4 ธ.ค. 2022 เวลา 03:35 • ข่าว
#WorldRankingNews : ทั่วโลกเปิดศึกชิง ‘คนเก่ง (Talents)’
ประเทศไทยทำอะไรอยู่?
รู้หรือไม่!! ในตอนนี้ ทั่วโลกหันมาแข่งขันกัน ด้วยนวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น ใครมีนวัตกรรมใหม่ก่อน ก็ชนะ ศักยภาพในการแข่งขันใครพร้อมกว่า ก็ชนะ ทรัพยากรที่สำคัญและขาดไม่ได้ในศึกนี้
ก็คือ แรงงานทักษะสูง หรือ Talent ซึ่งจะมาเติมเต็มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยทักษะ ความรู้ และความสามารถ และหนทางที่แต่ละประเทศจะสร้างกลุ่มคนเก่งขึ้นมาได้ ก็คือการพัฒนาระบบการศึกษา พัฒนาทรัพยากรคนในประเทศ
ให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรมที่ต้องการได้อย่างเพียงพอ และทันกับเวลา ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน
จนในตอนนี้เกิดเป็น ‘สงครามการแย่งชิงคนเก่ง (War for Talent)’ ระหว่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา– หวังชนะสงครามเทคโนโลยีกับจีน
สหรัฐฯ ก็มีข้อได้เปรียบตรงความสามารถในการดึงดูด Talents อยู่ที่อันดับ 1 ของโลก และสถานที่ที่เป็นเหมือนจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ก็คือ Silicon Valley แหล่งรวมบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกและหัวกะทิเอาไว้จำนวนมาก จนกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดเหล่า Talent และ 2 ใน 3 ของแรงงานที่นี่ ก็เป็นชาวต่างชาติ
ปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของ Silicon Valley ก็คือการมีการศึกษาที่ ‘ฟรี’ และ ‘มีคุณภาพ’ เพราะการจะเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาลของที่นี่
ครอบครัว Talents จะต้องมาอาศัยอยู่ในแถบนี้เท่านั้น และ Silicon Valley จะเก็บภาษีที่อยู่อาศัย เพื่อนำมาพัฒนาโรงเรียน ห้องสมุดสาธารณะ และสนามกีฬา
กลยุทธ์นี้ทำให้เมืองและรัฐต่าง ๆ พยายามสร้างมาตรฐานโรงเรียนเพื่อดึงดูดครอบครัวที่ดีเข้ามาตั้งถิ่นฐานด้วยเช่นกัน อีกมูฟเม้นที่สำคัญของอเมริกาก็คือ
ล่าสุด กลับมาอนุญาตวีซ่าเปิดทางให้แรงงานต่าง ๆ ทุกระดับทักษะ หลั่งไหลเข้ามาเติมเต็มตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง
จีน – เป็นผู้นำทางวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีระดับโลกภายใน 2050
นอกจากการเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการค้าแล้ว และเป้าหมายสำคัญของจีนก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารด้วย จีนจึงต้องการคนมีทักษะความสามารถเป็นจำนวนมาก นโยบายสำคัญของจีนคือ คือการออกวีซ่า 5-10 ปี
สำหรับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษที่เข้ามาทำงานในจีนด้วย โดยสามารถเข้าออกจีนได้หลายครั้ง แต่ละครั้งอยู่ได้นานถึง 180 วัน พร้อมตั้งโครงการ เพื่อดึง Talents กว่า 200 โครงการ เช่น โครงการ TTP มีการว่าจ้างนักวิจัยกว่า 7,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ จีนยังผลักดัน Slilicon Valley ของตัวเอง เช่น การสร้าง Hub Technology ที่เซินเจิ้น ปั้นเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีแห่งชาตินครฉางซา ธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นโดย Talent ในเขตพัฒนาแห่งนี้ จะได้รับเงินอุดหนุนโครงการมูลค่าสูงสุด 10 ล้านหยวน และเงินค่าเช่า 900,000 หยวน หรือเงินอุดหนุนสถานที่ทำธุรกิจ 1 ล้านหยวน
โดย Talent ต่างชาติเหล่านี้ ยังสามารถพักอาศัยในชุมชนชาวต่างชาติได้ฟรี และถ้าผู้มีความสามารถระดับสูง ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าที่อยู่อาศัยสูงสุดถึง 2 ล้านหยวน รัฐยังช่วยอุดหนุนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่จ่ายเกิน 15% แบบเต็มจำนวนอีกด้วย และเพื่อลด ‘ภาวะสมองไหล’ (Brain Drain) คือภาวะที่คนเก่งไหลออกไปทำงานต่างประเทศ
จีนถึงกับออกนโยบายสำหรับคนจีนกลุ่มนี้ว่า ถ้ากลับเข้ามาทำงาน จะยอมให้ถือ 2 สัญชาติได้
สิงคโปร์ – สู่ศูนย์รวม Talents ด้านเทคโนโลยี
นอกจากจะสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการลงทุนแล้ว กลยุทธ์สำคัญของสิงค์โปร์ คือการการันตี PMWP (Place, Money, Welfare, Position)
ได้แก่ การเตรียมที่อยู่ของ Talent และครอบครัว ให้ค่าจ้างและสวัสดิการที่ดี และตำแหน่งงานรองรับที่เพียงพอ ให้สิทธิในการเป็นพลเมืองสิงคโปร์ และเสนอส่วนลดและผลประโยชน์ทางภาษี ออกวีซ่า Tech.Pass ให้ต่างชาติเข้ามา ทำธุรกิจ ลงทุน ตั้งบริษัท หรือทำงานไอทีได้ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ ว่า
– ต้องมีรายได้/เดือน 445,000 บาท
– หรือมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5 ปี ในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก (มูลค่าอย่างน้อย 500 ล้านเหรียญสหรัฐ)
– หรือมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีผู้ใช้เกิน 100,000 รายต่อเดือนหรือมีรายได้อย่างน้อย 100 ล้านเหรียญต่อปี
การคัดคนเก่งไอทีระดับเทพเข้าประเทศ ทำให้สิงคโปร์ ดึงดูดบ.เทคโนโลยีระดับโลกได้มากมาย จึงเป็นประเทศที่อุดมไปด้วย Startup มากที่สุดในเอเชีย
มาเลเซีย – จะเป็นศูนย์กลางคนเก่งของอาเซียน
‘ภาวะสมองไหล’ คนเก่งไปทำงานต่างประเทศ จัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบจัดหา Talents เข้าประเทศโดยตรง พร้อมตั้งศูนย์ดูแล 24 ชั่วโมง (MYXpats)
โดยมีนโยบายให้วีซ่า Residence Pass – Talent (RP-T) ระยะเวลา 10 ปี โดยมีหลักเกณฑ์ว่า ต้องทำงานมานานเกิน 3 ปี หรือได้รับค่าจ้างราว ๆ 113,938 บาท/เดือน มาเลเซียมีนโยบายทางภาษีสำหรับ Talents และโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากร Talents กับต่างประเทศด้วย
แล้วประเทศไทยทำอะไรเพื่อดึงดูดคนเก่ง หรือแรงงานทักษะสูงเข้าประเทศบ้าง?
ไทย – แรงงานต่างชาติเยอะ แต่สัดส่วน Talents น้อย
จากข้อมูลในปี 2017 พบว่า ไทยเปิดรับแรงงานต่างชาติมากที่สุดในอาเซียน ซึ่งมากถึง 3.6 ล้านคน แต่กลับเป็นแรงงานมีทักษะเพียง 1.5 แสนคนหรือ 0.4% ทำให้โดยรวมแล้ว เรายังขาดแคลนแรงงานทักษะสูง
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม S-Curve ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศและเพื่อแก้ปัญหานี้
รัฐบาลได้ออก SMART Visa วีซ่าประเภทพิเศษที่กำหนดขึ้นมาเพื่อดึงดูดบุคลากรทักษะสูงและนักลงทุน ให้เข้ามาทำงานหรือลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
Visa มีอายุสูงสุด 4 ปี โดยผู้ขอ Visa กลุ่ม Talent จะต้องมีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 100,000 บาท มีสัญญาการทำงานอย่างน้อย 1 ปี
และยังครอบคลุมคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ของผู้ได้รับสิทธิ SMART Visa ด้วย แต่มีกำหนดให้รายงานตัวแจ้งที่พักอาศัยทุก 1 ปี เชื่อมโยงกับการสนับสนุน ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกของไทย หรือ EEC ผ่านโครงการ “ซิลิคอน วัลเลย์ ไทยแลนด์” หรือ “ดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์”
และด้วยการพยายามเจรจาผ่านทูตสหรัฐ ว่าควรจะมีการจัดตั้ง Thai-American Silicon Valley ร่วมกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : Agenda
โฆษณา