26 พ.ย. 2022 เวลา 07:55 • กีฬา
ตำนานคลาสสิค ที่ดีเอโก้ มาราโดน่า กล่าวหาว่าโทมัส มุลเลอร์ เป็นเด็กเก็บบอล เป็นเรื่องจริงไหม ถ้าไม่จริง แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
เมื่อวานนี้ (25 พฤศจิกายน) เป็นวาระครบรอบ 2 ปีที่ดีเอโก้ มาราโดน่า เสียชีวิต
1
ทุกคนรู้ดีว่า มาราโดน่าคือตำนานผู้ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอล เขาคือไอคอนอันดับหนึ่ง เป็นคนที่แบกอาร์เจนติน่าจนคว้าแชมป์โลก ปี 1986 และแบกนาโปลี ให้คว้าแชมป์เซเรียอา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
1
แม้วันที่แขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่มาราโดน่าก็ยังคงมีคาแรคเตอร์อันน่าจดจำเสมอ เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลไปจนถึงวันที่เสียชีวิต
เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับเขามีเยอะมาก แต่วันนี้อยากหยิบเรื่องหนึ่งมาเล่า ที่มีความเชื่อมโยงกับฟุตบอลโลก นั่นคือ "วันที่มาราโดน่าบอกว่าโทมัส มุลเลอร์ เป็นเด็กเก็บบอล"
1
ในข้อเท็จจริง มาราโดน่า ไม่ได้พูดว่า "Ballboy" แต่ในเชิงความหมาย ก็พอจะสื่อไปทางนั้นได้ เรื่องราวเป็นอย่างไร เราจะย้อนไปดูพร้อมกัน
เดือนตุลาคม 2008 อัลฟิโอ บาซิเล่ เฮดโค้ชอาร์เจนติน่า ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ทำให้สมาคมทาบทามดีเอโก้ มาราโดน่า (48 ปี) ขึ้นมาเป็นโค้ชคนใหม่แทน
มาราโดน่า มีฝีมือในการคุมทีมปานกลาง แต่ด้วยบุคลิกที่โดดเด่นและบารมีของเขา ทำให้สามารถปกครองนักเตะในทีมได้เป็นอย่างดี เพราะต่อให้ผู้เล่นจะคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหน แต่คุณกล้าบอกไหม ว่าตัวเองเก่งกว่ามาราโดน่า?
มาราโดน่า พาทีมลงเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ และปิดจ๊อบได้ ด้วยการจบอันดับ 4 ได้โควต้ามาเล่นในเวิลด์คัพ 2010 ที่แอฟริกาใต้
เดือนมีนาคม 2010 สามเดือนก่อนที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น อาร์เจนติน่าลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับเยอรมันที่เมืองมิวนิค เป็นเกมเทสติโมเนียลแมตช์ ของโลธาร์ มัทเธอุส
เกมนั้นไฮไลท์อันดับ 1 คือการคุมทีมของมาราโดน่า ส่วนไฮไลท์อันดับ 2 นั่นคือการลงเล่นให้ทีมชาติเยอรมันเป็นนัดแรกของโทมัส มุลเลอร์ ดาวรุ่งของบาเยิร์น มิวนิค
มุลเลอร์ ณ เวลานั้น อายุ 20 ปี มีผลงานที่ไม่เลวกับสโมสร ด้วยการยิงไป 13 ลูก จาก 33 นัด ในฤดูกาล 2009-10 นั่นทำให้โยอาคิม เลิฟ เฮดโค้ชทีมชาติ คิดว่าสมควรจะให้โอกาสแล้ว
ถามว่าผลงานมุลเลอร์กับนัดแรกในทีมชาติ เล่นโอเคไหม คำตอบคือไม่เด่น ยังดูตื่นสนามอยู่ ได้ลงเล่นเจออาร์เจนติน่าไป 67 นาที แต่เล่นไม่ออก ก่อนโดนเปลี่ยนออก
ในภาพรวมอาร์เจนติน่า ที่มี เมสซี่, เวรอน, เตเวซ เล่นดีกว่ามาก ก่อนจะบุกเอาชนะเยอรมันคาบ้านได้ 1-0 จากประตูโทนของกอนซาโล่ อิกวาอิน
หลังจบเกม ตามธรรมเนียมแล้ว ตัวแทนจากสองทีมชาติ ต้องเข้ามาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ห้องเพรส คอนเฟอเรนซ์
ณ เวลานั้น ไม่มีข้อกำหนดอะไรคือใครจะมาให้สัมภาษณ์ก็ได้ และด้วยความที่เป็นเกมอุ่นเครื่อง ตัวแทนจากทั้งสองทีม จะนั่งพร้อมกันบนโต๊ะตัวเดียวกันได้เลย ไม่ต้องแยกกันให้สัมภาษณ์คนละที
โดยฝั่งอาร์เจนติน่านั้น มาราโดน่ามาให้สัมภาษณ์เอง ส่วนฝั่งเยอรมัน โยอาคิม เลิฟ ส่งโทมัส มุลเลอร์ ไปให้สัมภาษณ์
คือในมุมของเลิฟก็พอเข้าใจได้ เพราะมุลเลอร์เป็นคนที่สื่อมวลชนสนใจมากที่สุด เพราะเป็นเกมแรกในนามทีมชาติ และเป็นการเปิดตัวของดาวรุ่งคนใหม่ของวงการฟุตบอลเยอรมัน ดังนั้นก็น่าจะเหมาะสมกับการเข้าเพรส คอนเฟอเรนซ์ สื่อจะได้ถามเรื่องต่างๆ เช่นความรู้สึกที่ได้เล่นเกมแรก, ความรู้สึกที่ดวลกับเมสซี่ ฯลฯ
2
แต่มุมของดีเอโก้ มาราโดน่า ไม่คิดแบบนั้น เขามองว่าการเอานักเตะมานั่งเทียบเคียงกับโค้ช เป็นการไม่ให้เกียรติกันเลยสักนิด เยอรมันควรจะส่งโยอาคิม เลิฟ เข้ามานั่งตรงนี้มากกว่า
มาราโดน่าเดินเข้ามาที่ห้องเพรส คอนเฟอเรนซ์ นั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง จากนั้นมุลเลอร์ก็เดินตามมา เตรียมจะนั่งลงข้างๆ ปรากฏว่า มาราโดน่าทำหน้างง ว่ามุลเลอร์มาทำอะไรตรงนี้ พร้อมกับไล่มุลเลอร์ให้ไปนั่งที่อื่น
ตามคิวมาราโดน่าต้องเริ่มตอบคำถามแล้ว แต่มาราโดน่าโวยขึ้นมาว่า "ถ้าคุณอยากจะคุยกับนักเตะก่อน งั้นเดี๋ยวผมจะไปรออยู่ตรงนั้น"
ล่ามบอกว่า "คุณมาราโดน่า คุณเริ่มให้สัมภาษณ์ได้เลย"
1
มาราโดน่าสวนกลับไปว่า "ไม่ นี่มันไม่ปกติสำหรับผมที่ต้องมาพูดในเพรส คอนเฟอเรนซ์ โดยมีนักเตะมานั่งอยู่ข้างๆ ไม่เอาน่า" แล้วก็ทำท่าถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนพูดต่อว่า "ผมไม่พูดอะไรทั้งนั้น ผมรอได้ เอาเลย เชิญถามเขาให้เต็มที่เลย" โดยผายมือไปที่มุลเลอร์ ที่ยังนั่งมึนๆ อยู่ แล้วก็ลุกหนีไปเลย
1
เจอแบบนี้ ผู้จัดจึงไม่มีทางเลือก ถ้ามาราโดน่าไม่ยอมให้สัมภาษณ์อีกเลย มันจะวุ่นกว่านี้เยอะ สุดท้ายล่ามก็แจ้งว่า "คุณมาราโดน่า ได้โปรด อยู่ก่อน เดี๋ยวผู้เล่นจะเป็นคนเดินออกไปเอง"
มุลเลอร์เก้ๆ กังๆ ยิ้มแบบงงๆ เขาลุกยืนขึ้น แล้วจำใจออกจากโต๊ะแถลงข่าวไป จริงอยู่ ทุกคนรู้ว่ามุลเลอร์เป็นคนกวนๆ ถ้าเป็นปัจจุบันอาจทำอีกแบบ แต่ ณ เวลานั้น เขาอายุ 20 ปี เพิ่งเล่นทีมชาติเกมแรก เมื่อมาราโดน่าทำแบบนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องยอมหลีกทางไปเอง
มุลเลอร์เดินจากไป มาราโดน่าเดินกลับมาแล้วยิ้มอย่างเป็นผู้ชนะ บนโต๊ะแถลงข่าวเหลือเขาคนเดียวแล้ว
มาราโดน่าพูดว่า "ผมอยากจะเคลียร์ให้ชัดเจน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นผู้เล่น"
ประโยคนี้แหละ ที่เป็นดราม่า เพราะมาราโดน่าย่อมรู้อยู่แล้วว่ามุลเลอร์เป็นใคร ตอนแรกสุดเขาก็ยังพูดอยู่เลยว่า เอาโค้ชกับนักเตะมาแถลงข่าวพร้อมกันได้ไง
1
ยิ่งไปกว่านั้น มุลเลอร์ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องถึง 67 นาที ตอนโดนเปลี่ยนตัวออก มาราโดน่าก็ยังจับมือเขาด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าเป็นผู้เล่น มีเหตุผลเดียวที่มาราโดน่าพูด นั่นคือไม่คิดว่านักเตะดาวรุ่งจะมาคู่ควรนั่งทัดเทียมเขาบนโต๊ะเดียวกันต่างหาก
มุมของมาราโดน่ามองว่า มุลเลอร์เป็นเด็กรุกกี้ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วจะเอามานั่งข้างๆ เขา มารยาทอยู่ตรงไหน เยอรมันอาจไม่คิดมาก แต่อาร์เจนติน่าคิด
1
ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า มาราโดน่าไม่ได้พูดคำว่า "เด็กเก็บบอล" แม้แต่ครั้งเดียว แต่ที่ผู้คนตีความกันแบบนั้น เพราะมาราโดน่าบอกว่า 'ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามุลเลอร์เป็นผู้เล่น' คนก็เลยโยงว่า แหม ถ้าไม่ใช่ผู้เล่นแล้วจะเป็นใคร เป็นเด็กเก็บบอลหรอ?
เหตุการณ์นี้ จึงถูกเรียกด้วยศัพท์ที่เข้าใจง่ายไปเลยว่า เหตุการณ์ "Ballboy Muller" เป็นอันรู้กันว่าพูดถึงเรื่องนี้ แต่ถ้าเราดู Fact จริงๆ มาราโดน่าไม่ได้พูดคำว่าเด็กเก็บบอลนะ
พอมาราโดน่าให้สัมภาษณ์เสร็จ มุลเลอร์ก็ขึ้นมาพูดต่อ เขากล่าวถึงมาราโดน่าว่า "ในฐานะโค้ชผมคงตัดสินไม่ได้ว่าเขาเก่งไหม แต่การที่อาร์เจนติน่าชนะเราได้ ก็แปลว่าสิ่งที่เขาทำมันคงถูกต้อง"
ก็เป็นบทสัมภาษณ์ที่ดูให้เกียรติดี แต่ ณ เวลานั้น ใครๆ ก็มองออกว่า การโดนเมิน สร้างไฟแค้นให้มุลเลอร์เป็นอย่างมาก เขาจำเหตุการณ์ได้ไม่ลืม และรอวันเอาคืน
หลังจากจบเกมอุ่นเครื่องกับอาร์เจนติน่า มุลเลอร์ก็กลับไปเล่นให้บาเยิร์น มิวนิคต่อ และเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ เขาพาทีมเสือใต้ได้แชมป์บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล ตามด้วยเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่พ่ายแพ้อินเตอร์ มิลานไปอย่างน่าเสียดาย เกือบคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้
2
สำหรับมุลเลอร์ ด้วยผลงานที่สม่ำเสมอ ทำให้เขาถูกเรียกตัวไปฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้อย่างไม่มีปัญหา และการันตีตำแหน่งตัวจริงด้วย
ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เริ่มต้นขึ้น อาร์เจนติน่า กับ เยอรมัน เล่นได้ดีทั้งคู่ จนโคจรมาเจอกันรอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมนี้มุลเลอร์ลงเป็นตัวจริง
ปรากฏว่าเยอรมันถล่มอาร์เจนติน่ากระจุย 4-0 มุลเลอร์ยิงได้ 1 ลูก และตอนจบทัวร์นาเมนต์ เขาได้รางวัลดาวซัลโวฟุตบอลโลกอีกด้วย ทั้งๆ ที่อายุแค่ 20 ปีเท่านั้น
หลังจบเกมมุลเลอร์บอกว่า "สำหรับผม นี่เป็นวันที่น่าพอใจมาก อาร์เจนติน่าต้านทานเราไม่ได้เลย เราเล่นด้วยจังหวะ ด้วยความเร็ว และความดุดัน และเราเหนือกว่าอย่างชัดเจน ผมแปลกใจนะ ที่อาร์เจนติน่าไม่สามารถตอบสนองได้ดีกว่านี้ และไม่ใช้เทคนิคอะไรที่จะทำให้เราเกิดปัญหาเลย"
"สำหรับมาราโดน่า โอเค นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่พิเศษสำหรับผมเช่นกัน เขาคงไม่คิดว่าผมเป็นเด็กเก็บบอลอีกแล้ว เขาไม่รู้จักผมตอนนั้น แต่ตอนนี้เขาคงรู้จักผมแล้ว"
หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ของอาร์เจนติน่า หลังแพ้เยอรมันตกรอบ พาดหัวว่า "ดีเอโก้ เด็กหนุ่มคนนั้น เขาชื่อมุลเลอร์!"
กลายเป็นว่า สิ่งที่มาราโดน่าทำในเดือนมีนาคม 2010 กลับมาเล่นงานเขาเองอย่างเจ็บปวดในอีกสามเดือนต่อมา อาร์เจนติน่าตกรอบด้วยเด็กที่เขาไม่ยอมนั่งแถลงข่าวพร้อมกันนั่นแหละ
3
หลังจากนั้น มาราโดน่าก็อำลาตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไปทำงานอย่างอื่น ส่วนมุลเลอร์ก็เติบโตในฐานะนักฟุตบอลอาชีพต่อไป ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้ปะทะกัน หรือร่วมงานกันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
2
ช่วงแรกๆ เรื่องนี้ก็ดูเป็นประเด็นใหญ่ แต่พอผ่านมาหลายปี ทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรติดใจกันอีก
1
ในปี 2014 ในฟุตบอลโลกที่บราซิล เยอรมันลงเล่นนัดแรกรอบแบ่งกลุ่ม เอาชนะโปรตุเกส 4-0 มุลเลอร์ทำแฮตทริกได้ โดยมาราโดน่ากล่าวชมว่า "มุลเลอร์ไม่ได้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากมาย ถ้าคุณเห็นรูปร่างเขา คงรู้สึกไม่ต่างอะไรกับคนขายเสื้อผ้าข้างถนน แต่เขากลับยิงประตูได้เฉียบขาด และสามารถวิ่งได้ 11 กิโลเมตรต่อเกมได้สบายๆ"
เป็นคำชมที่แปลกดี แต่ก็เป็นคำชมในสไตล์มาราโดน่านั่นแหละ
สำหรับมุลเลอร์ก็มองเรื่องนี้เป็นประเด็นขำๆ ไป เขาให้สัมภาษณ์ในปี 2020 ว่า "ดีเอโก้ มาราโดน่า จำผมไม่ได้ แต่มันไม่ใช่ปัญหาหรอก นั่นคือเกมแรกในนามทีมชาติของผม คุณอาจโต้เถียงว่า แต่ผมก็ลงในเกมนั้นด้วยนะ (หัวเราะ) จากนั้นมา 3 เดือน ผมก็ย้ำให้คุณมาราโดน่าได้รู้ว่าผมเป็นใคร ดังนั้นผมสรุปของเรื่องนี้ มันก็เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้นเอง"
นี่เป็นเหตุการณ์คลาสสิค ของมาราโดน่ากับมุลเลอร์ และเป็นข้อเตือนใจว่า ดาวรุ่งคนหนึ่ง ที่เพิ่งติดทีมชาติเกมแรก ใครจะไปรู้ ว่าเด็กคนนั้นวันหนึ่งอาจจะกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ แล้วตามหลอกหลอนทีมของคุณก็ได้!
โฆษณา