22 พ.ย. 2022 เวลา 06:03 • กีฬา
ประเทศไทย เป็นชาติเดียวที่ยังไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ทั้งๆ ที่เหลืออีกแค่ 28 วัน การแข่งจะเริ่มอยู่แล้ว เรื่องราวเป็นอย่างไร วิเคราะห์บอลจริงจังจะอธิบายให้ฟัง
ศึก AFF Suzuki Cup ที่ไทยเป็นแชมป์เก่า ในปีนี้เปลี่ยนชื่อเป็น AFF Mitsubishi Electric Cup ตามสปอนเซอร์แบรนด์ใหม่ โดยตามกำหนดการ จะเริ่มแข่งนัดแรกวันอังคารที่ 20 ธันวาคม หลังจบฟุตบอลโลกที่กาตาร์ 2 วัน
1
ทั้งหมด 10 ประเทศ ที่เข้าร่วมการแข่ง นอกจากไทยแล้ว 9 ประเทศที่เหลือ ซื้อลิขสิทธิ์ไปครบแล้ว
1
ตัวอย่างเช่น มาเลเซีย ช่อง Astro ซื้อลิขสิทธิ์ครบทั้ง 26 แมตช์ ส่วนของเวียดนาม เป็นของเคเบิ้ลช่อง Next Media
ส่วนที่ไทย เจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ช่อง 7HD ยังคงเงียบอยู่ ไม่แสดงท่าทีว่าจะเอาหรือไม่เอา
ก่อนอื่นต้องอธิบายว่า AFF ได้จ้างบริษัทเอาต์ซอร์ส ชื่อสปอร์ตไฟว์ จากเยอรมนี เป็นตัวแทนในการดีลกับชาติต่างๆ เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด คล้ายๆ กับที่ฟีฟ่า ที่แต่งตั้งให้บริษัท อินฟรอนท์ เจรจาลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกนั่นเอง
1
บริษัท สปอร์ตไฟว์ แปลกใจมาก ที่การแข่งกำลังจะเริ่มทุกที แต่กลับไม่มีคนสนใจซื้อลิขสิทธิ์ ยิ่งถ้ามองว่าเรทติ้งของศึก AFF ในไทยนั้นพุ่งกระฉูดอย่างมหาศาลมาก
ย้อนกลับไปในปี 2564 สถาบันนีลเซ่น เปิดเผยเรทติ้งรายการทีวีทั้งหมดในรอบปี ปรากฏว่า อันดับ 1 2 3 เป็นการแข่งขันฟุตบอล AFF ทั้งหมด
1
อันดับ 1 - นัดชิงเลกแรก ไทย vs อินโดนีเซีย เรตติ้ง 10.039
อันดับ 2 - รอบรองเลกสอง ไทย vs เวียดนาม เรตติ้ง 10.031
อันดับ 3 - รอบรองเลกแรก ไทย vs เวียดนาม เรตติ้ง 8.803
ส่วนอันดับ 4 คือละครวันทอง ตอนอวสาน (เรทติ้ง 7.640) , อันดับ 5 ละครสะใภ้เจ้าสัว ตอนอวสาน (เรทติ้ง 7.192), อันดับ 6 ละครวงเวียนหัวใจ ตอนอวสาน (เรทติ้ง 7.107)
สะท้อนให้เห็นว่า ความนิยมของศึกชิงแชมป์อาเซียน การันตียอดคนดูอยู่แล้ว นี่เป็นรายการที่คนดูมากที่สุดในประเทศ และไม่ใช่แค่รอบน็อกเอาต์ แม้แต่การแข่งในรอบแบ่งกลุ่ม เรทติ้งก็ยังถือว่าโอเคมากๆ
หลังจบศึก AFF ครั้งล่าสุด ด้วยเรทติ้งมหาศาล ทางบริษัท สปอร์ตไฟว์ จึงมีการขยับราคาขึ้นเล็กน้อย ล่าสุด ราคาซื้อขายทั้งแพ็คเกจ ได้สิทธิ์ถ่ายครบ 26 นัด อยู่ที่ 2.2 ล้านดอลลาร์ หรือ 79 ล้านบาท
นี่เป็นราคาตัวเลข ที่หลายๆ สถานี เห็นแล้วก็ต้องผงะไปเหมือนกัน เพราะมันแพง ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้
ต่อให้คุณบอกว่า คนซื้อลิขสิทธิ์จะได้แพ็คเกจครบทุกแมตช์ แต่ถามหน่อยว่า เกมระหว่าง บรูไน vs กัมพูชา ใครจะไปดู ซื้อมาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะคนก็จะรอดูแค่โปรแกรมที่ไทยแข่งเท่านั้น
ความซับซ้อนของเรื่องนี้ ที่สถานีโทรทัศน์กังวลใจกันอยู่คือ ถ้าไทยไม่เข้ารอบลึกๆ ล่ะ?
ในรอบแบ่งกลุ่มไทยต้องแข่งแน่ๆ 4 แมตช์ จากนั้นถ้าเข้ารอบ ก็เตะรอบรองอีก 2 แมตช์ และถ้าชนะอีก ก็ได้เตะรอบชิงอีก 2 แมตช์ รวมเป็นสูงสุด 8 แมตช์
1
ค่าลิขสิทธิ์ 79 ล้านบาท เอามาหาร 8 ก็ตีกลมๆ ว่า คุณต้องขายโฆษณาให้ได้แมตช์ละ "10 ล้านบาท" ถึงจะเท่าทุน ถามว่าในยุคที่รายได้ฝืดเคืองแบบนี้ แมตช์ละ 10 ล้านบาท มันจะหากันได้ง่ายๆ หรอ
อันนี้คือ 8 แมตช์นะครับ แต่ถ้าไทยตกรอบแรก ก็ได้ถ่ายแค่ 4 แมตช์ ถ้าตกรอบรองก็ได้ถ่ายแค่ 6 แมตช์เอง ความคุ้มอยู่ตรงไหน
ด้วยเวลาที่บีบมาเรื่อยๆ บริษัท สปอร์ตไฟว์ ก็กลุ้มใจมาก ที่ยังขายให้ไทยไม่ได้อยู่ชาติเดียว พวกเขาสงสัยว่า ความนิยมในฟุตบอลทีมชาติไทย ของคนไทย มันเปลี่ยนไปหรือเปล่า ปกติคอนเทนต์อะไรถ้าเป็นทีมชาติ คนน่าจะแย่งกันซื้อเลยด้วยซ้ำ
1
สำหรับ AFF Mitsubishi Electric Cup ไม่มีกฎ Must Have หรือ Must Carry มาค้ำอยู่ ดังนั้นพวกเคเบิ้ล หรือบริษัทที่ต้องเก็บเงินก่อนดู เช่น True Visions และ AIS Play ก็สามารถร่วมซื้อลิขสิทธิ์ได้ แต่ถึงวันนี้ ทุกๆ บริษัทก็ยังนิ่งเงียบ ดูสถานการณ์กันอยู่ ไม่มีใครออกตัวว่าจะเป็นคนซื้อมาถ่าย
2
ทีมชาติไทย จะแข่งนัดแรกกับบรูไน วันที่ 20 ธันวาคม ที่กัวลาลัมเปอร์ แปลว่านักเตะที่ถูกเรียกตัวติดทีม ก็ต้องไปดูนัดชิงฟุตบอลโลก (18 ธันวาคม) ที่ประเทศมาเลเซียนั่นแหละ
พูดถึงแล้ว อีกไม่นานโค้ชมาโน่ โพลกิ้ง ก็ต้องประกาศตัวแล้ว ว่าใครจะไปแข่งทัวร์นาเมนต์นี้บ้าง เร็วกว่าที่คิดเหมือนกันนะครับ
สำหรับผม มีหลายประเด็นที่คิดตามจากเรื่องนี้
1
1) ช่อง 7HD จะไม่เอาจริงๆ หรือ? ปกติ AFF เหมือนเป็นโลโก้ของช่อง 7 เลยก็ว่าได้ แต่การที่เหลืออีกไม่ถึง 1 เดือนยังไม่เซ็นสักที พวกเขาอาจชั่งใจอยู่ หรือบางทีอาจจะไม่อยากเอาแล้วก็ได้
2) ในปีนี้ ไทยจะไม่มีสตาร์จากเจลีก ทั้งชนาธิป สรงกระสินธิ์ และ สุภโชค สารชาติ หรือธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร จากเลสเตอร์ ที่บาดเจ็บอยู่ รวมถึงสามสตาร์จากบุรีรัมย์ ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา และ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ก็เตรียมไปเก็บตัวที่เลสเตอร์ปลายปี ก็จะไม่เล่นรายการนี้เช่นกัน
1
ในแง่การตลาด ก็ต้องยอมรับว่า การขาดแม่เหล็กไป อาจจะส่งผลให้แฟนบอลขาจร ที่ไม่ได้อินกับทีมชาติ รู้สึกว่าไม่น่าสนใจพอที่จะดู
1
3) True Visions ผมว่าพวกเขาก็ต้องคิดหนักอยู่ เพราะเพิ่งจ่ายไป 300 ล้านกับฟุตบอลโลก แล้วจะให้มาจ่ายเงินอีกก้อนงั้นหรือ
4) ประเทศไทยฟอร์มช่วงหลังก็แกว่ง ในคิงส์คัพ เจอมาเลเซียก็แพ้จุดโทษ มันไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเลย มาโน่ โพลกิ้ง ก็ได้รับความนิยมลดลงมาก คือถ้าเผลอๆ เล่นแย่จนไม่เข้าชิงขึ้นมาล่ะก็ โอกาสที่คนซื้อลิขสิทธิ์จะเข้าเนื้อมีสูงมาก
3
5) โมเมนตั้มของคนไทย ยังอินกับฟุตบอลโลกอยู่ บอลโลกเตะมา 1 เดือน คนดูบอลอาจรู้สึกว่าเต็มอิ่มแล้ว ได้ดูบอลระดับสูงสุดของโลกแล้ว อาจจะไม่อยากมาดูบอลระดับอาเซียนอีก ถ้าจะดูไทยอีกที รอดูเอเชียน คัพโน่นเลยดีกว่า
6) เช่นเดียวกับสปอนเซอร์โฆษณา ที่ลงแคมเปญต่างๆ ให้กับฟุตบอลโลกเยอะแล้ว พวกเขาเองจะเหลืองบพอกับอีเวนต์ AFF แค่ไหน และถ้าไม่มีสปอนเซอร์ ช่องต่างๆ ซื้อไปก็อาจจะไม่คุ้มทุน
1
7) AFF คราวที่แล้ว แข่งแบบบับเบิ้ลที่สิงคโปร์ คนไทยไม่มีทางเลือก ต้องดูหน้าจอทีวีอย่างเดียว แต่คราวนี้ สามารถไปดูในสนามได้ แฟนบอลจำนวนมาก ก็ไปดูในสนามดีกว่า แทนที่จะมารอดูหน้าทีวี เรทติ้งก็อาจจะลดลงอีก
คิดไปคิดมา เหตุผลมีเยอะครับ ที่การซื้อขายลิขสิทธิ์ยังไม่เกิดขึ้น นั่นทำให้เรากลายเป็นชาติสุดท้าย ที่ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะมีการถ่ายทอดสดเสียที
เราก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ว่าการถ่ายจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ และถ้าไม่ กกท. จะต้องเข้ามารับบทคนกลางในการหาทุนอีกหรือเปล่า?
ถ้ากกท. ของบจาก กสทช. โดยอ้าง เหตุผลเดียวกับการของบซื้อฟุตบอลโลก ว่าเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน ก็น่าจะฟังขึ้นกว่าฟุตบอลโลกด้วยซ้ำ เพราะ AFF ก็มีคนไทยเข้าร่วมแข่งด้วย แต่กสทช. จะกล้าอนุมัติหรือเปล่า (ถ้ากล้าขอ) แค่นี้ก็โดนกลุ่มคนที่ไม่ได้ดูบอลตามด่ายับแล้ว
รวมถึง สมาคมทีวีดิจิทัล ที่อยากถ่ายฟุตบอลโลกกันมากมาย พอมาเป็นเกมทีมชาติไทย พวกเขาจะคิดรวมตัวกัน หารเงินคนละนิดคนละหน่อย แบ่งโปรแกรมทีมชาติไปถ่ายกันไหม หรือว่าจะสนใจแค่อีเวนต์อย่างฟุตบอลโลกอย่างเดียว
เอาล่ะครับ เรามารอดูกัน จริงๆ ถ้าช่องไหนคำนวณแล้วว่า "คุ้ม" ก็ลุยเลยนะครับ เจรจาผ่านสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้เลย ทางบริษัท สปอร์ตไฟว์คงยินดีมากๆ ที่จะมีคนซื้อซะที ผมว่าสุดท้ายแล้วเรตติ้งก็ไม่ได้แย่หรอก อย่าลืมว่าไทยเป็นแชมป์สูงสุดในถ้วยนี้นะ จริงไหม
สำหรับเรื่องนี้ ที่ไม่เป็นข่าวเพราะผู้คนโฟกัสกันที่ฟุตบอลโลกอยู่ แต่จริงๆ คิดดูก็น่าหวั่นใจนะครับเพราะมันใกล้แล้ว
นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หรือเปล่า ที่ไทยไม่มีถ่ายทอดสดในทัวร์นาเมนต์ทีมชาติ ที่ตัวเองลงแข่ง ก็ต้องติดตามกันต่อไป
แต่ถามใจผมว่า กังวลขนาดนั้นไหม เอาจริงๆ ก็ไม่นะครับ เพราะฟุตบอลโลกที่คุยกันที่เงินระดับพันล้าน เรายังปิดดีลได้สำเร็จใน 2 วัน แล้วศึก AFF เหลือเวลาตั้ง 28 วัน กับเงินเพียง 79 ล้าน (และอาจต่อรองได้มากกว่านี้อีก) เราจะปิดดีลไม่ได้เชียวหรือ
และใครจะไปรู้ เราอาจได้เห็นกลยุทธ์โปรไฟไหม้ในตำนานอีกครั้งก็ได้ครับผม!
5
#LASTMINUTEDEALAGAIN
โฆษณา