Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
•
ติดตาม
27 พ.ย. 2022 เวลา 10:40 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 87 มือดี..!!!
“ยกมือขึ้นสูงๆ”ผมตะโกนออกไปก่อนที่จะเปิดสวิตซ์เลเซอร์ของด้ามปืนเพื่อชี้ไปยังศรีษะของเขา
“อย่ายิงๆ นี่กูเอง”เสียงดังมาจากในเงามืด
“กูเองนี่น่ะใครวะ เดินออกมาช้าๆนะ”ผมตะโกนออกไป
“กูดาบไง เพื่อนมึงทำเป็นจำไม่ได้”เสียงของไอ้ดาบเพื่อนผมสมัยเรียนมัธยมตะโกนออกมาก่อนที่จะเดินชูมือออกมาจากในเงามืด
“เออ แล้วมึงมากับใคร”ผมถามกับไอ้ดาบโดยที่ยังไม่ได้ลดปืนลง
“กูมาคนเดียว แล้วมึงก็หยุดเอาปืนเล็งมาทางกูซักที”ไอ้ดาบบอกกับผม
“มึงมาทำเหี้ยอะไรที่บ้านดูตอนดึกๆวะ”ผมถามกับไอ้ดาบด้วยความโมโห
“ว่าจะมาชวนมึงไปร้องคาราโอเกะ แต่กูกะว่าจะสูบบุหรี่ให้เสร็จก่อนค่อยไปเคาะประตูเรียกมึง”ไอ้ดาบบอกกับผม
“หาเรื่องตายห่าแล้วมั๊ยละมึง มึงมายืนเงียบๆหลังบ้านกูตอนนี้ กูไม่ยิงทิ้งก็บุญแล้ว”ผมบอกกับไอ้ดาบไปด้วยความโมโห
“แล้วทำไมมึงต้องเครียดขนาดนั้นวะ ไปๆไปร้องเพลงคลายเครียด”ไอ้ดาบยังคงพยายามชวนผมออกไปเที่ยวกันต่อ
“ไม่ไปโว้ย ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์ร้องเพลง อีกอย่างนึงมึงก็รู้นี่หว่า ว่านอกจากเพลงชาติแล้วกูก็ร้องเพลงอื่นไม่เป็น”ผมบอกกับไอ้ดาบไป
“เออๆ ไม่ไปก็ไม่ไป ว่าแต่ปืนสวยนิ กูขอยืมพกไปเที่ยวในตัวเมืองได้มั๊ย”ไอ้ดาบถามผมพลางมองมาที่ปืน Kimber ที่ผมถือไว้ในมือ
“ไม่ได้โว้ย กูเข็ดแล้วเรื่องให้เพื่อนยืมปืน มึงจะไปร้องเพลงก็ไปเถอะ กูจะนอนแล้ว”ผมบอกกับไอ้ดาบไปด้วยความรำคาญ
“เออๆ ไม่ไปก็ไม่ไป แล้วกูค่อยมาหามึงใหม่นะ ยังไม่ได้เห็นหน้าลูกชายมึงเลย”ไอ้ดาบบอกกับผม
“นี่ กูขอเตือนมึงอย่างนะ คราวหน้าถ้าจะมาบ้านกูให้มาตอนกลางวันนะ”ผมบอกกับไอ้ดาบก่อนที่มันจะเดินกลับออกไปขับมอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดไว้ข้างถนนขับออกไป
จากนั้นผมก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน
“ใครมาเหรอ เห็นได้ยินเสียงคุยกัน"กุ้งถามเมื่อเห็นผมเดินกลับมาภายในห้องนอน
“ไอ้ดาบน่ะ มายืนสูบบุหรี่ที่หลังบ้าน เกือบไปแล้ว”ผมบอกกับกุ้งก่อนที่จะถอดแม๊กกาซีนแล้วดึงสไลค์ปืนเพื่อนำกระสุนออกจากรังเพลิง
“เพื่อนของเธอบ้าหรือเปล่า ทำไมมายืนสูบบุหรี่หลังบ้านคนอื่นตอนดึกๆ”กุ้งถามอย่างประหลาดใจ
“มันสติไม่ค่อยดีน่ะ ตอนจบ ม.6 มันไปทำงานศรีราชาแล้วไปมีเรื่องกัน เห็นว่าโดนหินทุบหัว มันเลยป้ำๆเป๋อๆ”ผมบอกกับกุ้งถึงเพื่อนคนนี้ที่อดีตเคยเป็นนักกีฬาของโรงเรียนแต่ปัจจุบันสติไม่ค่อยดี
“หาเรื่องตายชัดๆ”กุ้งพูดออกมา
เช้าวันต่อมาผมไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าว
“เมื่อคืนไอ้ดาบได้โทรหามึงป่าว”เขียดซึ่งเป็นลูกชายของกำนันจุกปากน้ำถามกับผมเมื่อเห็นผมเดินมาซื้อของที่ตลาด
“กูบล็อกเบอร์มัน รำคาญมันว่ะ”ผมบอกกับเขียดเพื่อนของผมไป
“มันโทรมาให้กูไปรับตัวที่โรงพัก เห็นว่าพอออกจากบ้านมึงก็โดนตำรวจล๊อคตัวเลย ไม่รู้ไปก่อคดีอะไรไว้”เขียดบอกกับผม
“อย่างไอ้ดาบนี่มันจะไปก่อคดีอะไรได้วะ แต่กูคิดว่าที่มันที่มันโดนล๊อคตัวเพราะเมื่อคืนมันมาที่บ้านกูตอนดึก”ผมบอกกับเขียดไป
“น่ากลัวชิปหาย แสดงว่าใครไปมาบ้านมึงนี่โดนจับตาดูตลอดเลย”เพื่อนของผมพูดออกมา
“กูก็ไม่รู้ว่ะ ว่าแต่คืนนี้มากินหมูกระทะบ้านกูป่าว กูจะได้ซื้อหมูไปเผื่อ”ผมถามกับเขียดเพื่อนของผม
“ช่วงนี้ลดความอ้วนว่ะ”เขียดปฏิเสธคำชวนของผม
“มึงจะลดน้ำหนักหรือมึงกลัวโดนรวบตัวเหมือนไอ้ดาบกันแน่วะ”ผมถามกับเพื่อนของผมไปพลางยิ้มไป
“น่าจะอย่างหลังวะ ช่วงนี้เราก็ห่างๆกัน ความสัมพันธ์เรายังเหมือนเดิม”เขียดบอกกับผม
“เออๆ ไปแล้ว คุยกันนานๆเดี๋ยวลูกกูจะได้กินแหนมแทนแกงจืดอีก”ผมบอกกับเขียดก่อนที่เดินถือกับข้าวกลับมาที่รถยนต์แล้วขับกลับมาที่บ้าน
สัปดาห์ต่อมาผมก็เตรียมตัวเดินทางไปกรุงเทพฯเพื่อร่วมประชุมกรรมาธิการต่างประเทศตามจดหมายเรียกตัว
“ทรายแวะรับตาจงไปด้วยได้มั๊ย พอดีรถยนต์ของพี่ต้องแวะไปรับน้องขุมไปด้วย ทรายผ่านทางนั้นอยู่แล้วนี่”นายหัวชาญโทรศัพท์มาบอกกับผม
“อ้าว แล้วตาจงไปด้วยทำไมครับ”ผมถามกับนายหัวชาญอย่างสงสัย
“พอดีเขาอยากได้ข้อมูลของคนที่ถูกทหารพม่าจับไปด้วยน่ะสิ”นายหัวชาญบอกกับผม
“แล้วตาจงนี่นะจะเป็นคนไปให้ข้อมูล”ผมถามกับนายหัวชายอย่างประหลาดใจ
“ตาจงนี่แหละที่จะเล่าเหตุการณ์ได้ดีกว่าคนอื่น ยังไงก็ทนๆไปก่อนนะ”นายหัวชาญบอกกับผม
“ไม่รู้แหละ ยังไงถ้ารับพี่ขุมมาแล้วพี่ก็มองๆแถวข้างถนนด้วยนะ เผื่อผมรำคาญทนไม่ไหวผมจะได้ถีบลงไว้ที่ข้างทาง”ผมบอกกับนายหัวชาญก่อนที่จะวางสายไป
จากนั้นผมก็ขับรถยนต์ไปรับตาจงที่บ้านของเขา
“อั๊ยย๊ะ วันนี้กูมีบุญได้นั่งรถคันเป็นล้านสักทีโว้ย”ตาจงพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นผมขับรถยนต์มาจอดที่บ้านของเขา
“มาเร็วๆเลย ผมรีบ”ผมบอกกับตาจงให้รีบขึ้นมาที่รถยนต์
จากนั้นผมก็ขับรถยนต์ออกมาจากบ้านของเขา
“พี่เนาว์ไปไหนเนี่ย ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย”ผมถามตาจงขณะที่ขับรถยนต์ผ่านหน้าบ้านของพี่เนาว์ซึ่งเป็นน้องชายคนสุดท้องของตาจง
"เนาว์มันยังอยู่กับนายหัวของมันที่นคร เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่ธรรมดาจะไปไหนมาไหนก็มีมือปืนคุ้มกัน ถ้าทหารไปจับตัวมันนะ นายของหัวมันสั่งเลยว่ายิงได้ทันที”ตาจงบอกกับผมเหมือนกับที่พี่เนาว์เคยบอกกับผมเมื่อครั้งก่อน
“ไม่มีใครทำอะไรหรอก แค่เดินระวังๆอย่าสะดุดก้อนหินล้มก็พอแล้ว”ผมบอกกับตาจงด้วยความหมั่นไส้
“นี่นายหัวทรายรู้มั๊ย ทหารพม่ามันบอกกับเราเองเลยนะว่าหมู่บ้านอินทนิลขวางน่ะของไทย”ตาจงชวนผมคุยทันที
“แล้วถ้าเป็นของไทยพวกมันเข้ามายิงชาวบ้านทำไมล่ะ”ผมถามกับตาจงไป
“มีคนจ้างมันมาสิ พวกมันพูดกับชาวบ้านที่ถูกพวกมันจับไว้ ทุกๆคนก็ได้ยิน”ตาจงยืนยันคำพูดของเขา
“ใครมันเป็นคนจ้างมาล่ะ แล้วทำไมต้องจ้าง”ผมถามกับตาจงด้วยความสงสัย
“มันบอกว่าคนใหญ่ๆเขาคุยกัน ไอ้คนใหญ่ๆนี่แหละที่เราไม่รู้ว่าใคร”ตาจงบอกกับผม
“ตาจงก็ไปสืบมาสิว่ามันเป็นใคร”ผมบอกกับตาจงไป
“เดี๋ยวเราจะลองไปสืบดู”ตาจงบอกกับผม
“เออ แล้วนายหัวทรายจำได้มั๊ย เมื่อหลายปีก่อนที่นายหัวทรายไปหาหลักเขตแดนกับไอ้เนาว์น่ะ นายหัวทรายไปเจอช้างแม่ลูกอ่อนใช่มั๊ย”ตาจงถามกับผม
“ใช่ แต่ผมไม่เคยบอกใครนะ แล้วตาจงรู้ได้ไง”ผมถามตาจงด้วยความประหลาดใจที่เขารู้เรื่องราวของช้างป่าที่ไล่กระทืบพวกผมจนต้องวิ่งหนีลงในลำคลองเมื่อครั้งไปหาหลักเขตแดนเมื่อหลายปีก่อน
“ก็ไอ้เนาว์มันก็เห็นช้างแม่ลูกอ่อนด้วย มันก็เลยมาบอกกับ เรา หลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็ตามไปยิงแม่มันเอาลูกมันมาขายได้ตั้ง 850,000”ตาจงบอกกับผม
“อ้าว แล้วไม่สงสารมันเหรอ”ผมถามกับตาจงด้วยความตกใจ
“มันก็อาชีพเราเนอะ สงสารก็สงสารแหละ แต่ทำไงได้ล่ะ”ตาจงบอกกับผม
“แล้วเงินที่ขายลูกช้างได้ไปไหนหมดล่ะ”ผมถามกับตาจงเพราะตั้งแต่ผมรู้จักกับเขา เขาก็มีอาชีพรับจ้างมาตลอด
“เอาไปซื้อรถกระบะ แต่ไอ้เอมันตีนไว ขับออกจากโชว์รูมไม่ทันถึงบ้านก็ชนต้นไม้พังทั้งคันต้องขายซาก”ตาจงบอกกับผมด้วยความเสียดาย
“นี่แหละเขาถึงบอกว่าเงินพวกนี้มากับไฟไปกับลม”ผมบอกกับตาจง
ระหว่างทางจากระนองถึงกรุงเทพฯตาจงแทบจะไม่ได้หยุดคุยแม้แต่นาทีเดียวไล่ตั้งแต่ประวัติการทำไม้หอม การทำไร่ การทำไม้ การล่าสัตว์ ตาจงสามารถเล่าให้ฟังได้โดยไม่เหนื่อย
จนในที่สุดผมก็มาถึงโรงแรมที่พวกเราเคยพักกันทุกครั้งที่เดินทางมายังรัฐสภา
“คืนนี้ตาจงก็นอนกับทรายนะ ไหนๆก็มาด้วยกัน”ลุงสิงห์บอกกับผมทันทีที่ผมกับตาจงเดินเข้ามาในโรงแรม
“เอ่อ มันจะดีเหรอ”ผมถามกับลุงสิงห์ด้วยความหนักใจ
“ดีแหละ 2 นายหัวอยู่ด้วยกันคุยกันบันเทิงแหละ5555”ลุงสิงห์บอกกับผมพลางหัวเราะ
คืนนั้นหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จผมก็ขอย้ายมานอนห้องลุงสิงห์ด้วย
“ไม่ไหวๆ จากเช้าจนค่ำตาจงยังไม่หยุดพูดสักที นี่ผมรู้เรื่องของบ้านตาจงไปยังประวัติของทวดเขาแล้วนะ”ผมบอกกับลุงสิงห์ด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ทรายหนีมานอนที่นี่ตาจงเหงาตาย 555”ลุงสิงห์หัวเราะออกมา
“เอาเถอะให้แกได้พักปากแกบ้าง”ผมบอกกับลุงสิงห์ก่อนที่จะรื้อเอาฟูกของเตียงลงมาวางที่พื้นแล้วนอนลง
เช้าวันต่อมาผมจึงกลับไปอาบน้ำที่ห้องของโรงแรม
“เมื่อคืนไปหาเด็กมาเหรอ”ตาจงซึ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วถามกับผม
“ก็มีบ้างแหละ”ผมบอกกับตาจงก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางไปรัฐสภา
เมื่อถึงรัฐสภาผมและชาวบ้านคนอื่นๆต่างก็เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการ
โดยผมให้นายหัวชาญเป็นคนอธิบายถึงเอกสารสนธิสัญญาที่สยามทำกับอังกฤษควบคู่กับพยานหลักฐานจากชาวบ้านแถวนั้น
“สนธิสัญญาที่สยามทำกับอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2411 ระบุสั้นๆไว้เพียงว่าให้ยึดถือแม่น้ำปากจั่นเป็นเขตแดน ผมคิดว่าเราก็แค่ต้องไปหาว่าต้นแม่น้ำปากจั่นอยู่ที่บริเวณไหนก็แค่นั้น”นายหัวชาญชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ
“ผมเห็นในข่าว ผู้ใหญ่บ้านให้สัมภาษณ์ว่าชาวบ้านแถวนั้นต่างรู้ดีว่าหมู่บ้านอินทนิลขวางเป็นของพม่าจริงหรือไม่”กรรมาธิการถามต่อนายหัวชาญ
“ที่ข่าวออกมาว่าชาวบ้านแถวนั้นทราบดีว่าเป็นพื้นที่ของพม่า ชาวบ้านที่ผู้ใหญ่บ้านอ้างถึงล้วนเป็นชาวบ้านต่างถิ่นที่เพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนั้นไม่เกิน 20 ปีท แม้แต่ตัวของผู้ใหญ่บ้านเองก็เป็นคนต่างถิ่นแถมมีส่วนได้ส่วนเสียกับการขายที่ดินในหมู่บ้านอินทนิลขวางด้วยครับ”นายหัวชาญชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ
“แล้วทำไมชาวบ้านที่เป็นคนท้องถิ่นถึงไม่เข้าจับจองพื้นที่ในหมู่บ้านอินทนิลขวางกันล่ะ”คณะกรรมาธิการถามกับนายหัวชาญ
“ก่อนหน้านั้นที่ดินบริเวณนั้นเป็นป่าดงดิบครับ จนถูกเจ้าของโรงเลื่อยแถวนั้นได้เข้าไปแอบตัดไม้ออกมาเกือบหมดเมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งก่อนหน้าที่ไม้ซุงจะถูกลักลอบตัดออกมา แม้แต่บริเวณหมู่บ้านในกรังก็ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ครับ ไม่ต้องคิดว่าจะเข้าไปจับจองที่ดินไปไกลถึงในอินทนิลขวาง”นายหัวชาญชี้แจงต่อกรรมาธิการ
“สรุปว่าเขตแดนในปัจจุบันก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนใช่มั้ย”คณะกรรมาธิการถามกับนายหัวชาญ
“ก็ทางทหารมีแผนที่เพียงฉบับเดียวระบุว่าพื้นที่หมู่บ้านอินทนิลขวางอยู่นอกเขตของประเทศไทย แต่ถ้าท่านกรรมาธิการไปดูแผนที่พวกนั้นก็จะพบว่าใต้แผนที่จะระบุว่าแผนที่ฉบับนี้ ไม่ให้ยึดถือเป็นเขตแดน เท่าที่ผมทราบมา พื้นที่แถวนั้นยังไม่มีการปักปันเขตแดนครับ จะระบุว่าหมู่บ้านอินทนิลขวางเป็นของพม่าผมก็ว่าดูเหมือนจะเป็นการขายชาติ” นายหัวชาญชี้แจงต่อกรรมาธิการ
“งั้นสรุปว่าพื้นบริเวณนั้นยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของเขตแดนนะ ทางกรรมาธิการจะตั้งคณะลงไปสำรวจแล้วค่อยประชุมกันอีกครั้งนะ แต่อย่างว่าแหละต่อให้ฝ่ายเราตกผลึกกันแล้ว ก็ยังต้องไปเจรจากับฝ่ายพม่ากันอีกรอบ ซึ่งมันต้องใช้เวลา”ประธานกรรมาธิการกล่าวต่อที่ประชุม
“ผมคิดว่าเราควรทำเรื่องประท้วงกับทางพม่าไปก่อนเพื่อสงวนสิทธิ์ไว้ หากวันข้างหน้าเราต้องขึ้นศาลโลกจะได้ไม่พลาดเหมือนกับกรณีเขาพระวิหารที่เราไปยอมรับแผนที่ของฝรั่งเศสมาโดยที่รู้ว่าเส้นเขตแดนมันผิด”นายหัวชาญเสนอต่อที่ประชุม
“อันนี้น่าสนใจ เดี๋ยวผมจะลองคุยกับหลายๆฝ่ายดูนะ”ประธานกรรมาธิการบอกกับนายหัวชาญ
จากนั้นก็เป็นเรื่องข้อร้องเรียนของผมเรื่องของการใช้กฎอัยการศึกซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถใช้อำนาจเข้าจับกุม คุมขัง โดยที่ไม่ต้องตั้งข้อหาได้ ซึ่งกฎอัยการศึกถูกประกาศใช้มาตั้งแต่สมัยยึดอำนาจจากรัฐบาลชุดก่อนและคงมีใช้เรื่อยมา
“ผมดูข่าวคุณใน TV คุณนี่มหาโจรเลยนะ ไม่นึกว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่”ประธานกรรมาธิการบอกกับผมกลางที่ประชุม
“ข่าวที่ออกจากคนๆเดียว เขาจะให้ออกแบบไหนก็ได้ครับ”ผมบอกกับประธานกรรมาธิการไป
“ผมเข้าใจนะว่าคุณมีปัญหากับฝ่ายทหาร อันนั้นผมไม่ก้าวล่วง แต่ผมเห็นด้วยกับการที่คุณร้องเรียนให้มีการยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก จริงๆแล้วบ้านเมืองเราก็มี ตชด.ที่รับผิดชอบเรื่องชายแดนอยู่แล้ว ผมคิดว่ายิ่งระนองเป็นเมืองท่องเที่ยวมีฝรั่งต่างชาติมาเที่ยวในแต่ละปีก็ไม่น้อย
การที่มีทหารมายืนกลางถนนค้นรถค้นคนมันดูไม่ดียิ่งในสายตาของนักท่องเที่ยว ทั้งๆที่ประเทศของเราก็ไม่ได้มีสงคราม
รัฐบาลกำลังจะอนุมัติงบประมาณให้ ตชด.มาดำเนินการเรื่องพวกนี้แทนทหาร ไว้ค่อยตอนที่ประเทศเรามีสงครามแล้วทหารค่อยออกมาทำหน้าที่ของเขาไม่ใช่แย่งงานคนอื่นเขาทำแบบนี้”ประธานกรรมาธิการแจ้งกับผม
“เดี๋ยวผมจะส่งคณะอนุกรรมาธิการลงไปที่ระนอง เพื่อไปตามเรื่องของคุณกับกฎอัยการศึก คิดว่าเร็วๆนี้แหละ”ประธานกรรมาธิการแจ้งกับผม
“เออ ผมขอถามอะไรหน่อยสิ ตั้งแต่พวกคุณโดนทหารพม่าจับตัวไป มี ส.ส.ของจังหวัดคุณเข้าไปช่วยเหลือดูแลบ้างมั๊ย”ประธานกรรมาธิการถามกับผม
“ถ้าไม่ใช่ฟุตบอลดารา งานเปิดป้าย ผมคิดว่าผมคงจะไม่มีโอกาสพบหน้าท่าน ส.ส.หรอกครับ นี่ผมยังเกือบเผลอไปร้องเรียนกับเสาไฟฟ้าอยู่เลยครับ”ผมบอกกับกรรมาธิการไป
“งั้นเดี๋ยวผมโทรหา ส.ส.ของจังหวัดคุณให้นะเผื่อเขาจะช่วยเหลืออะไรพวกคุณได้บ้าง"ประธานกรรมาธิการบอกกับผมก่อนที่จะกดโทรศัพท์แล้วเปิดลำโพงให้ทุกคนได้ฟัง
“ฮัลโหล ท่าน ส.ส. อยู่มั๊ยครับ”ประธานกรรมาธิการพูดออกไปเมื่อปลายทางรับสาย
“ท่าน ส.ส. ยังไม่ตื่นค่ะ จะให้เรียนมั๊ยคะว่าใครโทรมาคะ"เสียงปลายสายซึ่งเป็นผู้หญิงตอบกลับมา
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”ประธานกรรมาธิการวางสายไปก่อนที่จะหันมาบอกผมพลางยิ้มว่า
“ส.ส.ของคุณยังไม่ตื่น”
จากนั้นทุกคนในห้องประชุมก็ต่างหัวเราะขึ้นมา
หลังจากการประชุมกันเสร็จพวกเราทั้งหมดก็เดินทางกลับออกมาโดยที่ผมขับรถยนต์ตามพวกชาวบ้านมาถึงปั๊มน้ำมันแถวปากท่อ
“ผมยังอยากจะเข้าไปขุดศพพี่กรออกมา”ผมบอกกับลุงสิงห์ระหว่างที่พวกเขาแวะนั่งดื่มกาแฟที่ปั๊มน้ำมัน
“เดี๋ยวรอบนี้เราจะส่งมือดีเข้าไปช่วยทรายด้วย”ลุงสิงห์บอกกับผม
“ใครเหรอลุงสิงห์”ผมถามด้วยความสงสัย
“มันเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน จากนั้นก็เป็นมือปืนฝีมือไม่ธรรมดา”ลุงสิงห์บอกกับผมถึงคนที่เขาจะส่งมาช่วยผม
“ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องฟังคำสั่งผมนะ”ผมบอกกับลุงสิงห์
“คนนี้เชื่อใจได้ ใจมันเกินร้อย ที่จริงมันเคยเจอกับทรายในหมู่บ้านอินทนิลขวางด้วย แต่ทรายคงไม่ทันได้สังเกต”ลุงสิงห์บอกกับผม
“ดีเลย ผมอยากได้คนคอยคุ้มกันผมพอดี”ผมบอกกับลุงสิงห์
“เสียดายอาวุธที่ทหารพม่ายึดไป ไม่งั้นเราคงทำงานกันง่ายกว่านี้”ลุงสิงห์บอกกับผม
“มันอยู่ที่ใจ มีดพร้าเล่มเดียวก็ได้”ผมบอกกับลุงสิงห์ไปยิ้มไป
“บ้าเหรอ มีดพร้านี่นะจะไปลุยกับทหารพม่า”ลุงสิงห์หันมามองหน้าผมแบบแปลกๆ
“ป่าว ผมหมายถึงเอามีดพร้าไปถางป่า เวลาโดนทหารพม่าไล่ยิงจะได้วิ่งง่ายๆ 555”ผมบอกกับลุงสิงห์ไปหัวเราะไป
“ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยนะ ถ้าดูท่าไม่ดีก็รีบถอนตัวกลับมา”ลุงสิงห์บอกกับผมด้วยความเป็นห่วง
จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ
ซึ่งตอนกลับตาจงนั่งหลับไปตลอดทางโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาเหมือนกับตอนขามา
จากนั้นผมก็มาส่งตาจงที่บ้านของเขาในตอนดึก
สัปดาห์ต่อมาผมก็นัดกับกับทุกๆคนเพื่อที่จะเข้าไปขุดศพพี่กรในหมู่บ้านอินทนิลขวางอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ผมให้กุ้งมาส่งผมกับพี่โอ๋ที่บ้านของลุงท่อในจังหวัดชุมพร
หลังจากที่ผมมาถึงบ้านของลุงท่อได้ไม่นานลุงสิงห์ก็โทรมาบอกกับผมว่าวันนี้เขาติดธุระแต่จะเดินทางตามมาในวันถัดไปแต่ได้ส่งมือดีมาช่วยผมล่วงหน้าแล้ว
จากนั้นผมก็นั่งภายในบ้านของลุงท่อเพื่อรอพบกับคนที่ลุงสิงห์บอกกับผม ซึ่งกำลังเดินทางมาพร้อมกับตาเยาว์
โดยที่รอบนี้บ่าวกับรงค์ซึ่งเป็นหลานของผู้ใหญ่เล็กไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย
เมื่อผมถึงบ้านของลุงท่อได้ไม่นานก็มีรถยนต์กระบะขับเข้ามาจอด
จากนั้นตาเยาว์พร้อมชายอีกคนก็เดินเข้ามาหาผมซึ่งนั่งอยู่ภายในบ้านของลุงท่อ
“พี่เหรอที่ลุงสิงห์บอก”ผมถามกับชายวัยกลางคนที่เดินมาพร้อมกับตาเยาว์ซึ่งผมไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนแต่พอจะเดาออกว่าเขาเป็นใคร
“ใช่ครับ ผมเคยเห็นน้าทรายด้วยที่ในหมู่บ้านอินทนิลขวาง”ชายคนนั้นซึ่งอายุมากกว่าผมบอกกับผม
“เรียกผมน้องก็ได้ครับ ว่าแต่พี่ชื่ออะไร”ผมถามกับเขา
“ผมชื่อชล ที่เรียกน้าไม่ใช่เพราะอายุ แต่เพราะนับถือครับ”เขาบอกกับผม
“ลุงสิงห์บอกกับพี่แล้วใช่มั้ยว่าต้องฟังคำสั่งผม”ผมย้ำกับพี่ชลคนซึ่งเป็นคนที่ทผมต้องฝากชีวิตกับเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“ครับ ให้น้าทรายสั่งมาเลย ต่อให้ผมวิ่งเข้าใส่ทหารพม่าผมก็จะไป”พี่ชลบอกกับผมด้วยความหนักแน่น
“เราไม่ได้ไปลุยกับทหารพม่าหรอก”ผมบอกกับพี่ชลก่อนที่จะเว้นจังหวะแล้วพูดต่อว่า....
“แต่เราจะไปลุยป้อมปืนกลของทหารพม่ากัน” ผมบอกกับพี่ชลก่อนที่จะมองหน้าของเขา...
#เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
2 บันทึก
5
2
1
2
5
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย