ส่วนใครที่เกิดไม่ทัน และงงว่าวิดีโอเทปคืออะไร วิดีโอเทปก็คือ VHS ย่อมาจาก Video Home System เป็นการบันทึกภาพลงม้วนเทปใหญ่ๆ และเล่นผ่านเครื่องเล่นวิดีโอ ซึ่งบ้านที่มีตังค์หน่อยก็จะซื้อมาติดไว้เพื่อความบันเทิง
ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบกันระหว่างสองยุคสมัย คือสมัยนี้เรามี Netflix, Disney+, Prime Video สมัยก่อนเราก็มีร้านวิดีโอ Blockbuster เป็นที่พึ่งความบันเทิงในบ้าน
Blockbuster ก่อตั้งโดย David Cook เดิมที David ไม่ได้มีแพชชั่นหรือมีประสบการณ์ด้านภาพยนตร์โดยตรง เขามีบริษัทเล็กๆ ชื่อ Cook Data Services ก่อตั้งในปี 1982 ทำธุรกิจบริการซอฟต์แวร์ให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซทั่วเท็กซัส แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมาย
David จึงมองหาธุรกิจใหม่ และ Sandy Cook ภรรยาผู้เป็นคอหนัง ก็แนะนำว่า ลองธุรกิจร้านเช่าวิดีโอดูไหม หลังจากนั้น David ก็เริ่มศึกษาธุรกิจนี้อย่างจริงจัง เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่จุดประกายจากคำแนะนำของภรรยานี่เอง
วิธีการรันกิจการแบบนี้ David เห็นว่ามันเต็มไปด้วยช่องโหว่ และสามารถจัดการให้ดีขึ้นได้ ด้วยการจัดระบบระเบียบผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่ง David มีประสบการณ์อยู่แล้ว
หลังจาก Sandy Cook ทำการวิจัยอุตสาหกรรมการเช่าวิดีโออยู่หลายเดือน David ก็ขายธุรกิจซอฟต์แวร์น้ำมันและก๊าซ และเข้าสู่ธุรกิจให้เช่าภาพยนตร์เต็มตัว
ตุลาคม 1958 ก็ได้ถือกำเนิด Blockbuster Video ร้านเช่าวิดีโอแห่งแรกที่ดัลลัส ด้วยวิดีโอเทป 8,000 ม้วน ครอบคลุมหนัง 6,500 เรื่อง Blockbuster Video มีสินค้าคงคลังมากกว่าคู่แข่งหลายเท่า
Blockbuster Video เหนือชั้นกว่าคู่แข่งและร้านเล็ก เพราะมีคอลเลกชั่นเทปตามชั้นวางเหมือนร้านหนังสือ มีแม่เหล็ก เซนเซอร์ และบาร์โค้ดช่วยจัดระบบสินค้าและระบบสมาชิก ลดเวลาการทำธุรกรรมตอนเช่า และป้องกันขโมยได้ด้วย
ในฤดูร้อนปี 1986 David ขยาย Blockbuster เพิ่มอีกสามแห่ง เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Blockbuster Entertainment Corporation และเริ่มระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจเพิ่มเติมด้วยการเสนอขายหุ้น
แต่โปรเจกต์ขายหุ้นถูกพับไป เพราะนิตยสารฉบับหนึ่งเขียนตั้งคำถามแบกกราวด์ David เรื่องธุรกิจน้ำมันและก๊าซ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า David ไม่ได้มีความรู้เรื่องธุรกิจหนังมากนัก บทความนี้ทำให้การเสนอขายหุ้นถูกยกเลิก และเงินทุนของ Blockbuster ก็เริ่มรอยหรอ นำมาสู่การขาดทุน 3.2 ล้านดอลลาร์
จนในปี 1987 David ขายหนึ่งในสามร้าน Blockbuster ให้กับกลุ่มนักลงทุน 3 คน คือ Wayne Huizenga, John Melk, Donald Flynn ทั้งสามล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Waste Management บริษัทกำจัดขยะรายใหญ่ รวมๆ แล้วมีการลงทุนในหุ้น Blockbuster 18.6 ล้านดอลลาร์
[ สู่ยุคผู้บริหารคนใหม่ ขยายธุรกิจไปอีกระดับ ]
หลังได้เงินระดมทุนแล้ว David ก็รู้สึกยอมจำนนต่ออนาคต Blockbuster และออกจากบริษัทไป Huizenga กลายเป็นผู้คุมบังเหียนแทน และเป็นผู้ขยายธุรกิจ Blockbuster ไปอีกระดับ
Blockbuster เริ่มขยายสาขาและเจาะโมเดลแฟรนไชส์ เข้าซื้อกิจการ Southern Video Partnership, Movies To Go, Inc., Video Library, Inc เพื่อเป็นทางลัดในการขยายสาขาแบบไม่ต้องเริ่มสร้างใหม่ เซ็นสัญญาดีลกับ United Cable Television Corporation (UCTC) เพื่อขยายสาขาอีก 100 สาขา
เรื่องราวระหว่างบทสนทนา แท้จริงเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบได้ แต่ Randolph นำประสบการณ์ในช่วงขณะนั้นมาเขียนในหนังสือ That Will Never Work: The Birth of Netflix and the Amazing Life of an Idea