3 ธ.ค. 2022 เวลา 19:53 • กีฬา
สรุปจาก 📝WIM EP.67 “Scuba Diving” เสน่ห์/สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเรียน 🤿 (รับชมวิดีโอตัวเต็มได้ที่: https://youtu.be/GqytEsHTjcg)
======================
1. การดำน้ำ คืออะไร
======================
[ครูโอปอ]
- การดำน้ำเป็นการไปเอ็นจอย ไปสนุกเพลิดเพลินกับโลกใต้ทะเล เป็นการเปิดโลกใบใหม่ ได้ฝึกตัวเอง ฝึกสมาธิ ได้เห็นความคิด ความรู้สึกตัวเองเยอะขึ้น
- บางทีเรามีอะไรเครียดๆ ลงไปใต้น้ำก็ได้พักผ่อน สำหรับเราบางทีคิดงานทำนู่นนี่นั่นไม่ออกไปดำน้ำหัวก็ไบร์ทขึ้น หรือบางทีเราหงุดหงิดเราเศร้า ลงไปดำน้ำมันก็ฮีลได้ มันก็ดีขึ้น บางทีไม่ได้ต้องว่าย ไปดูไปเจออะไรเลย ขอแค่ใส่ชุดออกเรือ นั่งเล่นนั่งดูก็ได้พักผ่อน
[ครูนีน่า]
- การดำน้ำเหมือนการไปเดินเล่นในธรรมชาติ ในสวนในป่า ทำให้ผ่อนคลาย สบายใจ
======================
2. การดำน้ำ มีกี่ประเภท
======================
- สำหรับการดำน้ำทั่วไปหรือว่าการดำน้ำเพื่อความเพลิดเพลิน (Recreational diving) แบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
*1. Snorkeling - ใส่หน้ากาก ท่อสน็อกเกิ้ล ว่ายบนผิวน้ำ
*2. Free diving - ดำลึกลงไปอีก มีหน้ากาก มีหรือไม่มีฟิน กลั้นหายใจว่ายลงไป
*3. Scuba diving - ใช้ถังอากาศในการหายใจ
- นอกเหนือจากนี้จะเป็น Technical diving (ดำลึกมากขึ้น มากกว่า 30 เมตร) และ Commercial diving (การดำน้ำเพื่อทำงานเชื่อม งานก่อสร้างใต้น้ำ เช่น ท่อน้ำมัน บ่อน้ำมัน)
======================
3. เสน่ห์ของการดำน้ำ
======================
- เสน่ห์ของการดำน้ำคือการที่เราไม่รู้ว่าแต่ละครั้งที่ดำน้ำเราจะเจออะไรบ้าง
[ครูนีน่า]
- เราดำที่เดิมก็ไม่เบื่อนะ มันจะมีบางทีที่ dive site เป็นกองหิน เราอาจจะดำเส้นทางเดิม แต่บางทีเราลองย้อนกลับไป ออกไปข้างนอกอีกนิดนึงเราก็จะเห็นหินที่เราไม่เคยเห็น
- เมื่อต้นเดือนไปดำกับไดฟ์มาสเตอร์คนนึงที่ White Rock แล้วเขาพาไปทางที่ไม่เคยไป ตัวเราก็เออตรงนี้ก็ไม่เคยมาเหมือนกันทั้งๆ ที่เราดำเป็นร้อยครั้งแล้ว เหมือนเราได้เปิดแมพใหม่
[ครูโอปอ]
- เรารู้สึกว่าไปดำน้ำมีอะไรเต็มไปหมดเลยนะ เหมือนลงไปเอ็นจอยใต้น้ำก็สนุกแล้ว บางทีไปดำที่เดิม พอหลายๆวันหลายๆ เดือนผ่านไป ปลาหรือสิ่งมีชีวิตก็เปลี่ยนนะ
======================
4. สิ่งที่ควรเรียนรู้/เตรียมตัว ก่อนการดำน้ำ
======================
- ไปเรียนเพื่อสอบใบอนุญาตสำหรับ free diving และ scuba diving
- เช็ค local regulation ของแต่ละที่ก่อนเสมอ
- ไม่ดำน้ำคนเดียว (ไม่ว่าจะเป็น scuba diving, free dive หรือแม้แต่ snorkeling) และบัดดี้ที่ดำด้วยกันควรอยู่ในระดับความสามารถใกล้เคียงกัน
[ครูโอปอ]
- ต้องมีการสอบใบอนุญาต เพราะว่าจริงๆ กีฬาดำน้ำก็มีความเสี่ยง
[ครูนีน่า]
- เราเรียนเพื่อที่ให้เราสามารถดูแลตัวเองได้กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือเกิดความเสี่ยงต่างๆ เช่น หน้ากากหลุด อากาศหมด พลัดหลง แต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนต้องเจออุบัติเหตุ
- ขั้นแรกของการเรียนดำน้ำ (scuba diving) คือ open water diver เป็นคอร์สที่สอนว่าเราจะจัดการปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไรได้บ้าง เช่น ถ้าอากาศหมดเราจะทำอย่างไร ถ้าเรามีบัดดี้อยู่ข้างๆ เราจะใช้อากาศของเพื่อนเรา ควรมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง หรือว่าอากาศหมดแล้วบังเอิญหลงไปอยู่คนเดียว เราจะรับมือกับปัญหาพวกนี้อย่างไร เขาจะสอนเราทั้งหมดเลยใน open water
- ถ้าเราสอบผ่าน ดูแลตัวเองได้ สามารถไปดำน้ำโดยที่ไม่ต้องมีคนมาคอยดูแล เราก็จะได้ใบอนุญาตมา เราก็จะเป็น open water diver
- ยังไงก็ตาม กฎของการดำน้ำ (scuba diving) คือ never dive alone ถ้าเราเป็น open water diver คือเราสามารถ lead ตัวเองได้ ไม่ต้องมีไกด์ แต่ควรมีบัดดี้
- อย่างที่เราไปออสเตรเลีย คนที่มีใบอนุญาตแล้ว จับคู่บัดดี้ ดูแผนที่ ดู dive site map ฟัง briefing วางแผนกันเองได้ แต่ว่าเวลาจะไปที่ไหน เราต้องรู้ว่าที่นั้นๆ มี local regulation อย่างไรบ้าง เช่น เกาะเต่าจะไม่อนุญาตให้ดำเอง ต้องมี dive lead เสมอ ไปที่อื่นต้องเช็คกฎ ฟัง orientation ของแต่ละพื้นที่ให้ดี
[ครูโอปอ]
- จริงๆ free dive ก็ไม่ควรดำคนเดียว บางคนอาจจะคิดว่าไปฝึกตัวเอง กลั้นหายใจ หมุนขี้นหมุนลง จริงๆ อันนี้ก็ห้าม ควรมีบัดดี้ มีเซฟตี้คนที่เลเวลใกล้เคียงกัน
[ครูนีน่า]
- สมมุติว่าโอปอไปดำ free dive 30 เมตร แต่นี่ลงได้ 20 เมตร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ลงไปช่วยไม่ได้ มันก็ควรเป็นคนที่เลเวลใกล้เคียงกัน
[คุณโอปอ]
- Snorkeling ไม่ต้องเรียนเพื่อสอบใบอนุญาต แต่ก็อยากให้ apply กับทุกอย่างในการหาเพื่อนไปด้วย จะสนุกกว่า ดีกว่า อย่างน้อยไปด้วยกัน คอยเช็ค คอยเรียกกัน
======================
5. คอร์สเรียน Scuba Diving
======================
5.1 Open Water
[ครูโอปอ]
- ใช้เวลา 3-4 วัน จะมี 3 ส่วนสำคัญก็คือ
*1. มีทฤษฎี 5 บทและมีการสอบ
*2. ฝึกปฏิบัติในสระ ฝึกใช้อุปกรณ์ให้ชินกับโลกใต้น้ำ การเตะขาใต้น้ำกับการเตะฟินใต้น้ำมันต่างกัน จำลองเหตุฉุกเฉินต่างๆ ว่าควรทำอย่างไร
*3. ฝึกปฏิบัติในทะเล 4 dives (1 dive ก็คือลงน้ำ 1 ครั้ง ใส่แทงค์ลงไปทดสอบทำสกิลแล้วก็ขึ้นมา) 2 dives แรกจะลงที่ 12 เมตร ส่วน 2 dives สุดท้ายจะลงที่ไม่เกิน 18 เมตร และจะมีการจำลองสถานการณ์ในขั้นนี้ด้วย
- ถ้าจบหลักสูตร open water diver ก็จะสามารถดำน้ำได้ทั่วโลกที่ความลึกไม่เกิน 18 เมตร
[ครูนีน่า]
- เราจะเรียนวิธีการแก้ไข แต่บางอย่างเราก็เรียนวิธีป้องกัน เช่น ถ้าอากาศหมด วิธีป้องกันก็คือคอยเช็คบ่อยๆ ทำอย่างไรไม่ให้หลงกับบัดดี้ ก็คือคอยอยู่ใกล้ๆ กันไว้ ถ้าน้ำซึมเข้าหน้ากากต้องทำอย่างไรไม่ให้รำคาญตา
- สำหรับ open water เราสามารถไปดำน้ำได้ทุกที่ตามความลึกที่เราเคยเทรน แต่ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ยังไม่อยาก make commitment เป็นเวลา 3 วัน จ่ายเงิน 1 หมื่นบาท จะมีอีกคอร์สเรียกว่า try-scuba หรือ discover scuba diving (DSD) เป็นการทดลองว่าตัวเราชอบไหม ใช้เวลาแค่ 1 วัน หรือบางที่อาจจะครึ่งวัน เรียนทฤษฎีสั้นๆ ฝึกในสระแป๊บนึง แล้วไปฝึกในทะเลประมาณ 40 นาที เขาจะพาเราลองเอาตัวลงไปในน้ำที่ความลึกไม่เกิน 12 เมตร ครูจะดูแลอย่างใกล้ชิด เขาจะไม่ได้สอน worst case ทั้ง 10 อย่าง จะเป็นเหมือนการเปิดโลกก่อน
5.2 Advanced Open Water
[ครูนีน่า]
- หลังจบ open water คอร์สต่อไปจะเป็น advanced open water สามารถดำได้ลึกขึ้นที่ไม่เกิน 30 เมตร
dive site ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะอยู่ลึก เช่น เกาะเต่า ก็จะมี dive site ยอดฮิต เช่น sail rock หรือกองหินชุมพรที่มีฝูงปลาใหญ่มาก
[ครูโอปอ]
- ส่วนใหญ่ dive site มันลึก มี advanced ไว้ก็ดีกว่า dive site ลึก ปลาก็ใหญ่ขึ้น ฝูงปลา ปะการังสวยขึ้น พวกขอบเกาะก็สวยอีกแบบ อยู่ที่จุดที่เราจะไปว่าไฮไลท์อยู่ตรงไหน แต่อย่างน้อยคุณไม่โดนลิมิตเรื่องของกฎข้อบังคับด้วย
[ครูนีน่า]
- พอมันลึกขึ้น มันก็มีอะไรที่เราต้องคำนึงถึงมากขึ้น ยิ่งลึกแรงดันยิ่งมาก ยิ่งส่งผลกับร่างกายเรามากขึ้น มีอะไรที่เราต้องระวัง ต้องตระหนักมากขึ้น
- สำหรับ advanced open water ใช้เวลา 2 วัน มีทั้งหมด 5 dives จะมี 2 dives ที่บังคับ
*Dive ที่ 1 deep dive - ความลึก 18-30 เมตร มีอะไรบ้างที่เราต้องคำนึงถึง เรื่องระยะเวลา เรื่องอากาศ เรื่องอาการที่เกิดจากแก๊สที่เข้มข้นขึ้นที่เราหายใจเข้าไป
*Dive ที่ 2 navigation - คือการนำทางใต้น้ำ ฝึกใช้เข็มทิศนำทางตัวเอง ดูแนวหิน การวางแผนการดำน้ำ เริ่มหยุดตรงไหน
*ส่วน 3 dives ที่เหลือ แล้วแต่ว่าอยากฝึกตรงไหนเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะเป็น night dive ลองใช้อุปกรณ์เรืองแสง มีการดำเรือจม ซากต่างๆ แต่ดำได้แค่รอบๆ ถ้ามุดเรือต้องเป็นดำเฉพาะทาง หรืออาจมีการฝึกการลอยตัวที่มากขึ้น ถ้าเราลอยตัวได้ดีก็จะสนุกขึ้น ประหยัดอากาศ ประหยัดแรง ไม่เหนื่อย ถ่ายรูปสวย และไม่เป็นภัยต่อสัตว์และปะการัง
[ครูโอปอ]
- บางที่มีวิชาอื่นๆ เช่น การถ่ายภาพ สกูตเตอร์ การเพิ่มปริมาณออกซิเจนในถัง ลดไนโตรเจน
เมื่อจบสองคอร์สนี้ถือว่าดำน้ำได้หมดแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นมีอะไรพิเศษที่ต้องใช้การเทรนเพิ่ม เช่น การดำถ้ำ หรือการดำน้ำที่ลึกกว่า 30 เมตร ของ PADI ก็จะเป็น deep speciality ถ้าเกิน 40 ก็จะเป็น technical diving ต้องใช้ 2 ถัง
[ครูนีน่า]
- บัตรดำน้ำไม่มีค่าต่อใบอนุญาต มีอายุตลอดชีพ แต่ถ้าห่างหายจากการดำน้ำไปมากกว่า 6 เดือน จะต้องมีการทบทวน ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ทวนวิธีการรับมือสถานการณ์ต่างๆ เช่น น้ำเข้าหน้ากาก อากาศหมด และทวนกฎความปลอดภัย 21 ข้อ และลงสระประมาณ 1-2 ชั่วโมง จนกว่าคุณครูจะเห็นสมควรว่ากลับไปลงน้ำได้
======================
6. อุปกรณ์ดำน้ำมีอะไรบ้าง
======================
[ครูนีน่า​ & ครูโอปอ]
- อุปกรณ์หลักๆจะมี
*1. หน้ากากดำน้ำ
*2. ฟิน
*3. อุปกรณ์ควบคุมการลอยตัว (BCD)
*4. อุปกรณ์ที่ต่อถังอากาศให้เราหายใจ (Regulator)
*5. Dive Computer - อุปกรณ์ที่บอกว่าเราควรดำน้ำที่ความลึกนั้นได้ไม่เกินกี่นาที หรืออยู่ที่ความลึกเท่าไรแล้ว
*6. อุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น เข็มทิศ ไฟฉาย นกหวีด
[ครูนีน่า]
- ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์มาก่อนเพราะที่โรงเรียนมีให้ครบเซ็ท แต่การมีอุปกรณ์ของตัวเองจะมีข้อดีในเรื่องความคุ้นชิน ไม่ต้องปรับตัว หรือบางทีอุปกรณ์บางที่อาจจะเก่าหรือชำรุด ความสนุกก็จะลดลง ถ้าอุปกรณ์เหมาะสมกับเราก็จะดีกว่า
======================
7. การเคลียร์หู คืออะไร
======================
[ครูนีน่า]
- เมื่อแรงดันในร่างกายกับแรงดันภายนอกไม่เท่ากัน แล้วแรงดันรอบตัวมากขึ้น มันก็จะไปดันเยื่อแก้วหูเราเข้ามา ทำให้รู้สึกตึงๆ
- การเคลียร์หูคือการบีบจมูก แล้วการหายใจออกทางจมูกเหมือนสั่งน้ำมูกเบาๆ ลมก็จะเดินไปที่หูแทนเพื่อปรับแรงดัน เรียกอีกอย่างว่า valsalva
- ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่อาจจะช่วยได้บ้างเหมือนกันคือการกลืนน้ำลาย
- การที่เราเคลียร์หูไม่ได้ในบางครั้งก็มีหลายปัจจัย เช่น เป็นหวัด เป็นภูมิแพ้ ซึ่งควรเลี่ยงการดำน้ำ
[ครูโอปอ]
- วิธีเคลียร์หูที่ถูกต้องคือ ต้องบีบจมูกให้สนิท ต้องฝึก และถ้าไม่ไหวอย่าฝืนหูเด็ดขาด
======================
8. ว่ายน้ำไม่เป็นจะดำน้ำได้ไหม
======================
- ดำได้ แต่แนะนำว่าว่ายน้ำเป็นจะดีกว่าในเรื่องของความมั่นใจและการควบคุมร่างกาย
[ครูนีน่า]
- ถามว่าเรียนได้ไหม มันเรียนได้นะ เพราะว่ามันไม่ได้ใช้ทักษะการลอยตัวเหมือนกับการว่ายน้ำ แต่ถ้าว่ายน้ำเป็นก็จะมีความมั่นใจในการอยู่ในน้ำมากกว่า การควบคุมร่างกายก็จะดีกว่า ถ้าเราว่ายน้ำเป็น คุ้นเคยกับการอยู่ในน้ำ มันก็จะสนุกกว่า ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นต้องใช้เวลาการฝึกในสระมากขึ้น พวกการตีขา การลอยตัว
[ครูโอปอ]
- ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ แต่คุณอาจต้องใช้เวลา ความกล้า ความมั่นใจมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าคนว่ายน้ำไม่เป็นจะเก่งน้อยกว่า แต่สุดท้ายก็แนะนำให้ไปเรียนว่ายน้ำมาก่อน เพราะยังไงเราออกทะเล เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
รับชมวิดีโอตัวเต็มได้ที่: https://youtu.be/GqytEsHTjcg
======================
Speaker:
- ครูโอปอ (ดำน้ำยังไงให้ไม่โสด)
- ครูนีน่า (Ocean Child Dive Club)
ครูสอนดำน้ำแห่ง Ban's Diving Resort
======================
Moderator: พี พนิต P Panit
======================
Date: 28 Apr 2022 (21:00-22:30)
#ScubaDiving #Scuba #Diving #เกาะเต่า #ดำน้ำยังให้ไม่โสด #OceanChildTH #BansDivingResort #WhyItMatters #วันนี้สรุปมา #todayinoteto
โฆษณา