21 พ.ย. 2022 เวลา 11:21 • ปรัชญา
- ไม่มีเส้นแบ่งใด ขีดแบ่งความรักอันบริสุทธิ์ให้แยกจากกันได้ นั่นเพราะความรักสามารถซึมผ่านได้ทุกตัวกลางที่ขวางกั้น
สำหรับเล่มนี้บอกได้คำเดียวว่า “อบอุ่นและตราตรึงใจเป็นอย่างยิ่ง” สมมงรางวัลพูลิตเซอร์เลยจริงๆ ครับ
เมื่อหญิงสาวตาบอดชาวฝรั่งเศสที่โชคชะตาพัดพามาเจอกับทหารหนุ่มเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องราวความรักความปรารถนาดีที่ก้าวข้ามความแตกแยกระหว่างชาติ ตอกย้ำความจริงของชีวิตที่ว่าสงคราม อำนาจและความโลภ เป็นเพียงเปลือกอันหยาบหนาของมนุษย์ หากแต่มิตรภาพและความปรารถนาดีนี่เองที่จะโอบอุ้มคุ้มครองโลกอันเปราะบางของเราไว้ได้
บรรยากาศภายในเล่มทำให้เราสัมผัสได้ถึงความรักที่อบอุ่นละมุนใจของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างพ่อกับลูกสาวที่ตาบอด มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมรบของทหารหนุ่มเยอรมัน ความรักระหว่างพี่ชายกับน้องสาวที่กำพร้า และที่ประทับใจมากที่สุด คือความรักระหว่างหญิงตาบอดกับชายชาติทหารซึ่งเป็นพลเมืองของชาติที่เป็นศัตรูกัน
“ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคมเพียงใด ก็ไม่อาจกรีดความรักให้ขาดจากกันได้”
เป็นอีกหนึ่งเล่มที่มีบทพรรณนางดงามไร้ที่ติ เนื่องจากตัวละครไม่สามารถมองเห็นโลกได้ ทำให้ต้องเลือกใช้คำพรรณนาอย่างสร้างสรรค์ อาทิ ฉากแวดล้อม กลิ่น รวมถึงรสสัมผัสต่างๆ สายพันธุ์หอย สายพันธุ์นก และชื่อเฉพาะของอัญมณีซึ่งเป็นธีมหลักของเรื่อง โดยผู้เขียนเลือกใช้คำได้อย่างสวยงาม หลากหลายและสร้างสรรค์ไม่ขาดไม่เกิน
All the Light We Cannot See หรือ “ดั่งแสงสิ้นแรงฉาน” เมื่อพิจารณาชื่อของหนังสือเล่มนี้จะพบว่ามีความหมายลึกซึ้งอย่างยิ่ง นัยหนึ่งอาจกล่างถึงหญิงสาวที่ไม่สามารถมองเห็นแสงอันงดงามใดๆ ของชีวิต แต่อีกนัยหนึ่งก็สื่อถึงโลกของเราที่ทุกคนมีความรักเปรียบดั่งแสงอันงดงามเจิดจรัส แต่เราต่างไม่สามารถมองเห็นได้เพราะมีความโลภในอำนาจมากีดกั้นและบดบังสายตาให้มืดบอด
เราทุกคนต่างมีแสงแห่งความรัก น่าเสียดายที่เรามักมองไม่เห็น ไม่รู้สิบางทีผู้เขียนอาจต้องการให้หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า “All the Love We Cannot See” 🖤 ก็เป็นได้นะครับ
10/10 🖤🖤🖤
…พะโล้
โฆษณา