Aries พริกซัส เฮลเล และขนแกะทองคำ
เริ่มต้นกันที่กลุ่มดาวในองศาที่ 0 บนเส้นลองจิจูดสุริยุปราคา กลุ่มดาวราศีเมษ เป็นกลุ่มดาวขนาดกลางที่ไม่มีแสงส่องสว่างในตัวมากนัก มีเพียงแค่ไม่กี่ดวงที่จะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมีดวงดาวที่สว่างที่สุดอยู่สามดวงด้วยกัน คือ Alpha, Beta และ Gamma Arietis
ว่ากันว่ากลุ่มดาวราศีเมษนั้นมีลักษณะเหมือนหัวแกะตัวหนึ่งที่ซุสนำขึ้นไปไว้บนท้องฟ้า แต่ก่อนจะเล่าถึงแกะตัวนั้น เราต้องย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดก่อน
พริกซัส และ เฮลเล กับภารกิจกันซีนบัลลังก์
พริกซัสและเฮลเลเป็นบุตรของราชาอาเทมัสแห่ง Orchomenus กับ เนฟีเลีย นิมฟ์แห่งหมู่เมฆและฝน เมื่อเวลาผ่านไป เนฟีเลียหวนคิดถึงสรวงสวรรค์และบ้านที่จากมา นางใช้เวลาไปกับการจ้องมองท้องฟ้า คิดถึงวันเวลาดีๆเหล่านั้น ท้ายที่สุดจึงละทิ้งชีวิตบนโลกด้วยความเศร้าใจและกลับขึ้นไปยังท้องฟ้า
ราชาอาเทมัสไม่มีเวลามานั่งเศร้าเสียใจได้นาน เพราะหลังจากนั้น ไอโน เจ้าหญิงแห่งเมืองธีบส์ก็ได้มาเข้าเฝ้าและขอที่พักพิง เนื่องจากนางโดนเนรเทศจากเมืองตัวเองโดยเทพีเฮรา เมื่อคนที่พบปัญหาอันหนักหน่วงมาเจอกัน ก็ไม่ยากเลยที่จะแต่งงานกัน ราชาอาเทมัสมองเห็นโอกาสของทางออกในปัญหา และไอโนจะได้มีที่พักพิง
เรื่องเริ่มเลวร้ายลงเมื่อไอโนให้กำเนิดบุตรคนแรกของตนและราชาอาเทมัส นางชิงชังเด็กทั้งสองเป็นอย่างมาก และวางแผนจะให้บุตรของตนได้ขึ้นเป็นราชา ครั้นเมื่อราชาอาเทมัสประกาศให้พริกซัสสืบทอดบัลลังก์ต่อไปก็ยิ่งสุมไฟเกลียดในใจนางให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
เมื่อถึงฤดูเพาะปลูก ไอโนจึงสั่งให้ทาสแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการคั่วมาแล้วให้เกษตรกรนำไปปลูก เมล็ดพันธุ์ที่ไร้ชีวิตไม่ว่าจะรดน้ำพรวนดินอย่างไรก็ไม่สามารถเจริญงอกงามขึ้นมาได้ เมื่อไม่เห็นทางออก ชาวเมืองจึงรวมตัวกันวอนขอให้ราชาอาเทมัสไปขอแนะนำจากผู้พยากรณ์แห่งวิหารเดลฟี
ต่อจากนี้คือละครบทใหญ่ ไอโนเป็นผู้ส่งบริวารของนางไปยังวิหารเดลฟี สัญญาว่าจะให้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการเพียงแค่เขาทำตามที่นางขอ
บริวารผู้นั้นร้องห่มร้องไห้กลับมา และบอกว่าการให้พริกซัสขึ้นครองบัลลังก์ทำให้เทพเจ้าพิโรธ เขาจะต้องบูชายัญพริกซัสแก่ซุสบนเขา Laphystium เพื่อไถ่โทษ แน่นอนว่าราชาอาเทมัสปฏิเสธและไอโนก็แสร้งว่าเห็นด้วย โดยที่ราชาไม่รู้เลยว่าข่าวเรื่องคำทำนายจากวิหารเดลฟีได้แพร่ไปทั่ววังแล้ว
ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อ Biadice ป้าของพริกซัสได้ประกาศกร้าวว่า พริกซัสนั้นไม่เคารพและดูหมิ่นนาง นั่นทำให้ชาวเมืองโกรธเป็นอย่างมาก พวกเขาต้องการให้พริกซัสสังเวยตนแก่ซุสเพื่อชดใช้เรื่องราวทั้งหมดนี้
ราชาอาเทมัสไม่มีทางเลือก สุดท้ายเขาจึงต้องส่งพริกซัสไปที่เขา Laphystium
พริกซัสและเฮลเลออกเดินทางในเช้าวันถัดมานั้นเอง
ภาพวาดบนแจกันกรีก Harvard Art Museums, Cambridge
และเมื่อไปถึงพริกซัสก็ยอมสังเวยตนแต่โดยดี แต่ในจังหวะที่นักบวชยกมีดขึ้นจะแทงลงที่หัวใจเขานั้น ได้บังเกิดปรากฎการณ์พิศวงขึ้น เมื่อท้องฟ้ามืดมัวขึ้นฉับพลัน ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ล้วนแต่จ้องขึ้นไปบนท้องฟ้า และได้พบกับเนฟีเลีย นางเหาะลงมาพร้อมกับ Ram แกะบินได้ซึ่งมีขนเป็นทองคำ และได้เรียกให้บุตรทั้งสองขึ้นมาบนแกะตัวนี้ก่อนจะพากันบินหนีไป เธอบอกให้พริกซัสไปอยู่กับ Aeëtes บุตรแห่งเฮลิอุส สังเวยแกะตนนี้แก่ซุสและมอบขนแกะเป็นของขวัญให้ Aeëtes
ภาพโบราณ Phrixos and Helle ด้วยเทคนิค fresco, Archaeological Museum ใน Naples
เรื่องราวทั้งหมดเหมือนจะลงเอยด้วยดี แต่เมื่อบินผ่านไปยังช่องแคบแห่งหนึ่งได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองลูกใหญ่ ทั้งสามพยายามฝ่าไปให้ได้ ทว่าได้บังเกิดสายฟ้าผ่าลงมาที่พวกเขา เฮลเลร่วงลงจากหลังแกะและจมหายสู่พื้นทะเลลึกเบื้องล่าง ไม่อาจหวนคืนมาได้ ตั้งแต่นั้นมาจึงเรียกช่องแคบที่เฮลเลร่วงลงไปว่า Hellespont (ทะเลแห่งเฮลเล) หรือช่องแคบ Dardanelles ในปัจจุบัน
Image Credit : wikipedia
เมื่อไปถึงยัง Colchis พริกซัสได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ Aeëtes ฟัง เขายังคงไม่ลืมคำของเนฟีเลีย เขาสังเวย Ram ให้ซุส และมอบขนแกะให้กับ Aeëtes กษัตริย์หนุ่มลุ่มหลงกับของขวัญที่ได้เป็นอย่างมาก เขานำมันไปแขวนไว้บนต้นโอคพันปี ที่ซึ่งถูกอารักขาโดยมังกรไฟที่ไม่เคยหลับไหล
ว่ากันว่าขนแกะทองคำมีมนตร์วิเศษ มันนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ Colchis และทำให้ Aeëtes เป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุด
ด้วยเป็นเกียรติแก่ความกล้าหาญของ Ram เทพซุสได้นำมันไปวางไว้เป็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้า และได้ตั้งชื่อไว้ว่า Aries
Image by katemangostar on Freepik
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
