2 ธ.ค. 2022 เวลา 14:55 • กีฬา
พิสูจน์สิว่ามีดีกว่าหน้าตา โช กยู ซอง
ในขณะที่นักเตะอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเขาในเวทีระดับนี้ แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากนั้นใน ฟุตบอลโลกปี 2022 มันกำลังจะกลายเป็นอีกเวทีสำหรับนักเตะหน้าใหม่ ซึ่งเป็นสปอตไลท์ชั้นดีให้บรรดาดาวรุ่งที่มีรายชื่อติดมาของแต่ละประเทศได้รับแสง
เมื่อพูดเกริ่นถึงนักเตะหน้าใหม่ไปแล้ว ในรอบแบ่งกลุ่มที่กำลังคับเขี่ยวกันอยู่ ก็มีนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่แจ้งเกิดและสามารถทำผลงานได้ดี แต่ในบทความนี้เราจะลงลึกไปถึงนักเตะจากทีมชาติเอเชียบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเกาหลีใต้ พวกเขาประเดิมแมตท์แรกกับจอมโหดอุรุกวัยด้วยการทำเรื่องสุดเซอร์ไพรซ์ ไม่ใช่แค่ยันเสมอไปได้ด้วยสกอร์ 0 - 0 มากกว่านั้นคือทัพโสมขาวมีเกมบุกที่แพรวพราวและสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับบรรดาแข้งจอมโหดได้เลยทีเดียว
ซึ่งตลอดเวลาที่ทั้งสองทีมพยายามยัดเยีบดความปราชัยให้กับฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางความเดือดดาลในเกมนี้ ใครจะรู้ว่าเมื่อถึงนาทีที่ 74 ช่วงเวลาที่ศูนย์หน้าตัวสำรองนามว่า โช กยู ซอง ถูกเปลี่ยนตัวลงมา ทันทีที่กล้องจับไปที่หน้าตาอันหล่อเหลาตามแบบฉบับไอดอลเกาหลีที่ใครๆ นิยม ชายคนนี้คือใคร กลายเป็นคำถามที่สาวน้อยสาวใหญ่พากันอยากรู้คำตอบ มากกว่าผลสกอร์ของเกมระหว่าง ทีมชาติเกาหลีใต้กับ ทีมชาติอุรุกวัย ซะอีก
โช กยู ซอง คือเด็กชายธรรมดาในครอบครัวมนุษย์เงินเดือนทั่วไป เกิดและเติบโตที่เมืองอันซัน ของจังหวัดคยองกี ที่ห่างไกลจากเมืองหลวงพอสมควร แต่ที่มันพิเศษกว่าคือการที่มีพ่อบ้าบอลเป็นอย่างมาก การถูกพ่อพาไปชมเกมลูกหนังทุกครั้งที่มีโอกาส นั่นคือการปลูกฝังจิตสำนึกให้ตัวเขาเองได้คลั่งใคล้ลูกกลมๆ และเกิดมีความฝันอยากจะเป็น นักฟุตบอลอาชีพ และเริ่มเดินทาง
ตำแหน่ง กองกลางตัวรับ คือตำแหน่งที่เด็กชายหน้าตาดีเลือกที่จะเล่นและเขาก็ทำมันได้ดี ด้วยการเข้าสกัดที่ใช้มันสมอง บวกกับทักษะการจ่ายบอล โฮลด์บอลหรือแม้กระทั่งในเวลาที่สอดขึ้นมายิงจากแถวสองก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ช่วงเวลาที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมต้นเขามักจะใช้เวลาว่างเตะบอลจนสุดท้ายก็ได้คำตอบว่า เขาควรจะไปให้มันสุดทางเสียที และเมื่อจบมัธยมปลาย โช จึงได้โยกย้ายตัวเองไปศึกษาต่อยังเมืองอันยัง โดยมีจุดหมายคือสโมรอันยัง ที่ตอนนั้นได้ลงเล่นอยู่ในระดับ เคลีก 2
โชคดีที่โรงเรียนที่ โช เลือกเรียนนั้นเป็นสายอาชีวะที่ให้ความอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่าโรงเรียนม.ปลายทั่วไป แต่มันก็ส่งผลเสียให้กับเขาเช่นกันเมื่อความอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ส่งผลให้เกิดความเคยชินและขาดระเบียบวินัย ไม่นานนักจากนักเตะที่มีแววก็เริ่มฟอร์มแผ่วลงจนถูกเพื่อนร่วมรุ่นแซงหน้าไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นที่ต้องการของ สโมสรอันยัง จากนั้นชีวิตของเด็กชายก็เข้าสู่ความเคว้งคว้าง
เหมือนชีวิตของ โช ตอนนี้ถูกทิ้งไว้กลางทางเมื่อความฝันการเป็น นักฟุตบอลอาชีพ ก็ไม่ได้เป็น หนำซ้ำผลการเรียนที่เคยดีก็ตกต่ำซึ่งก็ยากต่อการหาที่เรียนต่อ แต่ในขณะที่กำลังหันซ้ายหันขวาในเงามืดมิด จู่ๆ ก็มีมือของผู้ที่เคยเห็นฝีเท้าของเขาสมัยที่ยังลงเล่นในระดับโรงเรียนยื่นลงมากระชากเขาให้หลุดพ้น โค้ช อี ซึง วอน ของมหาวิทยาลัยกวังจู คือคนที่หยิบยื่นโอกาสและจุดเปลี่ยนให้กับเด็กหนุ่ม
ซึ่งเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากหากโค้ชคนนี้ไม่ได้มีสายตาเฉียบแหลม โลกและสาวๆ ก็คงไม่ได้รู้จักนักเตะชายหน้าตาดี เพราะจากที่ โช กยู ซอง ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่เคยถนัดและไม่รุ่ง เขาจึงถูกปรับให้เล่นในตำแหน่งที่สูงขึ้นมาเป็นกองกลางตัวรุก แม้ในทีแรกจะไม่ถนัดถึงขั้นที่งอแงกับโค้ช
แต่ด้วยการที่ไม่มีทางเลือก โช หันหลังชนฝากัดฟันทำตามสิ่งที่โค้ชสั่งและสุดท้าย เขาก็ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูได้ทุกแมตช์ ไม่นานนักจากกองกลางตัวรุกก็กลายเป็นศูนย์หน้าอย่างเต็มตัว และเมื่อเขากลับมาทำผลงานได้ดี สโมสรที่เคยทอดทิ้งอย่าง อันยัง ก็กลับมาสนใจตามง้อจน โช ใจอ่อนกลับไปลงสนามกับทีมที่เคยเป็นความฝันแรกของเขาอีกครั้ง
แม้จะได้กลับไปเล่นที่สโมสรอันยังที่เขาผูกพันธ์ แต่ที่นั่นเขาก็ใช้เวาอยู่กับม้านั่งสำรองเป็นแรมเดือน จากเด็กชายเข้าสู่วัยหนุ่มด้วยอายุ 21 ปีแต่โอกาสสัมผัสลูกบอลในเกม เคลีก 2 ก็ยังมาไม่ถึง โช เกือบจะถอดใจหากแต่เขายังไม่รู้ว่า คิม ฮยอง ยอล โค้ชของทีมที่เคยเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนได้เล็งเห็นแล้วว่านักเตะอย่างเขามีของดีเหมือนกับไวน์ชั้นเลิศ
ยิ่งบ่มนานเมื่อเปิดออกมาลิ้มรสก็ยิ่งหอมหวาน และแน่นอน โช กยู ซอง ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาถูกส่งลงเป็นตัวจริงเด้กหนุ่มหน้าตาดีก็สร้างความปั่นป่วนให้กับทีมฝั่งตรงข้ามได้ทันที ไม่นานนักเพียงแค่ 1 ฤดูกาล โช กยู ซอง ก็กลายมาเป็นนักเตะที่อยู่ในอันดับ 3 ของตารางดาวซัลโวใน เคลีก 2 ทันที
ผลงานเพียงเท่านี้ก็ดีเพียงพอที่จะทำให้เขามีโอกาสกลายเป็น นักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ ชุด U - 23 ทันที ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีรายชื่อติดอยู่ในระบบเยาวชนมาก่อน ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี เท่านั้น โช กยู ซอง พัฒนาตัวเองจากนักเตะเรียนไม่จบ ถูกทีมที่เป็นความฝันปล่อยลอยแพ สู่กองหน้าระดับเพชฌฆาตที่พร้อมจะสังหารประตูในระยะ 18 หลาได้อย่างพลิกชีวิต
แต่เมื่อถูกสปอตไลท์ส่องมาอย่างสว่างสำหรับนักเตะที่รับมือไม่ทันก็อาจจะไขว้เขวได้ หลังจากที่โดน ชอนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ทีมใหญ่ในระดับ เคลีก ดึงตัวเข้าสู่ทีม โช กยู ซอง นักเตะที่เพิ่งจะดังได้แค่ปีเดียวก็เกิดอาการทำตัวไม่ถูกถึงขั้นไม่รู้ทิศรู้ทาง และแน่นอนเมื่ออยู่ในทีมใหญ่แบบนั้นสิ่งที่เขาได้รับคือการถูกเมินจากโค้ช ชีวิตกลับมาเป็นวงกลมระหว่าง ซ้อม นั่งสำรอง และก็ซ้อม อยู่แบบนั้น
ผ่านไปหนึ่งปีที่ใช้ชชีวิตวนเวียนเป็นวงกลม โช กยู ซอง ไม่สามารถทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงทางด้านกีฬาฟุตบอลที่เขารัก แต่อย่างที่เราได้เห็นกันว่าหน้าตาของเขาดีแค่ไหน แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงในฐานะนักเตะตัวสำคัญของทีมก็ตาม แต่บรรดาแฟนคลับสาวๆ ก็พากันให้การสนับสนุนเด็กหนุ่มคนนี้อย่างไม่เคยขาดสาย บ่อยครั้ง โช เสียเวลาไปกับการหยุดถ่ายรูปคู่กับสาวๆ และนั่นมันทำให้เขาเอาใจออกห่างผลงานในสนามมากขึ้น จากหลักฐานในอินสตาแกรมว่าเขาคลั่งไคล้การลงรูปเพื่อให้สาวๆ กดถูกใจมากแค่ไหน
เหมือนว่าจะเป็นโชคชะตาของนักเตะรูปงามคนนี้ เพราะที่เกาหลีใต้แม้จะเป็นคนที่หน้าตาดีหรือคนดังแค่ไหน หากไม่มีผลงานในระดับที่ช่วยชาติได้สุดท้ายเขาก็ต้องเข้าเกณฑ์ทหารอยู่ดี และที่นั่นมันก็เปลี่ยนแปลงตัว โช กยู ซอง ที่เกือบจะหมดอนาคตให้กลับมามีระเบียบวินัย เมื่อโดนบังคับให้ลงเล่นภายใต้ทีมของกองทัพเกาหลีใต้
กฎเหล็กของที่นี่คือต้องงดเกี่ยวกับโลกภายนอก เขามีสิทธิ์โฟกัสแค่ผลงานในสนามเท่านั้นและด้วยวินัยที่เคร่งครัด โช กยู ซอง ที่ไม่มีเวลาวอกแวกกับชื่อเสียงในโลกออนไลน์ก็กลับมาทำผลงานได้ภายใต้ทีมของกองทัพ เขานำเป็นดาวซัลโวแบบเดี่ยวด้วยผลงาน 13 ประตู จน ชอนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ต้องถึงขั้นมาขอตัวเขากลับไปเล่นให้กับทีมเป็นกรณีพิเศษ และเจ้าตัวก็ตอบแทนให้อย่างไม่มีผิดหวัง
ในปัจจุบัน โช กยู ซอง กลายเป็นคนใหม่หลังจากที่ได้ขัดเกลาวินัยและโฟกัสถูกที่ สุดท้ายเส้นทางต่างๆ ก็มาบรรจบตรง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในประเทศการ์ต้า เมื่อเขามีรายชื่อติด ทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดใหญ่ และ 15 นาทีบนสนามหญ้าระหว่างเกมที่ต้องเจอกับทีมชาติอุรุกวัย แม้จะถูกส่งมาในฐานะตัวสำรอง แต่มันก็พิสูจน์ด้วยผลงานจากการเห็นว่าเขาเพรสซิ่งตลอดทั้งเกมและมีส่วนช่วยให้เกาหลียันเสมอกับทีมจอมโหดได้แบบสุดมันส์
ปฎิเสธไม่ได้ว่านาทีนั้นหลายคนอาจจะสนใจที่หน้าตาของเขามากกว่าฝีเท้า แน่นอนล่ะว่าเขายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะนักหากจะเทียบกับนักเตะที่เป็นสมบัติของชาติอย่าง ซง เฮือง มิน แม้ในวันนี้สปอตไลท์ดวงใหญ่จะฉายแสงมาที่เขาอีกครั้ง แต่อย่างไรซะเขาก็ต้องรอคอยและมีเรื่องที่ต้องทำหนักกว่าคนอื่นๆ เพื่อให้เป็นที่พูดถึงว่านักเตะแบบเขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตา.
เขียนโดย : นักเตะจากโลกคู่ขนาน
โฆษณา