28 พ.ย. 2022 เวลา 12:00 • การ์ตูน
ฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยอนิเมะชั้นยอดที่มีผู้ติดตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Spy x Family พาร์ท 2 Bleach สงครามเลือดพันปี Chainsaw Man หรือ Mob Psycho 100 ซีซั่น 3 ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนับว่าขึ้นแท่นเป็นอนิเมะประจำปีได้ทั้งนั้น แต่เรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน และมีสิทธิที่จะขึ้นแท่นเป็นอนิเมะแห่งปีได้ก็คือ Bocchi the Rock!
Bocchi the Rock! ภาพจาก: https://www.crunchyroll.com/series/GXJHM3P19/bocchi-the-rock
Bocchi the Rock เป็นเรื่องที่ผมตามมาดูทีหลัง หลังจากฉายไปแล้ว 7 ตอน แล้วคิดว่าตัวเองควรจะดูเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว เมื่อเสาะหาคนแนะนำอนิเมะฤดูกาลนี้ไปในทุก ๆ ช่องทาง ชื่ออนิเมะเรื่องนี้ปรากฏอยู่แทบจะทุกรายการ และเขาก็แนะนำให้ดูกันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งนี้ทั้งนั้น ในแวดวงอนิเมะทั่วไป ก็ไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเรื่องนี้มันเจ๋งมาก และมีเนื้อหากินใจโดยส่วนตัวในหลาย ๆ ความหมาย
แน่นอนว่าฤดูกาล Fall 2022 มีอนิเมะดี ๆ เยอะ และผมก็ดูอยู่แล้ว 6 เรื่อง แบบตามทีเดียวทุกวันอาทิตย์ ตกวันละ 2 ชั่วโมงตามอนิเมะที่ออกรายอาทิตย์ ซึ่ง 6 เรื่องถือว่าเยอะมากแล้ว และก็ไม่ได้คิดว่าจะเพิ่มอีกสักเรื่อง แต่ชื่อ Bocchi the Rock!โผล่มาบ่อย ส่วนตัวที่ชอบ Slice-of-Life อยู่แล้ว ก็คิดว่าฤดูกาลนี้ดูแค่ Urusei Yatsura ก็พอแล้ว เพราะผมเห็น Bocchi the Rock เป็นเพียงอนิเมะ Slice-of-Life ที่เอาดนตรีมาเป็นเพียงลูกเล่นเท่านั้น แต่ผมคิดผิดอย่างมหันต์ เรื่องนี้ไม่ควรข้ามด้วยเหตุผลพันหมื่นประการ
หากจะให้บรรยายว่าเรื่องนี้มันเป็นยังไง เอาง่าย ๆ ก็คือ จินตนาการอนิเมะผสมระหว่าง K-On! กับโคมิซัง โดยตัดความน่ารักวัยใสของ K-On! และความโรแมนติดของโคมิซังออก กับเนื้อหาดนตรี x 100 และ Social Anxiety x 1,000 และบวกความน่ารัก ความฮา ความเศร้าที่ผสมกันได้อย่างลงตัว ประกอบกับฝีมือการสร้างอนิเมะยอดเยี่ยมของค่าย CloverWorks แบบนี้น่าจะเห็นภาพแล้ว แต่ก็คงไม่สามารถบรรยายความเจ๋งของเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ อย่างมากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ก็คือแนะนำให้ไปดูกัน แล้วจะเข้าใจเองว่าทำไม Bocchi the Rock! สุดยอด
อนิเมะเล่าเรื่องเด็กสาวม.ปลายปี 1 ชื่อโกโต ฮิโตริ (แปลว่า 1 คน) ที่มีปัญหาด้านการเข้าสังคม เธอตัดสินใจฝึกฝนฝีมือกีต้าร์ของเธอเพื่อที่จะสามารถเข้าสังคมและมีเพื่อนได้ตั้งแต่ม.ต้น แต่เวลาผ่านไปแล้วสามปี เธอก็ยังไม่มีเพื่อนเลยสักคน ไม่ได้ฟอร์มวงดนตรีที่เธอปรารถนา และยังอัด cover กีต้าร์ลงยูทูปจากตู้แคบ ๆ มืด ๆ ของเธอคนเดียว เธอพยายามทุกอย่างเพื่อให้เข้าสังคมได้ ทำทุกอย่างยกเว้นเข้าหาคนอื่นแล้วพูดคุยกับพวกเขา เพราะเธอมีปัญหาการเข้าสังคมขั้นรุนแรง
โกโต ฮิโตริ (โบจจิ)
เธอนำกีต้าร์ของเธอ (ที่ยืมพ่อมา) ไปโรงเรียนในวันแรกของม.ปลาย เผื่อว่าคนอื่นจะเข้ามาคุยด้วย แต่ก็ล้มเหลว แล้วแบกกีต้าร์กลับบ้านโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับใครสักคำ ระหว่างกลับบ้าน เธอพบกับเด็กสาวร่าเริงคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วยเพราะเธอแบกกีต้าร์เอาไว้ แล้วขอร้องให้เธอมาช่วยเล่นกีต้าร์ซับพอร์ทให้วงของเธอ เพราะว่ามือกีต้าร์และร้องนำดันหนีออกจากวงไปกะทันหัน และแล้วฮิโตริจึงเริ่มเส้นทางนักดนตรีของเธอ กับปัญหาการเข้าสังคมของเธอที่ไม่หายไปไหนสักที
เนื้อเรื่องแนวนี้ไม่มีอะไรใหม่ แต่เมื่อจับรวมเข้าด้วยกัน กับฝีมือของผู้สร้าง มันกลายเป็นอะไรที่สดใหม่มาก แน่นอนว่ามันเป็นอนิเมะแนว Slice-of-Life ที่เอาเด็กสาวมาเล่นดนตรีไม่ต่างจากเรื่อง K-On! แต่เนื้อหามีความแตกต่างจากกันมาก มันไม่ใช่เรื่องแบบ K-On! ที่เล่าเรื่องราวของเด็กสาวสี่ห้าคนที่ดื่มชาน่ารัก ๆ ไปวัน ๆ (และไม่ใช่ว่าผมมีปัญหาอะไรกับอนิเมะแนวนั้น) แต่อนิเมะเรื่องนี้มีการเล่นดนตรีกันจริง ๆ เป็นหลัก และปัญหาการเข้าสังคมเป็นแก่น
K-On!
ตัวละครเอกที่มีปัญหาการเข้าสังคมไม่ใช่เรื่องใหม่เหมือนกัน ไม่ต้องมองไปไหนไกล ดูอย่างโคมิซังก็ได้ ซึ่งก็มีปัญหาการเข้าสังคมเหมือนกัน (ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะผมชอบมังงะเรื่องนี้มาก และจากให้มีซีซั่น 3) แต่รายนั้นหนักไปที่พูดไม่เก่งมากกว่า Bocchi the Rock! เล่าถึงคนที่มีปัญหาจริง ๆ และอธิบายกระบวนความคิดของคนที่มีปัญหานั้นออกมาได้อย่างแม่นยำ (ตามความเห็นของใครหลาย ๆ คนที่มีปัญหาแบบนั้น รวมถึงผมด้วยในส่วนหนึ่ง)
โคมิซัง พูดไม่เก่ง
เมื่อเทียบกันแล้ว มันไม่ได้สวยหรูหรือน่ารักแบบโคมิซัง โคมิซังพูดไม่เก่ง แต่ก็เป็นจุดสนใจของคนอื่น ๆ เป็นดาวของดาวอีกทีหนึ่ง แต่น้องฮิโตริ (หรือโบจจิ) ไม่ใช่แบบนั้น เธอไม่ใช่ดาวเด่น ไม่ใช่คนที่คนอื่นพูดถึง เป็นเด็กมุมห้องของจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะมองเธอไม่ดีแต่อย่างใด เธอแค่คิดทุกอย่างไปเองจนไม่กล้าเข้าหาคนอื่น จริงอยู่ว่าเธอโด่งดังแบบไม่เปิดเผยหน้าตาในโลกของอินเตอร์เน็ต แต่ในชีวิตจริงเธอก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีเพื่อนสักคน
ฝึกฝนกีต้าร์วันละหกชั่วโมง ทุกวัน เป็นเวลาสามปี โบจจิเป็นสุดยอดมือกีต้าร์คนหนึ่ง แต่เก่งแค่เล่น cover คนเดียวในตู้มืด ๆ แคบ ๆ ก็เท่านั้น แม้ว่าคนบนอินเตอร์เน็ตจะชมเชยเธอ แต่เมื่อมีโอกาสได้เล่นกับวงจริง ๆ แล้ว เธอก็เป็นแค่กระจอกเท่านั้น เพราะว่าเธอไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ ไม่สามารถแสดงออกหรือรับรู้ความคิดความรู้สึกของคนอื่นในวงได้ ผลออกมาก็คือ เธอเล่นกับวงไม่เก่งเลย แม้ว่าจะฝึกฝนเพลงที่เล่นเป็นวงคนเดียวมาตลอดเวลา แต่เอาจริง ๆ แล้วเธอเล่นไม่ได้
โบจจิในแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของน้อน
อ่านดูแล้วมันดูดาร์กมากเลยใช่ไหมครับ ดูเหมือนว่าน้องโบจจิจะมีแต่เรื่องไม่ดี เจอแต่เรื่องแย่ ๆ แต่เรื่องนี้มัน feel good มากโขอยู่ ความคิดแง่ลบมันเกิดขึ้นในหัวของน้องเท่านั้น แต่คนรอบข้างไม่ได้มองโบจจิไม่ดีแต่อย่างใด เพื่อนคนแรกของโบจจิก็สนับสนุนเธอมาก และคนอื่น ๆ ก็ใจดีกันทั้งนั้น
ที่ผมคิดว่าเรื่องนี้มันพิเศษมาก เพราะว่าการนำเสนอมุมมืดของปัญหาการเข้าสังคมให้น่าสนใจ เข้าใจได้ง่าย และมีอารมณ์ขัน สไตล์การ์ตูนเปลี่ยนแปลงไปสม่ำเสมอเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ทำให้ไม่น่าเบื่อ และตลก อนิเมชั่นมีไดดามิกมาก แสดงให้เห็นว่าผู้สร้าง ผู้วาด และคนอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมในการสร้างเรื่องนี้ขึ้นมามีความสุขและสนุกไปกับมันจริง ๆ ซึ่งต้องขอชมเชิงค่าย CloverWorks ผู้สร้างอนิเมะดัง ๆ อย่าง Spy x Family, Rascal ฯ , Horimiya, หรือ Darling in the Franxx
ค่าย CloverWorks
อย่างไรเสีย อนิเมะเรื่องนี้ติด Tag Comedy เพราะฉะนั้น มันก็เป็นอนิเมะตลกเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมก็หัวเราะบ่อยกับเรื่องนี้เหมือนกัน นอกจากมุกจะมาจากเนื้อเรื่องแล้ว หรือมาจากอนิเมชั่นแปลก ๆ มันก็มาจากนักพากย์เหมือนกัน และผมคิดว่า คุณอาโอยามะ โยชิโนะพากย์น้องโบจจิได้อย่างเหมาะสมมาก ถึงแม้ว่าน้องจะดูเศร้า ๆ หม่นหมอง แต่น้องอย่างตลก น่าเสียดายที่น้องไม่มีเพื่อน ทั้งที่น้องฮาจัด
ดนตรีของเรื่องก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน แน่นอนว่าดนตรีต้องเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง เพราะเป็นอนิเมะดนตรีโดยแท้ โดยเฉพาะการเล่นกีต้าร์ของน้อง ตัวผมที่เล่นกีต้าร์เหมือนกันมามากกว่าสิบปีแล้ว เห็นอนิเมชั่นการจับคอร์ด การเล่นโซโล่บนคอกีต้าร์ที่แม่นยำ ผมอดยิ้มไม่ได้ เพราะถ้าผมอยากจะแกะเพลงนี้ ผมก็แค่ดูอนิเมะ แล้วคลำ ๆ คอกีต้าร์ตามไปเลยได้ อีกทั้ง กีต้าร์ Les Paul Custom สีดำนั้นสวยมากครับ วาดได้เหมือนของจริงเลย
นอกจากนี้ ทักษะการเล่นของน้องโบจจิ และอุปสรรคในฐานะมือกีต้าร์ก็เหมือนกับผมเหมือนกัน ดังนั้นผมเลยสามารถ relate ได้กับตัวผมในตอนมัธยม แม้ว่าในตอนนั้นผมเองก็มีวงดนตรี และมีโอกาสโดนชวนไปเล่นให้วงอื่นด้วย แต่แน่นอนว่าด้วยความเป็นคนบ้าดนตรีในตอนนั้น (เพราะไอเรื่องที่ชื่อว่า 20th Century Boys) ผมก็อยากจะเล่นในระดับที่สูงกว่าในรั้วโรงเรียน เลยฝึกฝีมือตัวเองอยู่เสมอ
20th Century Boys
แต่ผมเอง ก็คล้ายน้องโบจจิในส่วนหนึ่ง คือ เข้าสังคมไม่เก่ง มาจากบุคลิกที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง (แต่น้องอาการหนักกว่ามากจนตลก) ผมก็ไม่ได้มีเพื่อนกลุ่มอื่นเลยนอกโรงเรียน ดังนั้น ตอนที่น้องบอกว่า น้องฝึกฝนเพลงดัง ๆ เอาไว้ตลอดเวลา เผื่อว่ามีโอกาสได้เล่นกับวง จะได้เล่นได้เลย มันเลยตรงใจมาก เพราะผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกเลย แล้วไอที่เล่นคนเดียวเก่ง แต่เล่นกับวงไม่ได้ก็ถูกเผงเหมือนกันครับ ตรงจนเศร้า
นอกจากน้องโบจจิแล้ว สมาชิกวงคนอื่น ๆ ก็ดึงดูดเหมือนกัน เป็นคมีที่เข้ากันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ มือกลองชื่ออิจิจิ มือเบส เรียว มือกีต้าร์และร้องนำ คิตะ เป็นการรวมตัวของเด็กสาวสายฮาทั้งนั้น และแต่ละคนก็แสดงออกถึงบุคลิกการเข้าสังคมที่แตกต่างกันไป อิจิจิเป็นคนธรรมดาที่เข้าสังคมได้ปกติ เรียวเข้าสังคมได้ แต่เลือกที่จะไม่เข้าเพราะชอบอยู่คนเดียว คิตะเป็นสาวสดใสน่ารักที่มีสังคมกว้างขวาง และโบจิ ผู้เข้าสังคมไม่เป็น
คิตะ, เรียว, โบจจิ, อิจิจิ
ทั้งสี่ในวง “สายรัด” ตั้งใจทำให้วงดนตรีของพวกเธอเป็นที่รู้จัก และเป้าหมายของแต่ละคนที่แตกต่างกันไปมารวมกัน แต่อย่างใดก็ตาม ในตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าเป้าหมายของใครเป็นอย่างไรบ้าง เพราะอย่างโบจจิมีเพียงเป้าหมายที่จะโด่งดังเป็นที่รู้จักและยอมรับจากปมด้อยของตัวเอง (และจะได้ลาออกจากโรงเรียน และเพื่อไม่ต้องหางานทำแบบปกติ ฉากนี้ฮา)
ดังนั้น เรื่องนี้ผสมระหว่างปัญหาการเข้าสังคมที่ทำออกมาอย่างตลกและน่ารัก น่าติดตาม ตัวละครที่น่าเอาใจช่วย อย่างน้องโบจจิ เมื่อเห็นน้องบนเวทีแล้วลุ้นเอาใจช่วยน้อง เรื่องเกี่ยวกับการเล่นดนตรี และชื่อเสียงของวงและบุคคล ความพยายามและความฝันของวงและสมาชิก แน่นอนว่าเรื่องนี้มีปมด้วย ปมไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรแบบต้องกู้โลก แต่ก็นำเสนอปมที่ทำให้อยากเอาใจช่วยตัวละครในเรื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่ทิ้งความเป็น Comedy
Bocchila
Bocchi the Rock! ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเดียวกัน เขียนโดยคุณฮามาจิ อากิ ซึ่งเป็นมังงะสไตล์สี่ช่อง หรือ ยงโคมะ ที่เป็นตารางสองคูณสี่ (เท่ากับหน้าละแปดช่อง) ซึ่งดัดแปลงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม อนิเมะสามารถดัดแปลงการ์ตูนแปดช่องออกมาเป็นอนิเมะตอน ๆ ได้อย่างน่าสนใจ ทำให้ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มาก ซึ่งผมไปอ่านมังงะมาแล้วจนตอนล่าสุดแล้ว พบว่าอนิเมะเพิ่มรายละเอียดไปมาก และสร้างความน่าสนใจให้กับเนื้อเรื่องมากด้วยสไตล์ของความเป็นอนิเมะ
Bocchi the Rock! มังงะ
การดัดแปลงมังงะเป็นอนิเมะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเหมือนกัน เพราะหากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ อนิเมะอาจจะแค่วาดภาพในมังงะ เอามาลงสี วาดอนิเมชั่นขยับปากแล้วใส่เสียงเพลงเสียงพากย์เข้าไปก็จบ แต่มันก็จะน่าเบื่อเอามาก ๆ (ซึ่งอาจจะทำได้ หากมันเข้ากับแนวของเรื่อง เช่น The Way of the Househusband) หรือหากจะดัดแปลงมาจาก Light Novel ก็อาจจะง่ายกว่า เพราะมีอิสรภาพในการสร้างภาพที่บรรยายจากตัวหนังสือได้เลย เช่น Monogatari Series
The Way of the House Husband
แต่มังงะที่มีช่องน้อย รายละเอียดน้อยอย่างเรื่อง Bocchi the Rock! ผู้สร้างจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์มาก ๆ ในการดัดแปลงภาพที่มีอยู่แล้ว และสร้างภาพอื่น ๆ ที่ไม่มีอยู่มังงะเพื่อเพิ่มรายละเอียด ซึ่งมันจะต้องไม่ขัดแย้งกับภาพที่มีอยู่แล้วในมังงะนั้น ๆ ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้ และค่าย CloverWorks ทำออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ มันสามารถขยายเรื่องราวหนึ่งบทในมังงะแปดช่องยังไงให้ได้หนึ่งตอนอนิเมะที่มีเนื้อหาครบถ้วนและไม่หละหลวม อันนี้ผมทึ่งมาก
CyberBocchi 2077
อนิเมะยังไม่จบ และมีเนื้อหาอีกเยอะที่ยังไม่ได้ทำลงมาในอนิเมะ ดังนั้น เพื่อที่จะไม่เป็นการสปอยอะไรไปมากกว่านี้ ผมควรจะหยุดเขียนได้แล้ว แน่นอนว่าผมไม่แนะนำอนิเมะไปเรื่อย อนิเมะแนว Niche ที่ผมชอบก็มีมากมาย แต่ก็ไม่ได้แนะนำ เพราะมันก็ยากที่จะแนะนำ แม้ว่าเสียงรอบข้างในวงการก็เห็นด้วยว่าเป็นอนิเมะที่ดีที่ควรมอบความรักให้มาก ๆ ผมก็ยั้งเอาไว้ เพราะอยากจะแนะนำเรื่องที่มันดีจริง ๆ
ก่อนเรื่องนี้คือเรื่อง Lycoris Recoil ที่ผมแนะนำ เรื่องนั้นผมก็ยังจะแนะนำต่อไป เพราะผมคิดว่ามันก็ขึ้นแท่นเป็นอนิเมะแห่งปีได้เหมือนกัน ขนาดว่าปีนี้มี Chainsaw Man กับ Bleach ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ต้องแนะนำมาก เรื่องอื่น ๆ ในปีนี้ที่ผมอยากจะแนะนำอีก แต่ก็ไม่ได้แนะนำก็มี Paripi Komei ที่ผมชอบมาก หรือ ในซีซั่นนี้ มี Akiba Maid War ซึ่งคงไม่ได้แนะนำจริง ๆ หรือ Urusei Yatsura ซึ่งเป็น Remake ของการ์ตูนคลาสสิก
Urusei Yatsura (2022) กับ Lum ผู้บุกเบิกวัฒนธรรม Waifu
พูดง่าย ๆ ก็คือ ผมเก็บโควตาแนะนำอนิเมะเอาไว้ และจะแนะนำอนิเมะประจำฤดูกาลละเรื่อง ซึ่งในฤดูกาลนี้คือ Bocchi the Rock! มันเป็นเรื่องที่ดีและยอดเยี่ยมมากครับ แม้ว่าอนิเมะจะยังไม่จบ แต่เมื่ออ่านมังงะแล้ว เนื้อหามีอยู่อีกมากที่น่าสนใจ และหากค่าย CloverWorks ยังทำงานได้ดีแบบนี้ต่อไปอย่างสม่ำเสมอ (หากไม่ตกม้าตายแบบ The Promised Neverland ซีซั่น 2) ผมยืนยันได้ว่า Bocchi the Rock! จะเป็นที่พูดถึงต่อไปในอนาคตอีกหลายต่อหลายปีครับ
ฝากน้อนด้วยครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากต้องการอนิเมะที่ตลก ฮา บรรยากาศไม่ตึงเครียด เป็นกันเอง ดูแล้วสบายใจ ตัวละครน่ารัก น่าติดตาม น่าเอาใจช่วย อนิเมะที่มีความคิดสร้างสรรค์ อนิเมะที่มีเนื้อหาพูดแทนใจใครหลาย ๆ คนที่มีปัญหาในการพูดคุยกับคนอื่น ๆ หรือเข้าสังคม (ซึ่งก็รวมถึงผมเหมือนกัน เพราะหากไม่มีปัญหานั้น ผมคงไม่ต้องมานั่งเขียนอะไรแบบนี้ที่คนก็ไม่ค่อยอ่านกันหรอกครับ) ผมแนะนำ Bocchi the Rock! ไปเอาใจช่วยน้อยโบจจิกันครับ!
Bocchi the Rock! เป็นอนิเมะที่ควรได้รับความรักเยอะ ๆ เพื่อให้ผู้เขียนมีกำลังใจเขียนเรื่องราวของน้องโบจจิต่อไป เพื่อให้ผู้สร้างอนิเมะเรื่องนี้ดำเนินการสร้างต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เราได้รับฟังความ Rock ของ Bocchi - Bocchi za Rokku!
โฆษณา