaldo : ผมได้รับจดหมายแสดงความเสียใจจากราชวงศ์ด้วยนะ นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกว่า ผมเคารพผู้คนในอังกฤษอย่างมาก พวกเขาดีกับผมจริงๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากขนาดนั้น
1
Piers : ตอนที่ราชินีเอลิซาเบ็ธสวรรคต คุณถึงโพสต์แสดงความเสียใจ เพราะคุณได้รับการใส่ใจจากราชวงศ์นั่นเอง
Ronaldo : ใช่ และผมจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่ได้รับจดหมายกแสดงความเสียใจจากราชวงศ์เลย มันมีความหมายจริงๆ
Piers : ลูกสาวของคุณ เบลล่า ตอนนี้เธออายุ 6 เดือนแล้ว เธอน่าจะเป็นความสุขในช่วงเวลาที่เศร้านะ
 
Ronaldo : เธอเป็นเหมือนแสงสว่างของบ้านเรา สร้างความสดชื่นทุกที่ที่ไปอยู่ เธอเป็นเด็กน่ารัก และเราดีใจมากๆ ที่มีเธอ
2
Piers : คุณจะมีลูกอีกไหม?
1
Ronaldo : ผมคิดว่าพอแล้วนะ แต่เราก็ไม่รู้หรอก มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้อนาคต แต๋ถ้าถาม ณ ตอนนี้ ผมว่าเราอากจะพักก่อน และมีความสุขกับสิ่งทีมีอยู่ เบลล่าก็เพิ่ง 6 เดือน คนอื่นๆ อายุ 5 ขวบ ส่วนคริสเตียโน่ จูเนียร์ อายุ 12 ผมอยากจะขอสนุกกับพวกเขาก่อนละกัน
Piers : การต้องกลับไปเล่นฟุตบอล อาชีพที่ถูกจับจ้องจากคนนับล้าน หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ ต่อให้คุณเป็นคนจิตใจแกร่งแค่ไหน ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องง่าย
Ronaldo : ผมได้รับการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัว จอร์จิน่าเองก็บอกว่า 'ไปเลย ไปสนุกกับฟุตบอล มันจะได้ช่วยคุณให้ลืมเรื่องเศร้าๆ ได้' ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ช่วยคุณได้นะ เวลาซ้อมฟตุบอล คุณจะไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นหรอก
ในโลกของฟุตบอลนั้นทุกอย่างมันรวดเร็วมาก ไม่ใช่แค่สโมสรนะ แต่ทีมชาติก็ด้วย คุณไม่มีเวลาจะมานั่งบอกใครหรอกนะว่าคุณคิด หรือรู้สึกอะไร
Piers : จอร์จิน่า เธอเป็นผู้หญิงแกร่งน่าดูเลยนะ คือเอาจริงๆ การเป็นคนรักของสตาร์อย่างคุณมันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องง่าย แต่เธอก็ยังผ่านทุกอย่างมาได้
1
Ronaldo : เธอไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายตั้งแต่เกิด เธอเกิดที่อาร์เจนติน่า มีปมกับครอบครัวมาตลอด จนต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เพราะเธอมีประสบการณ์แบบนั้น ทำให้เธอเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าอายุมาก (Note : จอร์จิน่า ปัจจุบันอายุ 28 ปี น้อยกว่าโรนัลโด้ 10 ปีพอดี)
3
เราช่วยกันผลักดันอีกฝ่าย เวลาผมรู้สึกจมดิ่ง เธอเป็นคนฉุดผมขึ้นมา และถ้าเธอเศร้าผมก็ทำแบบเดียวกัน ดังนั้นผมจึงดีใจมากที่มีเธอเป็นคนรักอยู่ข้างกาย
1
Piers : คุณคิดเรื่องงานแต่งหรือยัง? (Note : โรนัลโด้กับจอร์จิน่า คบกัน 6 ปี มีลูกด้วยกันหลายคน แต่ยังไม่มีพิธีแต่งงาน)
2
Ronaldo : ผมก็คิดเหมือนกันว่าอาจเกิดขึ้นในอนาคต เธอสมควรจะได้รับมัน มันยังไม่ได้อยู่ในแผนของผมตอนนี้ แต่แน่นอน ผมอยากให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้น
Piers : 4 วันหลังจากลูกชายของคุณเสียชีวิต แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ดประกาศว่า เอริค เทน ฮาก จะมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ คุณรู้จักเขามาก่อนไหม
1
Ronaldo : ใช่ ผมพอรู้จักบ้าง จากผลงานของเขาที่อาแจ็กซ์
1
Piers : คุณจบฤดูกาลที่แล้ว ด้วยผลงาน 24 ประตูกับแมนฯ ยูไนเต็ด แบ่งเป็น 18 ลูกในพรีเมียร์ลีก และ 6 ลูกในแชมเปี้ยนส์ลีก คุณเป็นรองดาวซัลโวของลีกในซีซั่นก่อน (Note : เป็นรองโม ซาลาห์ และ ซน ฮึง-มิน ที่ยิงได้ 23 ลูกเท่ากัน) ผมหมายถึง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มันก็เป็นผลงานที่ดี แต่ทว่าคุณกลับโดนวิจารณ์ เหมือนกับว่าต่อให้คุณยิงประตู คุณก็ยังผิดอยู่ดี มันทำให้ผมรู้สึกว่า คุณกลายเป็นเป้าที่พร้อมจะถูกโจมตี
Ronaldo : ผมว่ามันเป็นเรื่องง่าย ที่จะโยนความผิดทุกอย่างไปให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อปกปิดเรื่องแย่ๆ มุมอื่น ส่วนสื่อมวลชนก็ชอบจับผมขึ้นหน้าหนึ่ง เพราะเรื่องของผมมันขายได้ มันเรียกความสนใจได้มากกว่า จริงๆ ผมก็ชินกับเรื่องนี้แล้วนะ ผมอายุ 37 แล้ว เข้าใจทุกอย่างดี
1
เวลาชีวิตอยู่ในช่วงขาขึ้น คุณจะไม่ค่อยเห็นอะไรชัด แต่เวลาอยู่ในช่วงขาลง คุณจะได้เจอสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
5
นั่นคือเหตุผลที่ผมดีใจนะ ที่ตัวเองเจอเรื่องร้ายๆ บ้าง เพราะมันเป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้เห็นว่าใครอยู่ข้างคุณ ใครที่วิจารณ์คุณเสียๆ หายๆ กว่าปกติ คนพวกนี้จ้องอยู่แล้ว พวกเขาไม่อยากให้เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จหรอก
7
ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ผมที่คิด แต่จอร์จิน่าก็คิด ผมรู้สึกว่าสื่อมวลชนว่ากล่าวผมหนักเกินไป ผมไม่เข้าใจว่าทำไม แม้แต่สื่อโปรตุเกสเองก็เอาด้วย แต่สิ่งที่ผมรู้คือ ความอิจฉาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้
3
ผมว่าบางคนการกดหัวคนอื่นลงไป อาจช่วยส่งเสริมให้บางคนโดดเด่นขึ้น แต่เพียร์ส ฟังนะ ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมาแล้ว 21 ปี ผมรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ จริงๆ มันก็ไม่มีปัญหาหรอก เพียงแต่ผมอยู่ในช่วงหดหู่ (จากการเสียลูก) เกินกว่าจะมาฟังคำตำหนิเหล่านี้
5
Piers : คุณอ่านหนังสือพิมพ์ หรือเช็กดูในโซเชียลมีเดียไหม
1
Ronaldo : ผมไม่อยากอ่าน เพราะผมรู้ว่า 90% ของข่าวที่นำเสนอมันคือขยะชัดๆ พวกเขาโกหก ก็ไม่ใช่ทุกสื่อหรอกนะ แต่ก็ส่วนใหญ่ พวกเขาไม่คิดจะพูดความจริง
2
พวกเขาปล่อยคำโกหก และคำโจมตีผมและครอบครัวไปเรื่อยๆ มีเรื่องราวแย่ๆ สารพัด พาดพิงถึงครอบครัวผม ทำไมผมต้องไปอ่านล่ะ ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าพวกเขาจงใจทำให้ผมรู้สึกแย่
1
Piers : ปัญหาคือคุณโด่งดังเกินไป คุณเป็นมนุษย์ที่มีคนฟอลโลว์ในอินสตาแกรมมากที่สุดในโลก 495 ล้านผู้ติดตาม อย่างผมเอง มีผู้ติดตามแค่ 2 ล้านเอง และ 8 ล้านคนในทวิตเตอร์ (หัวเราะ) ดังนั้นผมไล่จี้คุณมาแล้วนะในทวิตเตอร์ แต่ในอินสตาแกรมต้องยอมรับจริงๆ ว่าการมีผู้ติดตามเกือบห้าร้อยล้าน มันบ้ามากๆ มากยิ่งกว่าพี่น้องคาร์เดเชียนรวมกันด้วยซ้ำ
Ronaldo : มันรู้สึกดีนะ ผมภูมิใจมากในเรื่องนี้เพราะมันแปลว่าผู้คนชอบเสน่ห์บางอย่างในตัวผม บางครั้งผมก็ถามตัวเองนะว่า ทำไมเราอยู่อันดับ 1 ของโลก ไม่ใช่คนอื่น
Piers : แล้วคุณคิดว่าทำไม
Ronaldo : แน่นอนว่า มันคงไม่ใช่เพราะผมเล่นฟุตบอลเก่ง แต่คนจะกดติดตามคุณได้ เขาต้องรู้สึกเชื่อมโยงบางอย่างกับคุณนะ ผมว่าความหน้าตาดีมันก็ช่วยนะ (หัวเราะ) ไม่หรอกๆ ผมไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงในเรื่องนี้ แต่ให้เดาคือผมคงมีเสน่ห์บางอย่างอยู่ ผมเป็นเหมือนผลไม้ที่ทุกคนอยากจะกิน
4
Piers : (หัวเราะ) คุณเปรียบตัวเองเป็นผลไม้อะไรสักอย่างไหม
Ronaldo : เอาเป็นว่าสตรอว์เบอร์รี่ละกัน (หัวเราะ) แต่เอาจริงๆ ผมไม่รู้เหตุผลที่คนมากดฟอลโลว์หรอก
Piers : ในทวิตเตอร์ของผม จะมีทวีตที่ผมปักไว้บนสุด เป็นคลิปสั้นๆ สิบกว่าวิ เราสองคนกำลังคุยกัน และคุณแซวเรื่องหน้าท้องของผม เชื่อไหมว่าคลิปสั้นแค่นั้น แต่มีคนดูถึง 43 ล้านวิว ดังนั้นผมเลยอยากจะบอกว่าขอบคุณมาก คลิปนั้นก็ตลกดี คนที่มีหน้าท้องสวยที่สุดอย่างคุณมาชมผม ที่ผมอยากบอกคือ พลังของคุณในโลกออนไลน์มันสุดยอดจริงๆ
1
Ronaldo : ผมมีจุดเด่นของผมอยู่ และสามารถใช้จุดนี้ในการดึงดูด และขายความเป็นตัวเองออกไปได้ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คุณก็ต้องฝ่าฟันอะไรมาหลายอย่างเหมือนกัน
1
Piers : ในโลกนี้มีคนที่รักคุณเยอะ แต่ก็มีคนที่เกลียดคุณเยอะ คุณแคร์คนที่เขาเกลียดคุณไหม
1
Ronaldo : ผมแคร์แค่คนที่ชอบผมเท่านั้น ผมไม่เสียเวลาชีวิตให้กับคนที่ไม่ชอบผม พวกเขาไม่มีความน่าสนใจอะไรขนาดนั้น ผมอยากจะมีแต่คนที่รักอยู่รายล้อมผม ผมไม่แคร์คนที่วิจารณ์ผมเสียหาย อย่างพวกอดีตผู้เล่น เป็นต้น
1
Piers : หนึ่งในคนที่วิจารณ์คุณหนักที่สุด ซึ่งผมก็เซอร์ไพรส์นะ นั่นคือเวย์น รูนีย์ คนที่คุณเล่นฟุตบอลด้วยมาหลายปี และดูเหมือนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด แต่ในรอบปีนี้ เราเห็น 3-4 ครั้งแล้ว ที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์และโจมตีคุณ
Ronaldo : ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คุณควรจะไปถามเขานะ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องวิจารณ์ผมเสียหายแบบนั้น ไม่รู้ว่าเขาอิจฉาผมหรือเปล่า
Piers : เขาบอกว่าพฤติกรรมของคุณยอมรับไม่ได้ ยูไนเต็ดควรขายคุณให้พ้นทีม บลา บลา บลา
Ronaldo : เชื่อไหม ว่าราวๆ 6 เดือน ถึง 1 ปีก่อน เขายังมาบ้านผมอยู่เลย เอาลูกเขามาเล่นกับลูกผม และเชิญคริสเตียโน่ จูเนียร์ ไปเล่นฟุตบอลที่บ้านเขา เอาจริงๆ ผมไม่เข้าใจคนแบบนี้เลยนะว่าจะมาทำดีด้วยทำไม ถ้าคุณอยากจะขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ หรืออะไรก็แล้วแต่
2
Piers : เขาทำแบบนั้นเพราะบางทีอาจจะอิจฉาหรือเปล่า ที่คุณยังเล่นฟุตบอลอยู่ และได้อยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดด้วย (Note : โรนัลโด้กับรูนี่ย์ อายุ 37 เท่ากัน แต่โรนัลโด้ยังเล่นฟุตบอลอยู่ ส่วนรูนี่ย์แขวนสตั๊ดไปแล้ว ตอนนี้เป็นโค้ชของดีซี ยูไนเต็ด ในลีกสหรัฐฯ)
Ronaldo : บางทีอาจจะอย่างนั้น เพราะเขาสิ้นสุดอาชีพค้าแข้งไปตอนอายุ 30 กว่าๆ แล้ว ส่วนผมยังเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุด และ แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ผมจะไม่พูดหรอกนะ ว่าผมมีรูปร่างดีกว่าเขาตอนนี้ (หัวเราะ)
Piers : (หัวเราะด้วย) เรื่องนี้โต้เถียงไม่ได้เลย ไม่มีอะไรต้องแย้งกัน
Ronaldo : มันยากนะที่จะฟังคำวิจารณ์แง่ลบ จากคนที่เคยเล่นฟุตบอลกับคุณมา ผมขอยกตัวอย่าง แกรี่ เนวิลล์อีกคน
Piers : ใช่ พูดถึงแกรี่ เนวิลล์ วันก่อนคุณเมินไม่สนใจเขา และเขาก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะมันก็ชัดเจนว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนคุณ แต่เขาเองก็วิจารณ์คุณหนักเช่นกัน (Note : วันที่ 30 ตุลาคม แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นเจอเวสต์แฮม โรนัลโด้ลงมาวอร์ม แล้วเดินมาทักทายคอมเมนเตเตอร์ที่อยู่ในสนาม เขาทักทายหลุยส์ ซาฮา ตามด้วย เจมี่ เรดแนปป์ แต่เมินแกรี่ เนวิลล์ที่อยู่ตรงนั้น จนเนวิลล์หลุดปากออกมาว่า 'คริสต์มาสปีนี้ ผมคงไม่ได้การ์ดแล้วสิ!' ชัดเจนว่าเป็นการจงใจเมินนั่นล่ะ)
Ronaldo : เขาสามารถมีความเห็นของตัวเองได้นะ แต่เอาจริงๆ เขารู้หรอว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในสโมสร ในสนามซ้อมแคร์ริงตัน รวมถึงไปมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในชีวิตของผม ดังนั้นเขาควรจะฟังมุมของผมบ้าง ไม่ใช่มองแค่มุมเดียว เพราะการจะวิจารณ์มันง่ายนะ แต่คุณควรรู้เรื่องราวทั้งหมดก่อนจะพูด
1
Piers : พวกเขาเหล่านั้น คุณนับว่าเป็นเพื่อนไหมตอนนี้
Ronaldo : พวกเขาไม่ใช่เพื่อนผม พวกเขาคือเพื่อนร่วมงาน เราเล่นฟุตบอลด้วยกันแค่นั้น ยกตัวอย่างนะ เราไม่เคยมากินข้าวด้วยกัน ด้วยซ้ำไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวอย่างหนึ่งในชีวิตที่ผมต้องเจอ เขาจะต่อว่าผมเสียหายอย่างไรก็ทำไป แต่ถ้าผมจะทำอะไรจากนี้ ผมก็จะเลือกอยู่กับคนที่รู้สึกดีกับผมจริงๆ แค่นั้น
2
Piers : แต่ก็มีอดีตนักเตะหลายคนมาก ที่ซัพพอร์ทคุณเช่น ริโอ เฟอร์ดินานด์ หรือ รอย คีน คอยให้กำลังใจคุณเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาปกป้องคุณตลอด เรื่องแบบนี้ มีความหมายกับคุณไหม
Ronaldo : มันมีความหมายมาก เพราะผมอยู่ในห้องแต่งตัวร่วมกับพวกเขามาหลายปี พวกเขาคือส่วนหนึ่งในเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลของผม อย่างที่ผมบอกมาตลอดหลายหนมาก ว่า รอย คีน คือกัปตันที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยเจอมาตลอดการเล่นฟุตบอล หรือริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ช่วยผมหลายเรื่อง เขาเป็นเพื่อนบ้านของผมด้วย คนเหล่านี้คือคนดีมากๆ
2
ไม่ใช่แค่เพราะเขาพูดดีๆ เกี่ยวกับผมนะ แต่พวกเขาจะอยู่ตรงนั้นเสมอ และเข้าใจในฐานะนักฟุตบอลว่าคุณคิดอะไรอยู่
Piers : คุณรู้สึกเหมือนโดนทรยศหักหลังไหม ตอนที่เจออดีตเพื่อนร่วมทีมพูดจาแย่ๆ แบบนั้น
Ronaldo : การวิจารณ์คนมันง่าย ยิ่งกับงานโทรทัศน์คุณต้องวิจารณ์ให้มันแรงๆ เพื่อจะได้มีชื่อเสียงยิ่งขึ้น ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ
1
Piers : เขาใช้ชื่อเสียงของคุณ ในการส่งตัวเองให้ดังขึ้นหรือเปล่า
1
Ronaldo : ผมว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของผม พวกเขาไม่โง่หรอก แต่ผมก็ต้องอดทนและดำเนินชีวิตต่อไป มันเป็นศิลปะเหมือนกันนะ ที่ต้องรับมือกับคนที่เคยเล่นด้วยกัน มาพูดจาลบๆ แบบนั้นใส่คุณ มันไม่ใช่เรื่องดีหรอก
1
Piers : มันเจ็บปวดใจหรอ?
1
Ronaldo : มันก็เจ็บปวดนะ แม้จะไม่ได้ถึงขนาดกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่มันก็ไม่ค่อยดีที่ต้องฟังอะไรแบบนั้น
Piers : น่าผิดหวังนะ
Ronaldo : ก็นิดหน่อยนะ ใช่ น่าผิดหวัง
---------------------------
จบแล้วครับสำหรับ EP.1 ส่วนตัวผมว่า ยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่ ไม่ต่างกับในทีเซอร์นัก แต่ก็จะลงดีเทลนิดนึง คาดหวังว่าทีเด็ดจริงๆ ของบทสัมภาษณ์นี้จะอยู่ใน EP.2 ครับ ตอนวิจารณ์เทน ฮาก น่าจะสนุกนะ
1
พรุ่งนี้ผมจะแปลเหมือนเดิม เวลาเดิมครับ มาติดตามได้เลยที่หน้าเพจวิเคราะห์บอลจริงจังเช่นเคยครับผม
1
#CristianoRonaldoEP1
โฆษณา