กลยุทธ์ Value Ladder ที่ทั้งสร้างคุณค่าและทำเงิน
ใช้ได้กับทั้ง Content, Product, Service, Marketing ให้ขายของได้ราคาสูงขึ้น
Value Ladder หรือ ขั้นบันไดคุณค่า คือ การออกแบบคุณค่า ของ Product, Service, Experience, หรือ Offer ให้มากขึ้น ตามสเตปการเติบโตของลูกค้า ด้วยราคาที่มากขึ้น
ในระดับราคาต่ำสุด ซึ่งส่วนใหญ่คือ ฟรี, คุณก็นำเสนอบางอย่างที่ให้คุณค่ากับผู้ใช้งาน/คนอ่าน/คนติดตาม
ในระดับราคาสูงสุด, คุณนำเสนอสิ่งที่มีคุณค่ามากสุดให้กับลูกค้า
โดย ผู้ใช้งาน/คนอ่าน/คนติดตาม จะเห็น สิ่งที่เป็นคุณค่าเบื้องต้น ซึ่งฟรีและทำให้พวกเขาเข้ามาหาคุณ
แล้วคุณค่อยให้เขาเห็น สิ่งที่มีคุณค่ามากขึ้น ที่เขาต้องจ่าย
บางคนจะจ่าย และกลายเป็นลูกค้า
แล้วคุณโชว์ สิ่งที่มีคุณค่ากว่า ด้วยราคาที่แพงกว่า
ผมได้สรุปเนื้อหา Value Ladder จากบทความของ ClickFunnel บริษัททำ Value Ladder ชั้นนำ
“What Is a Value Ladder? Ultimate Step-By-Step Guide”
ให้คุณได้ทำความเข้าใจ พร้อมวิธีการทำ และตัวอย่าง
.
5 ขั้นของ Value Ladder
1. Bait คือ สิ่งที่นำให้คนเข้ามาหาคุณ
แนะนำว่าเป็น High value offer ที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคุณ ต่อคนใหม่ที่เพิ่งรู้จัก
และทำให้พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาต้องตอบแทนคุณ ตามหลักจิตวิทยา Reciprocity
อย่างน้อยคุณควรให้พวกเขาใส่อีเมล เพื่อคุณจะได้โอกาสนำเสนอต่อไปในอนาคต
.
2. Front End คือ สิ่งที่คุณขอให้เขามาเป็นลูกค้า
สิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เห็นแล้วอยากได้ โดยคุณลดราคาพิเศษสุดๆ
เช่น หนังสือฟรี จ่ายแค่ค่าส่ง
หรือ ซื้อ1 แถม1
.
3. Middle คือ สิ่งหลักที่คุณแพลนจะขายลูกค้า หลังจากลูกค้าได้ free value ไปพอควรแล้ว
ซึ่งควรจะเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งให้กับลูกค้า
.
4. Back End คือ สิ่งที่เหมาะกับลูกค้าที่ commit กับ Product / Serivce จริงๆ เท่านั้นถึงจะเห็น ซึ่งควรจะแพงและมีคุณค่ามาก
.
5. The Peak คือ สิ่งที่มีคุณค่าที่สุด เป็นสิ่งที่ exclusive ราคาสูงสุด
.
ประโยชน์ของการทำ Value Ladder คือ
1. เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะขายของแพงให้กับลูกค้า
ถ้าขายของแพงตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามา เขาไม่มีทางซื้อ และคุณเสียโอกาสไป
ลูกค้าที่ไม่รู้จักมาก่อน ไม่เคยลอง จะมีความกลัวเสมอ
2. โอกาสในการ UpSell, Crossell
รู้ว่าลูกค้าอยู่ตรงไหน ต้องทำอะไร ขายอะไรต่อ
3. สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
ทุกขั้นที่ลูกค้าเติบโต คุณมี Product / Service ที่ช่วยเขาได้
4. ขายของได้กับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม
.
วิธีออกแบบ Value Ladder
1. รู้จักลูกค้า
คุณต้องรู้ เป้าหมาย ปัญหา และความต้องการ ของลูกค้า รวมถึงรายได้และวิธีหารายได้ของพวกเขา
.
2. ลิส Offer ทั้งหมดที่คุณสามารถทำได้ สร้างได้
หรือลิส ปัญหาทั้งหมดของลูกค้า แล้วดูว่าจะแต่ปัญหา คุณช่วยเขาได้อย่างไร
ตัวอย่างของ Offer (ซึ่งเยอะมากที่คุณไม่ได้มีต้นทุนอะไร สามารถให้ฟรีได้เลย)
Books/eBooks
Webinars
Events
Courses
Free trials
Products
Coaching
Podcasts
Reviews
Newsletters
Blog
Videos
Speeches/talks
Seminars
Memberships
Programs
Communities
โดยคุณสามารถแตกออกมาเป็นแต่ละหัวข้อ ตามแต่ละปัญหาของลูกค้า
.
3. ทำทีละอย่าง ทีละขั้น
เมื่อธุรกิจเริ่มใหญ่ ถึงจะทำให้ครบ 5 ขั้น
.
4. ออกแบบ Sales Funnel / Customer Journey ที่สร้าง Trust ด้วย Free Offer ในขั้นแรก และนำเสนอสิ่งที่มีคุณค่าในสเตปถัดไป
ตัวอย่างสำหรับธุรกิจการตลาด
ขั้น1 - Blog
ขั้น2 - Online Course
ขั้น3 - Consult
ขั้น4 - จ้างให้ทำให้เลย
ตัวอย่างสำหรับธุรกิจ Coaching
ขั้น1 - Book
ขั้น2 - Online Course
ขั้น3 - Live Event
ขั้น4 - 1-on-1 Coaching
ตัวอย่างสำหรับเว็บ
หน้าแรก คือ Free book และ ใส่ที่อยู่
หน้าสอง คือ ออปชั่นให้ใส่เพิ่มในตะกร้า
หน้าสาม คือ สรุปออเดอร์ และ มี Special offer ที่มีเฉพาะวันนี้เท่านั้น
ตัวอย่างสำหรับให้คนสมัครสมาชิกหรือลงทะเบียนจองคิว
หน้าแรก คือ คลิปเนื้อหาให้ดูฟรี และปุ่ม Free offer กดตอนนี้เลย
หน้าสอง คือ ให้ใส่อีเมล
หน้าสาม คือ ให้ใส่ชื่อและข้อมูลอื่นๆ
ตัวอย่างจาก ClickFunnel บริษัททำธุรกิจขาย Sales Funnel
Tier 1 – Free Trial
Continuity Product – Software Membership
Tier 2 – Secrets Trilogy (Free Books + Shipping Offer)
Tier 3 – One Funnel Away Challenge – $100
Tier 4 – Funnel Hacking Live
Tier 5 – Two Comma Club Coaching
Tier 6 – Inner Circle
Tier 7 – Category King Council
.
ถ้าชอบ content การทำของใหม่ หาไอเดีย ทดสอบไอเดีย ทำ new tech product
ฝากกด Like กด Share ด้วยนะครับ
จะได้ไม่พลาดคอนเทนท์ที่ตั้งใจเขียนทุกวัน
ใครมีอะไรอยากพูดคุย สอบถาม, message มาได้เลยครับ
ขอบคุณครับ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
