- แม้ Gloria Gaynor จะเกลี้ยงกล่อมต้นสังกัดว่า I Will Survive ควรได้รับการโปรโมท แต่ต้นสังกัดก็ยืนยันว่า Substitute จะเป็น Single โดยมี I Will Survive เป็นแค่เพลงแถม เมื่อออกวางขายในปี 1978 แผ่น Substitute ขึ้นชาร์ต Billboard Hot Soul Singles ได้สูงสุดเพียงอันดับที่ 78 และไม่ติด 100 อันดับบนชาร์ตหลักของอเมริกา
- กลับกลายเป็น I Will Survive ที่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่า DJ ไนท์คลับ แม้กระทั่ง Studio 54 ก็เปิด I Will Survive ไม่เว้นแต่ละคืน จากนั้นรายการวิทยุจึงเริ่มเปิด I Will Survive จนเพลงได้รับการพูดถึงไปทั่วทั้งอเมริกา นั่นทำให้ Polydor Records รู้ตัวแล้วว่ามีของดีอยู่ในมือ จึงจัดจำหน่าย I Will Survive เป็น Side-A Single ผลที่ตามมาคือ I Will Survive กลายเป็นเพลงอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ในเดือนมีนาคม ปี 1979
- I Will Survive บันดาลให้สองเพื่อนนักแต่งเพลง Dino Fekaris และ Freddie Perren ไม่ต้องตกงานอีกไปจนตลอดชีวิต I Will Survive ยังเป็นเพลงที่มีความสำคัญในฐานะตัวแทนพลังการต่อสู้ของชาว LGBT และผู้ติดเชื้อ HIV ในยุคสมัยของการเกลียดกลัวรักร่วมเพศ
- I Will Survive ทำหน้าที่สร้างพลังใจให้ผู้ที่ถูกตราหน้าว่าแพ้มายาวนานหลายทศวรรษ ตราบที่มนุษย์ตระหนักว่า " ...I've got all my Life to live, I've got all my Love to give ... " แน่นอนว่า ชีวิตมันต้องอยู่รอดกันต่อไป แล้วอย่ามาตามง้อกันทีหลังก็แล้วกัน Hey Hey