2 ม.ค. 2023 เวลา 14:43 • การศึกษา
กรรมของคนผิดคำสาบาน
อารมณ์ดีทำให้จิตแจ่มใส เบิกบานแช่มชื่น อารมณ์สบายทำให้ใจหยุดนิ่งได้ง่าย อารมณ์เยือกเย็นใครเห็นก็อยากเข้าใกล้ กระแสแห่งความบริสุทธิ์ในตัวเรา จะแผ่ขยายออกไปสู่ใจของทุก ๆ คนที่ได้สนทนาปราศรัยหรือได้พบปะเจอะเจอ การมีอารมณ์ดี อารมณ์สบาย อารมณ์เยือกเย็น มีผลดีทั้งต่อตัวเราและคนรอบข้าง
เพราะฉะนั้นฝึกให้เป็นผู้ที่มีอารมณ์ดี อารมณ์สบายด้วยการทำสมาธิภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่ควรมองข้ามสิ่งเหล่านี้ เพราะอารมณ์สบายเป็นพื้นฐานของชีวิตที่มีความสุข ที่จะทำให้เราสามารถดำเนินจิตเข้าไปสู่ทางสายกลางภายในได้อย่างรวดเร็ว ให้ได้พบกับผู้รู้ผู้บริสุทธิ์ที่มีอารมณ์เดียวสมบูรณ์แบบที่สุดคือพระธรรมกายนั่นเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า
“อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ
ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ
โส โสจติ โส วิหญฺญติ
ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน
บุคคลผู้ทำบาปย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ย่อมเศร้าโศกในโลกหน้า ย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง บุคคลผู้ทำบาปนั้นย่อมเศร้าโศก ครั้นละโลกไปแล้ว เห็นกรรมที่เศร้าหมองของตนย่อมเดือดร้อน”
ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ มีอุบาสกท่านหนึ่งเป็นพระโสดาบัน มีอุบาสกบริวาร ๕๐๐ คน ทุกคนเป็นผู้ขวนขวายในการสั่งสมบุญมาโดยตลอด ฝ่ายภรรยาของอุบาสกทั้ง ๕๐๐ ก็เป็นคนมีกุศลศรัทธาเช่นเดียวกัน หมั่นทำบุญให้ทานตามที่สามีแนะนำเรื่อยมา มีอยู่วันหนึ่ง ภรรยาของอุบาสกได้ประพฤติผิดศีลข้อกาเม ครั้นสามีของนางรู้เข้า ทำการไต่สวนว่าได้ทำผิดศีลข้อ ๓ จริงหรือ นางปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ แต่สามีไม่เชื่อเพราะพอมีเบาะแสบางอย่างอยู่
เมื่อหลอกสามีไม่ได้ นางจึงสาบานว่า ถ้าฉันนอกใจท่าน ทำกรรมชั่วเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อเกิดในชาติหน้า ขอให้สุนัขดำตัวที่หูขาดนี้จงกัดฉันให้ตายเถิด ฝ่ายหญิงทั้ง ๕๐๐ คน ต่างก็รู้ว่าหญิงนั้นประพฤตินอกใจสามี เมื่อถูกถามเพื่อให้เป็นพยาน ด้วยความสงสารเพื่อนจึงพร้อมใจกันเป็นพยานเท็จว่าไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าพวกนางรู้เรื่องแล้วกล่าวเท็จ ก็ขอให้เป็นทาสของหญิงนั้นทุกภพทุกชาติเถิด
ตั้งแต่นั้นมา หญิงผู้ประพฤตินอกใจสามี แม้จะทำบุญให้ทานเป็นประจำ แต่เมื่อนึกถึงกรรมที่ได้ทำผิดนอกใจสามี แล้วยังโกหกว่าไม่ได้ทำขึ้นมาคราใด ก็เดือดร้อนใจเหมือนถูกไฟแผดเผาอยู่ตลอดเวลา ไม่นานนางก็ตายแล้วไปบังเกิดเป็นเวมานิกเปรต อยู่ที่ริมฝั่งสระกัณณมุณฑะ ที่ขุนเขาหิมวันต์ รอบ ๆ วิมานของนาง ได้บังเกิดสระโบกขรณีขึ้นสระหนึ่ง ส่วนหญิง ๕๐๐ คนที่เหลือ
เมื่อตายแล้วไปบังเกิดเป็นนางทาสีของนางด้วยวิบากกรรมที่ได้สาบานเอาไว้ นางเสวยทิพยสมบัติในเวลากลางวัน พอถึงเที่ยงคืน กรรมได้บังคับให้นางต้องเดินไปริมฝั่งสระโบกขรณี
สุนัขดำตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มีรูปร่างน่ากลัว หูขาด เขี้ยวโง้งยาวคมกริบ มีนัยน์ตาเหมือนกองถ่านไม้ตะเคียนที่ลุกโพลง มีลิ้นเหมือนสายฟ้าที่แลบออกมาไม่ขาดระยะ มีเล็บคมกริบ มีขนยาวแข็งน่ารังเกียจ เดินออกมาจากสระนั้น แล้วกระโดดกัดเปรตตนนั้นให้ล้มลง ได้ขยํ้าเนื้อของนางแล้วฉีกกัดกินเนื้อให้เหลือแค่กระดูก นางได้รับความทุกข์ทรมานมาก ไม่สามารถต่อสู้หรือขัดขวางสุนัขดำนั้นได้ เมื่อสุนัขกัดกินเนื้อจนหมด ก็คาบโครงกระดูกไปทิ้งที่สระโบกขรณี แล้วค่อย ๆ เดินหายลับไป
เมื่อโครงกระดูกตกลงสู่สระโบกขรณี นางก็กลับมีรูปเป็นปกติขึ้นมาอีกเหมือนเดิมแล้วเดินกลับขึ้นสู่วิมาน นางเสวยทุกข์คลุกเคล้าไปด้วยความสุขอย่างนี้นานถึง ๕๕๐ ปี ก็บังเกิดความปรารถนาบุรุษ อยากได้ผู้ชายมาเป็นสามี นางสังเกตเห็นว่า มีแม่น้ำสายหนึ่งไหลออกจากสระน้ำนั้น แล้วไหลไปตามช่องเขาไปจรดกันที่แม่น้ำคงคา ซึ่งจะไหลไปสู่เมืองมนุษย์
นางจึงเอาผลมะม่วงเป็นจำนวนมากทิ้งลงไปในแม่น้ำ ให้ไหลไปตามน้ำสู่เมืองมนุษย์ ผลมะม่วงที่ถูกโยนลงไปนั้น บางผลดาบสเก็บได้ บางผลกาก็คาบเอาไป มีอยู่ลูกหนึ่งลอยไปตามกระแสน้ำไปจนถึงกรุงพาราณสี
เมื่อราชบุรุษเห็นเข้าก็นำมาถวายพระราชาให้ทรงเสวย ทันทีที่พระราชาเสวยผลมะม่วง พระวรกายที่แก่หง่อมก็ดูเปล่งปลั่งสดใส เหมือนอยู่ในวัยหนุ่มอีกครั้ง จึงปรารถนาที่จะเสวยมะม่วงหิมพานต์นั้นอีก พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะให้นายพรานคนหนึ่งนำไปใช้ เพื่อให้เป็นค่าเดินทางไปนำเอาผลมะม่วงมาถวาย
พรานมุ่งหน้าไปที่สระน้ำนั้น ได้ล่วงเลยถิ่นมนุษย์ไปประมาณ ๖๐ โยชน์ ได้พบดาบสตนหนึ่งจึงถามทางไปเอาผลมะม่วงทิพย์ แล้วมุ่งหน้าเดินต่อไปอีก ๓๐ โยชน์ได้พบดาบสอีกองค์หนึ่ง ท่านก็บอกทางไปเรื่อย ๆ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น นายพรานจึงได้ไปถึงสวนมะม่วงอันเป็นที่น่ารื่นรมย์ใจแห่งนั้น
พวกหญิงอมนุษย์เห็นพรานไพรเดินมาแต่ไกล จึงเข้าไปหาเพื่อจะชักชวนมาร่วมอภิรมย์ด้วย พรานไพรเมื่อเห็นหญิงเหล่านั้นเข้าก็ตกใจกลัว รีบหนีไปทันที พอกลับไปถึงกรุงพาราณสีก็กราบทูลเรื่องการไปผจญภัยทั้งหมดให้พระราชาทรงสดับ ฝ่ายพระราชาเมื่อได้ยินเรื่องหญิงสาวในป่าหิมพานต์ ก็อยากเห็นหญิงเหล่านั้น จึงให้พวกอำมาตย์สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทรงผูกสอดกำธนู เหน็บพระขรรค์โดยอ้างว่าจะไปล่าเนื้อ มีเพียงคนรู้ใจ ๒-๓ คนเท่านั้นที่ติดตามไปด้วย
พวกหญิงเหล่านั้นรู้ว่าผู้ที่มาเป็นพระราชา จึงเกิดความรักและนับถือมาก จึงอัญเชิญพระองค์ให้เข้าสู่วิมานประดับตกแต่งด้วยอาภรณ์ทิพย์ ให้บริโภคอาหารทิพย์ พระราชาทรงเสวยทิพยสมบัติร่วมกับนางเวมานิกเปรตนานถึง ๑๕๐ ปี โดยไม่เคยทราบว่าหญิงเหล่านี้เป็นใคร มีอยู่คืนหนึ่ง พระราชาตื่นจากบรรทมในเวลาเที่ยงคืน ได้ทอดพระเนตรเห็นนางเปรต กำลังเดินไปยังฝั่งสระโบกขรณีจึงเดินตามไปดู
พระราชาเห็นนางถูกสุนัขกัดเหลือแต่กระดูก พอนางลงไปอาบน้ำในสระโบกขรณี ร่างกายจึงกลับเป็นเหมือนเดิม มีอวัยวะน้อยใหญ่เต็มบริบูรณ์ ก็บังเกิดความพิศวงตื่นเต้นอยู่พระองค์เดียว แต่ไม่กล้าถามนาง ทรงแอบดูพฤติกรรมของนางเปรตอยู่ ๒-๓ วัน จึงดำริว่า สุนัขนี้ชะรอยจะเป็นศัตรูของนางจึงพุ่งหลาวใส่พร้อมกับเอาพระขรรค์ฟันสุนัขดำจนตาย สุนัขนั้นก็ได้อันตรธานหายไป
จากนั้นได้ตรัสถามประวัติของหญิงเปรตว่า ท่านได้ทำกรรมอะไรเอาไว้ ถึงต้องเสวยทุกข์ในยามค่ำคืนเช่นนี้ กรรมอะไรจึงถูกสุนัขดำหูด้วนกัดกินอวัยวะของท่าน
นางเปรตทูลความจริงให้ทราบ พร้อมกับขอบพระคุณพระราชาที่ทำให้นางไม่ต้องถูกสุนัขกัดกินอีกต่อไป นางได้เสวยวิบากกรรมเพราะประพฤตินอกใจและโกหกสามีนานถึง ๗๐๐ ปี บัดนี้วิบากกรรมนั้นหมดแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นางจะเสวยแต่ทิพยสมบัติอย่างเดียว จึงได้อ้อนวอนให้พระองค์อยู่กับนางจนตลอดชีวิต
แต่พระราชามีพระประสงค์จะเสด็จกลับพระนคร จึงบอกกับนางว่า กามสุขอันเป็นทิพย์เราได้เสวยแล้ว เราอยากสร้างบารมี ขอให้ท่านนำเรากลับไปถิ่นของมนุษย์เถิด
นางเวมานิกเปรต เมื่อไม่อาจยับยั้งพระราชาให้ประทับอยู่ต่อไปได้ จึงมอบสมบัติและรัตนชาติจำนวนมากให้พระองค์ แล้วนำกลับไปส่งที่เมืองมนุษย์ดังเดิม พระราชาครั้นเสด็จกลับแล้ว ก็ทรงทุ่มเทให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพราะรู้ว่าการประพฤติผิดทำนองคลองธรรมนั้น มีวิบากกรรมอันเผ็ดร้อน จึงตั้งมั่นในการสร้างบารมีอย่างเต็มที่และปกครองแผ่นดินโดยธรรม ทำให้เป็นผู้มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป
จะเห็นได้ว่า ผู้ทำบาปอกุศลเอาไว้ ไม่ใช่จะเศร้าโศกเฉพาะในโลกนี้เท่านั้น แม้ในโลกหน้าก็ต้องไปรับทุกข์ทรมานแสนสาหัส เมื่อนึกถึงคราใด ใจก็เศร้าหมอง เมื่อเศร้าหมองไม่ผ่องใส ครั้นตายไปก็มีแต่ไปสู่อบายภูมิ พระพุทธองค์จึงทรงสอนว่า ผู้ทำบาปย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ เศร้าโศกในโลกหน้า ย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง
เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาสมาพบพระพุทธศาสนา รู้คุณค่าของบุญและโทษของการทำบาปอกุศล รู้จักเส้นทางการไปเกิดมาเกิดของสรรพสัตว์แล้ว ก็ควรเก็บเกี่ยวเอาบุญไปให้ได้มากที่สุด บาปกรรมอะไรที่เคยประมาทพลาดพลั้งไป ทั้งที่มีเจตนา หรือไม่มีเจตนาก็ดี ก็ให้ลด ละ เลิกเสีย เอาแต่บุญกุศลกันล้วน ๆ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง ไปเสวยทิพยสมบัติอย่างเดียว ไม่ต้องไปชดใช้กรรมที่เคยทำเอาไว้ ครั้นเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็สั่งสมบุญกันต่อ ทำกันจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับผลของบาป หน้า ๓๖๖ – ๓๙๒
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
เล่ม ๔๙ หน้า ๓๑๕
โฆษณา