1 ธ.ค. 2022 เวลา 04:52 • ปรัชญา
วาระแรก
ที่พวกเรารู้สึกว่ามีชีวิต
คือวาระที่กระเสือกกระสน
ดิ้นรนเอาชีวิตรอด
จากการหิวนมแทบขาดใจตาย
สาธุได้นะคะ😂
แต่แล้ววาระนั้นก็ถูกลืมเลือนไป
หลังได้รับความอบอุ่น
จากการรู้สึกว่ามีแม่
มีธารน้ำนมจากแม่มาเลี้ยงชีวิต
จากนั้น
เราก็รู้สึกว่ามีของเล่น
กระบวนการที่ก่อความรู้สึกว่า ‘มีของเล่น’
คือได้จับต้อง ได้เล่นของตามใจนึก
เล่นจนรู้สึกเบื่อ
แล้วเราก็ห่างจากความรู้สึกว่ามีของเล่น
ลืมของเล่นนั้นไป หายไปไหนก็ไม่รู้
จากนั้น
ชีวิตก็สร้างกระบวนการอีกมากมาย
ให้เกิดความรู้สึกว่าเรามี
ไม่ค่อยต่างจากที่มีของเล่นนั้น
มีชุดนักเรียน แล้วชุดนักเรียนก็หายไป
มีมือถือ แล้วก็ต้องซื้อมือถือใหม่
มีแฟน แล้วก็มีการเปลี่ยนแฟน
มีงาน แล้วก็มีการออกจากงาน
มีธุรกิจ แล้วธุรกิจก็ล้มเลิก
แค่มองย้อนไปเผินๆ ก็รู้แล้ว
ความรู้สึกว่าได้ใครหรืออะไรมาครอง
ที่แท้เป็นแค่กระบวนการหลอก
ให้หลงรู้สึกว่ามี
เพื่อคลี่คลาย
กลายเป็นความรู้สึกว่าไม่มี
ที่มีจริงๆ คือ ความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
แม้แต่ความรู้สึกในตัวตนของเราเอง
หนึ่งในการเจริญสติรู้กายแบบพุทธ
คือ เมื่อเกิดสมาธิ มีจิตตรง
ตั้งมั่นรู้กระจ่างแล้วว่า
ลมหายใจไม่เที่ยง อิริยาบถไม่เที่ยง
พระพุทธเจ้าให้น้อมจิตระลึกตามจริงว่า
กายอันตั้งอยู่ในอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่งนี้
เป็นแค่การประชุมกันชั่วคราวของอวัยวะต่างๆ
ในภาวะรู้ชัดกระจ่างแจ้งนั้น
ธรรมชาติกายจะแสดงนิมิตความจริงออกมาเอง
นั่นคือ ในไม่ช้า มันจะเน่าเปื่อยผุพัง
กระจัดกระจายหายไปเป็นอื่น
แม้นิมิตความตายไม่ใช่ของจริง
แต่ความมีสติรู้ชัดว่า
ที่แท้เราไม่มีอะไรจริงเลย
แม้กระทั่งชีวิต
นั่นแหละ! ที่ตรงกับความเป็นจริง
ต่อให้ยึดครองโลกได้ทั้งใบ
ในที่สุดก็ต้องพบว่า
จริงๆเรายึดครองไว้ไม่ได้
แม้แต่กายตัวเองเพียงกายเดียว!
Cr "ดังตฤน"
โฆษณา