23 พ.ย. 2022 เวลา 14:07 • ความคิดเห็น
ตัวเองรู้สึกเหมือนชีวิตเริ่มต้นสองครั้ง...
ครั้งแรกคือตอนเกิดมาจากพ่อ และแม่ตามปกติค่ะ แม่คลอดออกมา นั่นคือการเริ่มต้นบนโลกใบนี้ ในชีวิตนี้
มีชีวิตเติบโตเหมือนคนทั่วๆไปมองโลกไม่ต่างอะไรจากคนอื่นๆ ชีวิตมีความหวัง มีความฝัน จนเข้าวัยหนุ่มสาว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี...
ตอนอายุ 24 ปี เดินไปมา ดูแลคนไข้ในวอร์ด ก็พลันนึกถึง ความหวังความฝันในสายอาชีพการงานของตัวเอง มองเห็นอนาคตที่แน่วแน่มั่นคง ทางมันมีอยู่ชัดๆ เห็นๆอยู่ มีเส้นทางให้เราเดิน
ตอนนั้นมีความหวังความฝันอยู่เต็มหัวใจ
อายุ 25 ปี หน้าที่การงาน อนาคตการศึกษาไปได้เรื่อยๆ การเงินก็ตามสภาพเด็กจบใหม่ไม่ได้มีมากมาย แต่ก็พอจะดูแลตัวเองได้ แม้ว่าจะไม่ได้มองหาเรื่องชีวิตคู่ แต่ชีวิตมันก็ดีแบบที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรื่องนี้ และส่วนตัวมองว่า อายุยังน้อย 😆😆😆 แค่ 25 ปีเอง ยังเรียนอยู่
ยังไม่จบบอร์ดเด็กเลย.... รีบทำไมเรื่องความรัก
ชีวิตมันดี ดีในแแบบของเรา แบบที่เราพอใจ แบบที่เราคาดหวัง คาดเดา คาดการณ์​ได้แทบจะทุกอย่าง มันมั่นคงมาก มันไม่ได้มองเห็นทางตันอะไรเลยในชีวิต
ดีจนทำให้ต้องเกิดการเริ่มต้นชีวิตใหม่ครั้งที่สอง
จากชีวิตที่เรารู้สึกว่ามันดีในแบบที่เราพอใจ เราอยู่ได้ ความมั่นคงที่เราตั้งใจสร้างมาทั้งชีวิต เราเป็นเด็กที่วางแผนและเลือกและสร้างสิ่งที่ต้องการให้ชีวิตตัวเองมาตลอด .... พ่อแม่แค่คอยดูแล ใส่ใจ แต่ไม่บังคับไม่ขีดเส้นให้ เสนอแนะนำ แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ลูก เรื่องเรียน เรื่องงานหน้าที่เราเราจัดการเอง
แต่ทุกอย่างกลับมาพังตรงหน้าในเวลาข้ามวันข้ามคืน เพราะปัญหาสุขภาพ...
ในวันนั้นสิ่งที่คิด ที่หวังที่ฝันไว้ไม่มีท่าทางว่าจะเป็นไปได้อย่างที่เคยคิดไว้ กลายเป็นชีวิตสอนให้รู้ว่า ความมั่นคงไม่มีอยู่จริง ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน เราควบคุมบังคับอะไรไม่ได้แม้แต่ตัวเราเอง และ ไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆแม้ความรู้ความสามารถ มันมี มันตั้งอยู่ และมันพร้อมจะสลายจากเราไปตอนไหนก็ได้ ด้วยเหตุผลต่างๆของมัน...
เหตุการณ์ตอนนั้นทำให้ผิดหวัง เสียใจ อกหักกับโลกใบนี้ เสียใจมากๆค่ะ โลกพังทลาย.... เหมือนคนตื่นจากฝันที่เข้าใจผิดมาตลอดชีวิตค่ะ...
หลังจากนั้น ตั้งแต่อายุ 25 เมื่อผ่านพ้นเหตุการณ์​นั้นมาได้ราวกับปาฏิหาริย์​....
มุมมองชีวิต แนวคิด การมองเห็นก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมองหาหนทางที่จะทำให้เราเข้าใจและยอมรับความจริงของโลกนี้ให้ได้อย่างแท้จริง รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนแค่ฝุ่นผลธุลีดินในจักรวาล ความอหังการ์ยามรักษาคนนไข้หาย พาเขารอดตาย เหลือเพียวแค่ความยินดีในหน้าที่ที่สำเร็จ มีปัจจัยเยอะแยะที่คนไข้จะไม่ตาย หมอเป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆหนึ่งในนั้น
ความจริงของโลก ที่เขาเรียกกันว่า
พระสัทธรรม กลายเป็นสิ่งที่อยากจะเรียนต่อตั้งแต่วันสิ้นหวัง แทนการเรียนสายวิชาชีพตามที่ตั้งใจไว้ เพราะวันที่ทุกข์สาหัสนั้นถามตัวเองว่า
เรียนมาขนาดนี้ อาจจะไม่ได้คนเรียนเก่งเลิศเลอ แต่ก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ หน้าที่การงานก็ดี ได้ทำงานในที่ที่คนหลายๆคนเขาอยากมา แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสมากันง่ายๆ
ร่างกายที่แปรปรวนไปใครก็ช่วยไม่ได้ ครูบาอาจารย์ก็เก่งๆทั้งนั้น.. ถ้าเอา connection มันเข้าถึงได้ในส่วนกลาง ไปต่างประเทศ มันมีทาง...
ทำไมมันแก้ไข บังคับ ควบคุมอะไรให้ได้ดั่งใจเรา ไม่ได้สักอย่าง
ทำไมมันยังทุกข์ได้ขนาดนี้ ทำไมวางไม่เป็น ยอมรับความจริงไม่ได้ แบกทุกข์เต็มหัวใจ
ทุกเช้าค่ำ เรียนมากี่ปี เรียนในสาขาวิชาชีพหนึ่งที่คนเขาบอกว่าเรียนไม่ง่าย ก็เรียนมาได้ไม่ได้ลำบากเลย แต่ทำไมแบกทุกข์ไว้ได้ขนาดนี้ไม่รู้จักวาง ที่เรียนมาช่วยอะไรจิตใจตัวเองได้บ้าง ไม่มีเลย ...
หลังวันนั้นก็เหมือนเกิดใหม่ค่ะ มองโลกใหม่ คิดใหม่ เลือกใช้ชีวิตไปอีกทางที่ไม่คิดว่าจะทำ แต่บอกตัวเองว่า โลกนี้ไม่มีอะไรมั่นคงและไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เรามีมาตรฐานวิชาชีพเดียว เราจะรักษามันไว้เพื่อประโยชน์ของตัวเองและคนอื่น หลังจากนั้นหนึ่งปีการลาออกจากราชการก็ไม่ยากเลยค่ะ แม้อาจารย์หลายท่านจะไม่เห็นด้วยและทัดทาน อาจารย์ผู้ใหญ่เรียกพบให้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่
ได้แต่น้อมรับความรัก ความห่วงใยของอาจารย์ไว้ด้วยหัวใจ....
การเริ่มชีวิตใหม่ ครั้งที่สอง เริ่มตอนอายุ 25 ปีหลังจากรอดตาย รอดพิการก็หันมาสนใจเรื่องใหม่ ที่เมื่อก่อนตัวเองเคยมองข้าม มองว่าเก่าไม่น่าสนใจ ไม่มีเหตุผล จับต้องไม่ได้ และไกลตัว...
โฆษณา