2 ธ.ค. 2022 เวลา 04:06 • กีฬา
ญี่ปุ่นเป็นชาติแรกในรอบ 44 ปี ที่เอาชนะเยอรมัน และ สเปน ได้ในฟุตบอลโลกทัวร์นาเมนต์เดียวกัน ใครจะไปเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ทำไมพวกเขาทำได้ วิเคราะห์บอลจริงจัง จะอธิบายแท็กติกให้เข้าใจง่าย
5
เยอรมัน และ สเปน แพ้ด้วยสกอร์ 2-1 เท่ากัน ที่สนามเดียวกัน และโดนแผนการเล่นแบบเดียวกัน แน่นอน ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ที่คุณจะไม่ให้เครดิตเฮดโค้ชของญี่ปุ่นที่ชื่อ ฮาจิเมะ โมริยาสุ
8
ในข้อเท็จจริงนั้น ญี่ปุ่นชุดนี้ มีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมมากๆ ลองคิดดูว่า ตัวผู้เล่นคุณต้องดีขนาดไหน ถึงไม่เรียกกองหน้าอย่าง เคียวโกะ ฟุรุฮาชิ รองดาวซัลโวสกอตติชพรีเมียร์ชิพติดทีมมาด้วย
1
ถ้าวัดกันที่คุณภาพของผู้เล่น ญี่ปุ่น คือเบอร์หนึ่งของเอเชียแล้ว อย่างเกาหลีใต้อาจจะมีซน ฮึง-มิน หรือ อิหร่านมีเมห์ดี้ ทาเรมี่ ที่เป็นสตาร์ แต่ญี่ปุ่น มีองค์ประกอบโดยรวมที่ดีกว่า
4
ญี่ปุ่นมีนักเตะที่เล่นในบุนเดสลีกาถึง 8 คน, มีอัจฉริยะอย่างทาเคฟุสะ คุโบะ, มีปีกมหาประลัยอย่างคาโอรุ มิโตมะ, มีกองหลังจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อย่าง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ และ มีผู้เล่นที่คว้าหลายแชมป์ในอังกฤษ อย่างทาคุมิ มินามิโนะ
9
ดังนั้นถ้าหากจะมีทีมเอเชียสักทีม ที่รอดจากกรุ๊ปออฟเดธ ที่มีสเปน และเยอรมันรวมอยู่ด้วย เชื่อว่าญี่ปุ่นคือทีมนั้น
5
ในเกมแรกของญี่ปุ่นที่เจอกับเยอรมัน เฮดโค้ชโมริยาสุ สร้างเซอร์ไพรส์เมื่อดร็อป มิโตมะ (ไบรท์ตัน), มินามิโนะ (โมนาโก), ริทสึ โดอัน (ไฟร์บวร์ก) และ ทาคุมะ อาซาโนะ (โบคุ่ม) เป็นสำรอง
1
ดูเป็นการจัดตัวที่พิลึก เพราะเมื่อไม่มีตัวบุก ทำให้เกมครึ่งแรกของญี่ปุ่นกับเยอรมัน กลายเป็นบอลวันเวย์ เยอรมันเจาะอยู่ข้างเดียว และทำสถิติจ่ายบอลเข้าเป้าในครึ่งแรก สูงสุดตลอดกาลในฟุตบอลโลก
2
แต่นั่นเป็นแผนของโมริยาสุที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี พวกเขาตั้งใจรักษาช่องว่างสกอร์กับเยอรมันให้ห่างแค่ 1 ลูกเท่านั้น และพอเข้าครึ่งหลัง ในขณะที่เยอรมันประมาท โมริยาสุ ก็ส่งตัวรุกทั้งหมด ที่กล่าวมาลงสนามเป็นสำรอง
2
เยอรมัน ตั้งตัวไม่ติด โดนยิง 2 ลูกรวด ญี่ปุ่นพลิกขึ้นนำเป็น 2-1 ซึ่งฮันซี่ ฟลิคแก้เกมไม่ทันแล้ว เกมเลยจบด้วยสกอร์นั้น ญี่ปุ่นคว้าชัยด้วยแท็กติกอันไม่ธรรมดาของโมริยาสุ
3
เขายอมทิ้งครึ่งแรก และวัดใจในครึ่งหลัง เข้าใจดีว่าทีมเป็นรองเรื่องศักยภาพ เพราะฉะนั้นต้องใช้แผนเล่นงานให้เร็ว ในช่วงที่เยอรมันตั้งตัวไม่ทัน
1
เมื่อญี่ปุ่นชนะเยอรมันได้แล้ว หนทางของพวกเขาก็สดใสอย่างยิ่ง ขอแค่เกมต่อไป เอาชนะคอสตาริก้า ที่โดนสเปนถล่มมา 7-0 ก็จะเข้ารอบน็อกเอาต์ทันที โอกาสดูใสแจ๋วมาก
1
แต่การจัดไลน์อัพของโมริยาสุ ในการเจอคอสตาริก้า โดนวิจารณ์เละ ว่าดูถูกคู่แข่งอย่างรุนแรง เขาจัดตัวแบบมั่นใจว่าทีมชนะแน่ และไม่ส่งทั้ง มิโตมะ, มินามิโนะ, อาซาโนะ, คุโบะ ลงสนามเป็นตัวจริง
3
โมริยาสุ เลือกใช้งานอายาเสะ อุเอดะ จากแชร์ก บรูช ลงเป็นหน้าเป้า และใช้ยูกิ โซมะ จากนาโกย่า แกรมปัส ลงเป็นตัวจริงแบบงงๆ
3
ในเกมที่ต้องชนะสถานเดียว ต้องใส่ตัวรุกมาแบบจัดเต็มตั้งแต่นาทีแรก แต่เขากลับไม่ยอมใช้ตัวรุกที่ดีที่สุด แล้วจัดไลน์อัพอะไรก็ไม่รู้ นั่นทำให้เกมของญี่ปุ่นตื้อตันมาก ครองบอลเยอะก็จริง แต่เข้าทำไม่ได้เลย
ในโลกของฟุตบอล ถ้าคุณครองบอลเยอะแล้วปิดสกอร์ไม่ได้ มันเหมือนเชื้อเชิญให้คอสตาริก้าทำอะไรสักอย่าง
7
สุดท้ายความผิดพลาดของกองหลัง ทำให้คอสตาริก้า ได้โอกาสยิงตรงกรอบครั้งเดียวในเกม และเป็นประตูชัยให้คอสตาริก้าชนะญี่ปุ่น 1-0
1
โมริยาสุ อ่านสถานการณ์พลาด เขาไม่รู้ว่าญี่ปุ่นต้องการชัยชนะในเกมกับคอสตาริก้าแค่ไหน คือถ้าชนะไม่ได้ ก็ต้องมาเอาชนะสเปนแทน ซึ่งเป็นงานที่ยากกว่า 10 เท่า
7
เอาล่ะ ผ่านมา 2 เกม ญี่ปุ่นชนะ 1 แพ้ 1 ตามจริงโอกาสของพวกเขาก็ยังมีอยู่
โจทย์ของญี่ปุ่น มีอย่างเดียวคือ "ต้องชนะสเปนเท่านั้น" เพราะอีกสนาม มันแทบจะแน่นอนอยู่แล้วว่าเยอรมันจะบดชนะคอสตาริก้าได้หลังจบ 90 นาที
ดังนั้นโมริยาสุ รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่มีทางเลือกอื่น เสมอก็ไม่ได้ ต้องชนะเท่านั้น
1
เพื่อเป้าหมายในการโค่นสเปน เขามีทางเลือกในการจัดตัวสองแบบ
1
แบบที่ 1 คือส่งตัวรุกมาเต็มแม็กซ์เลย วัดกันตั้งแต่นาทีแรก
แบบที่ 2 คือใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับเยอรมัน คือครึ่งแรกประคองให้เสียไม่เกิน 1 ลูกไว้ก่อน จากนั้นครึ่งหลังค่อยปล่อยทีเด็ดทั้งหมดลงเล่นเพื่อยิงประตูแซงคืน
1
และโมริยาสุเลือกแบบหลัง
4
มีเกร็ดหนึ่งอย่างที่น่าสนใจคือ สนามที่ญี่ปุ่นชนะเยอรมัน กับสนามที่เจอสเปน คือสเตเดี้ยมแห่งเดียวกัน ที่มีชื่อว่า คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม
เมื่อนักเตะเกิดความรู้สึกดีๆ ว่าเคยพลิกล็อกชนะเยอรมันมาได้แล้วในสนามนี้ แล้วทำไมจะใช้กลยุทธ์เดิม พลิกล็อกชนะสเปนไม่ได้อีกครั้งในสนามเดียวกัน
1
ครึ่งแรก ญี่ปุ่นโดนนำไปก่อนจากลูกโหม่งของอัลบาโร่ โมราต้า แต่ความน่าประทับใจคือ กองหลังก็สู้สุดชีวิตจนโดนใบเหลืองไปครบทุกคน ที่ต้องทำแบบนั้น เพื่อยันสกอร์ให้ห่างแค่ 1 ลูกให้ได้ ถ้าทำได้โอกาสพลิกเกมก็พอมี
3
เข้าครึ่งหลัง โมริยาสุ มาตามนัด ใช้กลยุทธ์ที่ตั้งใจแต่แรก เขาส่งริทสึ โดอัน กับ คาโอรุ มิโตมะ ลงเล่นทันที และใช้แผน Pressing เต็มรูปแบบใส่สเปน
1
เหมือนกับเยอรมัน สเปนไม่ทันตั้งตัว ว่าญี่ปุ่นจะบี้แหลกขนาดนี้ตั้งแต่นกหวีดครึ่งหลังดัง คือกดดันไปถึงผู้รักษาประตู
ความซีเรียสในการ Pressing ทำให้แนวรับสเปนเคลียร์บอลกันพลาด จนเปิดช่องให้ ริทสึ โดอันยิงไกลเข้าประตู ญี่ปุ่นตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 48
2
และในนาทีที่ 51 คาโอรุ มิโตมะ สปรินท์ตัวสุดเหยียด ไปตวัดบอลที่กำลังจะออกหลังอยู่แล้ว ตบเข้ากลางได้แบบเสี้ยววินาที ก่อนทานากะจะชาร์จเข้าไปให้ญี่ปุ่นนำ 2-1 ลูกนี้เช็ก VAR แล้ว ได้ประตูใสสะอาด
2
เรื่องนี้สะท้อนให้เราเห็นอะไร? มันสะท้อนให้เห็นว่าแท็กติกของโมริยาสุถูกต้อง สองตัวสำรองที่ลงมา มีพลังขา มีความเฟรช คนหนึ่งยิง คนหนึ่งแอสซิสต์ จนญี่ปุ่นขึ้นนำสเปนอย่างสวยงาม ฝั่งสเปนตั้งตัวไม่ติดเลยว่าจะโดนจู่โจมเร็วขนาดนี้
2
การเปลี่ยนตัวของโมริยาสุต่อจากนั้น ยังละเอียดมาก เขาให้ไดเซ็น มาเอดะ วิ่งไล่จนหมด แล้วส่งทาคุมะ อาซาโนะลงมา จากนั้นพอเหลือ 20 นาทีสุดท้าย ถอดกองกลาง ไดจิ คามาดะ แล้วส่งโทมิยาสุลงมาแพ็กเกมรับ ด้วยระบบ 5-4-1
3
จริงๆ ที่เมืองนอก มีทฤษฎีสมคบคิดว่า สเปนแกล้งยอมแพ้เพื่อให้ญี่ปุ่นเข้าอันดับ 1 จะได้ส่งไปเจอกับโครเอเชีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และเจอบราซิลในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นสายที่หนักกว่า
3
ในขณะที่การจบอันดับ 2 ในกลุ่มนี้จะเจอทางที่เบากว่าคือ เจอโมร็อกโกในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และอาจจะเป็นโปรตุเกสในรอบ 8 ทีม จึงมีคนคิดกันบ้าง ว่าหรือสเปนจะแกล้งปล่อยตัวล้อฟรี
1
แต่ในข้อเท็จจริง คือเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สเปนจะยอมแพ้ได้ไง เพราะถ้าอีกสนามคอสตาริก้าเอาชนะเยอรมันได้ขึ้นมา พวกเขาร่วงตกรอบเลยนะ ดังนั้นสเปนไม่มีอ่อยอะไรทั้งนั้น ตามทฤษฎีที่คนมโนกัน
3
ในเกมนี้จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คอสตาริก้าขึ้นนำเยอรมัน 2-1 ลองคิดดูว่าถ้าเกมจบแบบนั้น สเปนก็กลับบ้านเลย
โอเค หลุยส์ เอ็นริเก้ อาจจะมีพักเฟร์รัน ตอร์เรส และ มาร์โก อเซนซิโอ ไว้ข้างสนามก็จริง แต่ยังไงก็ไม่มีอ่อยแน่นอน พวกเขาต้องการชนะเหมือนกัน
1
แม้สเปนจะกดดันหนัก แต่ญี่ปุ่นเล่นอย่างอดทนมากที่สุด นักเตะมีสมาธิกันจนถึงหยดสุดท้าย แม้จะทดเวลา 7 นาทีก็ตาม ไม่มีช่วงที่พวกเขาหลุดสมาธิเลย
2
กองหลังมีวินัย ปล่อยให้สเปนได้ยิงจะจะ ไม่เกิน 3 ครั้ง และทุกครั้งนายทวารกอนดะก็เก็บได้หมด
1
เกมจบลงด้วยชัยชนะของญี่ปุ่น 2-1 คว้าแชมป์กลุ่มได้อย่างสุดยอด ถีบเยอรมันตกรอบไปอย่างไม่มีใครเชื่อ
1
กลุ่มนี้ คือ กลุ่ม E ที่ต่างประเทศถึงกับบอกเลยว่า E For Extraordinary (E ย่อมาจาก'ความเหลือเชื่อ') ก็มันเป็นตอนจบที่เหลือเชื่อจริงๆ
2
สำหรับญี่ปุ่นนั้น ใครจะไปคิดว่ากลยุทธ์เดิมที่ใช้สำเร็จกับเยอรมัน ใช้ได้ผลอีกครั้งกับสเปน
1
ถ้าหากเกมกับคอสตาริก้า โมริยาสุโดนตำหนิไปสารพัด ที่จัดตัวผิดจนทีมแพ้ เกมนี้เขาก็ควรได้เครดิตเต็มๆ ที่วางแผนได้ถูกต้องทุกจุด
5
บทสรุปกลุ่มนี้ ญี่ปุ่นเข้ารอบในฐานะแชมป์ สเปนเข้ามาเป็นอันดับสอง ขณะที่เยอรมันตกรอบแบ่งกลุ่มสองสมัยติดต่อกันเข้าไปแล้ว นี่เป็นช่วงขาลงของวงการฟุตบอลอินทรีเหล็กอย่างแท้จริง
1
สำหรับนัดต่อไป ทีมซามูไรจะเจองานที่หนักมากๆ นั่นคือ โครเอเชีย รองแชมป์โลกครั้งที่แล้ว เราต้องมาดูกันว่า โมริยาสุจะใช้กลยุทธ์แบบไหน
2
อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณเอาชนะเยอรมัน และ สเปนมาได้แล้ว จะเจอใครหน้าไหน ญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกลัวทั้งนั้น
4
ตั้งแต่เล่นฟุตบอลโลกมา ญี่ปุ่นไม่เคยข้ามกำแพงรอบ 16 ทีมสุดท้ายมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ด้วยฟอร์มแบบนี้ พวกเขาอาจสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ได้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้เลยก็เป็นได้
2
โฆษณา