Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
HarryPotterฉบับหัวขบถ
•
ติดตาม
4 ธ.ค. 2022 เวลา 11:10 • หนังสือ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับหัวขบถ [โหมดเอาจริง]
Ch11: เซเวอรัส สเนป
[ภาคจบ]วิเคราะห์ 360 องศา
มาถึงบทวิเคราะห์ซักที--หลังจากลอกเปลือกสเนปสามภาครวด คิดว่าผู้อ่านคงเริ่มเข้าใจสเนปเป็นตัวละครที่ซับซ้อนมากขนาดไหน และตอนที่เราสำรวจแต่ละเลเยอร์เราก็เริ่มเห็นอะไรแปลกๆ แล้วใช่มั้ยครับ บทนี้เราจะมาคุยกันเป็นข้อๆ
1: สเนปเป็นคนชั่งประชดประชันจริงหรือ?
JK Rowling เติบโตมาจากมิดแลนด์ ย่อมรู้ดีว่าคนที่นั่นมีสำเนียงเหมือนพูดประชด การที่เธอกำหนดให้สเนปมาจากมิดแลนด์ไม่ได้ช่วยขับเน้นนิสัยขี้ประชดให้สมจริงหากแต่ทำให้เกิดข้อกังขา ถ้าเรื่องเล่าด้วยมุมมองกลางแทนที่จะเป็นมุมมองของแฮร์รี่ สเนปจะยังถูกบรรยายว่าขี้ประชดประชันรึไม่? สำหรับส่วนนี้ผมไม่กล้าฟันธง แต่จะทิ้งผู้อ่านลองวิเคราะห์เอง กระนั้นผมก็มีความจริงจังที่จะต้องบอกว่าฉบับภาษาไทยแปลบทพูดของสเนปไปในทางที่รุนแรงและดูขี้ประชด ทำให้สเนปในเวอร์ชั่นไทยดูหยาบคายน่ารังเกียจมาก
แต่ในเวอร์ชั่น UK สเนปปรากฎว่าเป็นคนพูดจาสุภาพ เสียงนุ่ม ไม่หยาบคาย แค่มีสำเนียงเหมือนประชดเฉยๆ
2: สเนปหลงใหลลิลี่?
เคร เขาไม่ได้รักตัวเธอ เขารักความดีของเธอที่เขาคิดว่าเธอมีต่างหาก
ลิลี่เป็น Aconite หรือ toxic friend แล้วเขาหลงใหลอะไรของเธอนักหนา? JK Rowling บอกว่าสเนป 'รู้สึกว่า' ลิลี่มีความดีที่เขาไม่มีวันเลียนแบบได้ ซึ่งผมยอมรับว่าเธอโคตรฉลาดที่บอกแบบนี้ เพราะถ้าป้าแกใช้คำว่า 'เห็น' ผมคงตอกหน้าแกใน twitter แหละว่า "ตลอดหลายปีที่อ่านนิยายของป้าผมไม่เห็นว่าลิลี่ของป้าจะเป็นคนดีตอนไหน" แต่นั่นแหละ คำที่ JK Rowling เลือกใช้ทำให้ความรักของสเนปซับซ้อนมาก เพื่อให้เข้าใจผู้อ่านต้องไปดูด่านแรกสุดของ JK Rowling ซึ่งจัดเต็มกับตีมศาสนาของครอบครัวสเนป
พ่อชื่อโทเบียส(พระเจ้าทรงแสนดี) แม่ชื่อไอลีน พรินซ์ (พระเยซู) มีผู้พิทักษ์เป็นกวางน้อยตัวเมีย (Doe) แบบ! ใครที่ศึกษาเรื่องตำนานเก่าๆ น่าจะขนลุกกับรายละเอียดที่ใส่มาแบบโต้ๆ ครับ เพราะทูตสวรรค์ในคติยิวดั้งเดิมมักมาในรูป Doe สลับกับชายชุดดำที่มีดวงตาสีดำอันเย็นชาว่างเปล่าเหมือนอุโมงค์มืด (ในยุโรปและแคนนาดามีรายงานเป็นพักๆ เกี่ยวกับการปรากฎตัวของ Doe ในป่าที่มีดวงตาทีดำที่ลึกล้ำมากจนทำให้นายพรานต้องวางอาวุธแล้วกลับบ้านทั้งแบบนั้นด้วย) คือผู้เขียนยังแต่จะบอกว่าบ้านเกิดสเนปคือสวรรค์
กระนั้นก็แนวคิด "สเนปรักลิลี่" อย่างน้อยก็ช่วยให้คนอ่านสายคิดน้อยกระโดดไปสู่ข้อสรุปอย่างง่ายดายว่า "ผู้พิทักษ์ของสเนปเหมือนของลิลี่เพราะเขารักเธอ" แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย ผมได้ทำการตรวจสอบต้นฉบับ UK แล้วพบว่าผู้พิทักษ์ของสเนปคือ Doe แน่นอน ส่วนลิลี่นั้นไม่มีบอกไว้ มีแต่แฮร์รี่คิดเอาเอง และทีนี้ผมอยากให้ผู้อ่านพิจารณาคำตอบของ JK Rowling ที่ให้กับคุณ Chely ดีๆ
JK พูดเป็นนัยย์ว่าผู้พิทักษ์ของใครคนหนึ่งเปลี่ยนไปจับคู่กับของอีกคน
Chely จะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษในบริบท UK เนื่องจากเธอเป็นอเมริกัน ขณะ JK Rowling เขียนนิยายโดยใช้ภาษาอังกฤษแบบ UK ดังนั้นผมจะทลายกำแพงภาษาโดยเอา 'กวาง' ออกแล้วใส่อย่างอื่นแทน "ผู้พิทักษ์ของเจมส์เป็นม้า ผู้พิทักษ์ของลิลี่เป็นลา นั่นเป็นความบังเอิญหรือไม่?" แม้ JK Rowling จะทำไก๋--ไม่แก้ความเข้าใจผิดให้คุณ Chely แต่ท่านผู้อ่านรู้ใช่มั้ยครับว่าม้ากับลาเป็นคนละสปีชี่ส์ ไม่ผสมพันธุ์กัน--เว้นแต่มนุษย์ช่วยจัดให้จนเกิดเป็นฬ่อขึ้นมา ฬ่อมักเป็นหมันเนื่องจากพ่อแม่มียีนส์ต่างกันมากกว่ามนุษย์กับชิมแปนซีอีก
เช่นกันกับม้าและลาครับ Stag และ Doe เป็นคนละสายพันธุ์
ใน UK Stag หมายถึงกวางขนาดใหญ่เช่นกวางแดงหรือกวางซิก้า ตัวเมียเรียกว่า Hind และหากเรายืนตามที่ JK Rowling บอกที่ว่าผู้พิทักษ์ของเจมส์และลิลี่จับคู่กันอย่างสมบูรณ์--เรารู้ว่าเจมส์มี Stag เพราะ Stag คือร่างแอนนิเมจัสของเจมส์ ผู้พิทักษ์เป็นสัตว์แห่งจิตวิญญาณ มันจึงมีรูปร่างเหมือนร่างแอนนิเมจัสของผู้ร่ายเสมอ ยกเว้นมีรักแท้เกิดขึ้นผู้พิทักษ์จึงจะเปลี่ยนไปเพื่อจับคู่กับของคนที่ตนรัก
และลิลี่คือคนที่เปลี่ยนตัวเองไปคู่กับเจมส์อย่างสมบูรณ์ นั่นแปลว่าผู้พิทักษ์ของเธอคือ Hind และเป็นละตัวกับ Doe ของสเนป
ถ้าสเนปบอกว่าลิลี่ชอบเจมส์นั่นคือข้อเท็จจริง
สเนปเป็น Legilimency โดยกำเนิดดังนั้นแม้ลิลี่จะตอแหลแค่ไหนสเนปก็จะเห็นหัวใจของเธอเสมอ เขารู้ว่าเธอเพ้อฝันถึงเจมส์ และเขาดีใจที่เธอยอมทำเป็นด่าเจมส์เนื่องจากเขารู้ว่าเธอพยายามทำให้เขาสบายใจ คราวนี้จำรหัสศาสนาที่ผมทิ้งไว้ในตอนก่อนๆ ได้ใช่มั้ยครับ สเนปเคยต่อต้านพ่อด้วยการเป็นสิ่งที่พ่อไม่ชอบก่อนจะหันกลับมาเมื่อรู้สึกว่าไม่มีใครรักตนเหมือนพ่อ ผมพบว่าคนที่มาจากครอบครัวศาสนามีไม่น้อยที่ถูกฝังแนวคิดศาสนาไว้ลึกมากขนาดว่าแม้ขณะที่กำลังต่อต้านศาสนาก็ยังยึดมั่นในหลักคิดบางอย่างศาสนาไว้
กรณีสเนปเดาได้ไม่ยากว่าแนวคิดที่ถูกฝังหัวก็คือ "มีคนบนฟ้าที่คอยเฝ้ามองและตัดสินคุณ เขาไม่อ่อนข้อให้ความบาปของคุณ เขาจะส่งคุณลงนรกสำหรับบาปนั้น แต่เขารักคุณนะ" ฟังดูเหมือนลิลี่ใช่มั้ย? และตามที่ JK Rowling บอก "ลิลี่รักสเนปอย่างสุดหัวใจในฐานะเพื่อน" ถ้ามันเรื่องจริงสเนปก็จะรู้ผ่านการพินิจใจเช่นกัน เราเริ่มจะเก็ตนี่คือปมของลูกลิงที่รักแม่ผ้าขนหนูใจร้ายเพราะรู้สึกว่ามันทั้งอบอุ่นและนุ่ม สเนปทนถูกพ่อทุบตีเพราะรู้ว่าพ่อรัก เช่นกัน เขาทนเป็นถังขยะของลิลี่เพราะรู้ว่าเธอรักเขา
รักเขาแต่ทำเหมือนเขาเป็นสิ่งของ?
เหมือนเด็กผู้หญิงที่หนีจากพ่อเพื่อจะตกหลุมรักแฟนที่เหมือนพ่อ สเนปถูกปลูกฝังให้รักพระเจ้าแต่กลับต้องแสวงหาความรอดอย่างสิ้นหวังในฐานะเป็นบุตรของแม่มด เขาจึงวิ่งหนีจากพระเจ้าเพียงเพื่อจะมาพบเด็กผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนพระเจ้า!? ความที่เขาถูกปลูกฝังให้รักพระเจ้าอยู่แล้วแม้จะพยายามปฏิเสธ เขาจึงฉายความรู้สึกของเขาที่มีต่อพระเจ้าไปที่เธอ นั่นคือคำอธิบายว่าทำไมผู้พิทักษ์ของเขาจึงเป็น Doe และทำไมเขารู้สึกถึงความดีที่ยิ่งใหญ่ในตัวเธอ เพราะเขาไม่ได้รักลิลี่ที่ตัวเธอแต่รักภาพฉายของพระเจ้าในตัวเธอต่างหาก
และใช่... สเนปรักลิลี่อย่างร้อนรุ่มโรแมนติก เพราะว่าตามตรงคริสเตียนเป็น "เจ้าสาวฝ่ายวิญญาณของพระเยซู" ดังนั้นมันมีปัญหาอะไรกับการที่เจ้าสาวจะรักเจ้าบ่าวแบบโรแมนติก? เพียงแต่การมีความรักแบบโรแมนติกกับเซ็กส์เป็นคนละเรื่องแน่ๆ ถ้าเราพูดถึงพระเจ้า ซึ่ง JK Rowling ก็ทำให้มันชัดเจนตรงนี้เมื่อแฟนๆ ถกประเด็นเกี่ยวกับดีกรีความหื่นของสเนปต่อลิลี่ ป้าโพสตอบแบบนี้ครับ...
หรรมขนาดจิ๋ว ("- -)
ไม่รู้ว่าตั้งใจจะหมายความตรงๆ หรือแค่จะสื่อว่า "สเนปไม่มีความรู้สึก-ไม่สนใจทางเพศ" กันแน่? เอาเป็นว่าผู้อ่านเอาไปวิเคราะห์ต่อเอง เพราะเดี๋ยวจะยิ่งซับซ้อนและยาวไป
3: สเนปเกลียดแฮร์รี่เพราะเขาเกลียดเจมส์?
รบกับเจมส์ผ่านแฮร์รี่?
JK Rowling ไม่ได้บอกว่าสเนปเกลียดเขาหรือเพราะเขาเป็นลูกของเจมส์ แต่เขาแค่ "ฉายความรู้สึก" พูดง่ายๆ เขาพยายามต่อสู้กับเจมส์แล้วแฮร์รี่เป็นคนรับเคราะห์ ตรงนี้ผมเคยเห็นคนมากมายบอกว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยและเกลียดพฤติกรรมนี้ของสเนป แต่ลองคิดดู "หากผู้หญิงที่เคยเป็นเหยื่อข่มขืนโดยผู้ชายใส่สูทมีอาการตื่นตระหนกจนแสดงความกลัว-เกลียดเกินเหตุกับผู้ชายใส่สูททุกคน" ท่านจะบอกเธอมั้ยครับว่า "ฉันไม่เห็นด้วย", "ฉันรังเกียจพฤติกรรมของเธอ", "นี่มันให้อภัยไม่ได้" เพราะนั่นคือ PTSD และมันก็เกิดกับสเนปด้วย
เคยมั้ยครับ? เดินไปตามทางแล้วต้องเด้งหนีด้วยความกลัวเพราะมีอะไรบางอย่างที่คับคล้ายคลับคลาว่างูเข้ามาในสายตา หัวใจก็แทบจะระเบิดทั้งๆ ที่มันแค่ "คับคล้าย" นั่นคือทฤษฎีอารมณ์ของ Schachter&Singer ที่ว่าคนเราตอบสนองสิ่งเร้าก่อนโดยไม่จำเป็นต้องมีความคิดหรือเหตุผล แค่ต้องออกจากอันตรายให้เร็วที่สุด เรื่องอื่นค่อยว่ากัน และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับสเนปเพราะตลอดสมัยเรียนเจมส์คือหายนะ เมื่อเวลาผ่านไปนานพอ เขาได้กลับมาเห็นเจมส์(แฮร์รี่)เขาเริ่มมีภาพย้อนหลังและตื่นตระหนกอย่างควบคุมไม่ได้
สเนปรู้ในระดับจิตสำนึกว่านั่นคือแฮร์รี่--ไม่ใช่เจมส์ แต่ร่างกายมันรับรู้ที่ไหนกัน! เพราะแฮร์รี่เป็นสำเนาคาร์บอนของไอ้แจ่มชัดๆ ทุกครั้งแฮร์รี่ปรากฏตัว สเนปจะเริ่มซีด หัวใจเต้นแรง และความเครียดที่พุ่งสูงขึ้น เพราะร่างกายของเขามันจำไปแล้วว่าถ้าหน้าตาแบบนี้โผล่มานั่นแปลว่าเขาจะต้องถูกทำร้าย สเนปไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา--แต่ยุคนั้นไม่ได้อนุญาตให้ผู้ชายอ่อนแอ เขาจึงดิ้นรนต่อสู้กับอาการตื่นตระหนก แม้แต่pottermore ยอมรับเป็นนัยย์ๆ ว่าการเผชิญหน้ากับแฮร์รี่เป็นสิ่งที่หนักหนาเกินทนสำหรับเขา
เป็นผม ผมไม่ดูแลให้หรอก
ผู้อ่านอาจจะเคยได้อ่านเกี่ยวกับเหยื่อที่เคยถูกข่มขืนหรือทารุณกรรมว่าหนักหนาสาหัสแค่ไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ลงมือ/ผู้ยืนดูตนถูกทำร้าย ในเล่ม 3 สำหรับสเนปมันเหมือนได้เห็นเจมส์และลูปินกลับมารวมกัน ยิ่งฉากในเพิงโหยยิ่งหนักเพราะมองไปทางนี้เห็นเจมส์ มองไปทางนั้นเห็นลูปิน มองไปอีกทางเห็นซิเรียสอีก นั่นอธิบายว่าทำไมเขาไม่สามารถรับฟังอะไรได้เพราะเขาคงถึงขีดจำกัดจริงๆ แล้วทีนี้จำสิ่งที่ JK Rowling บอก Alan Rickman ที่ว่าสเนปไม่เคยขึ้นเสียงและไม่ตะโกนได้ใช่มั้ย ติ๊กไว้ในใจแล้วกลับไปอ่านใหม่
โดยตระหนักถึงข้อเท็จจริงว่าสเนปไม่ขึ้นเสียงและไม่ตะโกน เราอาจต้องตั้งคำถามใหม่ว่าทำไมเขาโกรธแฮร์รี่จนซีดตลอด ตามหลักมักจะเพิ่มการสูบฉีดของเลือดเพื่อนำไปสู่การต่อสู้เอาชนะ? ถ้าคนไหนโกรธแล้วซีดคงไม่ใช่คนที่จะสู้ใครได้ แต่น่าจะเป็นลมมากกว่า ยิ่งฉากที่เพิงโหยหวนสเนปก็ทั้งซีดทั้งสั่นและจวนจะคลั่ง นี่ไม่ใช่ความโกรธเกลียดบริสุทธิ์ จากภาษากายมันเป็นการแสดงความโกรธความเกลียดเพื่อกลบเกลื่อนความกลัว อย่างเช่นฉากในเล่ม 6 หลังฆ่าดัมเบิลดอร์ ท่านลองอ่านฉากนี้โดยตระหนักรู้แบบเดียวกัน
แฮร์รี่ตะโกนท้าทายเลย "ฆ่าฉันสิ! ฆ่าฉันเหมือนที่ฆ่าเขา! แก! ไอ้ขี้ขลาด!" ทีนี้สเนปจะมีใบหน้าที่เหมือนจะเสียสติและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดก่อนจะตอบเสียงอ่อยๆ ว่า "อย่า... เรียกฉันว่า... คนขี้ขลาด..." อื้ม! รู้สึกภาพพจน์ศาสตราจารย์จอมโหดจะพังพาบยังไงพิกลนะครับ เราเข้าใจได้เลยว่าทำไม JK Rowling เขียนให้แฮร์รี่เล่าเรื่องราวให้เราฟังราวกับเขาไม่ใช่แฮร์รี่และโกหกเกี่ยวกับบุคลิกของสเนป
เพราะถ้าให้เล่าตามจริงมันจะแบบว่า "สรุปว่าแฮร์รี่รังแกครูโดยไม่ตั้งใจครับ ทุกคนแยกย้ายได้(พับไมค์)"
สเนปกำลังทุกข์ทรมานกับ PTSD ในวัยเด็ก-เขาทำร้ายและถูกทำให้อับอายในที่สาธารณะซ้ำแล้วซ้ำเล่า สเนปไม่สามารถเลิกพฤติกรรมเชิงลบของเขาต่อแฮร์รี่ได้โดยการให้อภัยเจมส์หรือแค่หยุดเอาความแค้นที่มีต่อพ่อมาลงกับลูก การจะแก้พฤติกรรมของเขาได้นั้นมีทางเดียวคือต้องพาเขาไปรับการบำบัดโดยนักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญเพื่อที่จะช่วยเขาตระหนักรู้ในระดับร่างกายว่า "เจมส์ตายแล้วและไม่จะทำร้ายเขาอีกต่อไป"
4: สเนปเป็นออทิสติกจริงๆ รึไม?
แน่นอนว่าข้อนี้หลายคนกังขา มีคนบอกว่า "JK Rowling ไม่เคยยืนยันเรื่องนี้" แต่ถามหน่อย "ถ้าหมอจะวินิจฉัยว่าเด็กคนหนึ่งเป็นออทิสติก แต่ตราบใดพ่อแม่เด็กไม่เคยยืนยันว่าลูกเป็น นั่นหมายถึงเด็กไม่เป็นออทิสติกเหรอ?" ซึ่งแน่นอนว่าตรรกะนี้ใช้ไม่ได้ และในความเป็นจริง JK Rowling ยืนยันแล้วโดยนัยย์เพราะเธอยอมรับอย่างเป็นทางการว่าบุคลิกภาพของสเนปมีพื้นฐานมาจากอดีตครูเคมีของเธอนั่นคือ Mr. John Nettleship ซึ่งเขาเป็นบุคคลออทิสติก
คำถามคือมีเหตุผลอันใดที่จะเขียนให้สเนปมีพฤติกรรมคนออทิสติกไม่ได้ต้องการให้เขาเป็น? ถ้าเราคัดลอกพฤตกรรมของโอตาคุมาใส่ในตัวละครของเราจะบอกว่าตัวละครนี้ไม่ได้เป็นโอตาคุได้เหรอ? เมื่อ Alan Rickman ตกลงรับบท JK Rowling ทำให้แน่ใจว่าเขาจะแสดงออกมาตรงกับที่เธอคิด เขาได้รู้ตั้งแต่เริ่มงานว่าเขาจะต้องใส่ชุดเดิมไม่เปลี่ยนเพราะสเนปไม่สามารถจัดการกับเสื้อผ้าหลายแบบได้ เขาสื่อความผิดปกติของตัวละครผ่าน 'กระดุม' โดยทิ้งให้คนดูเก็บไปคิดว่าปกติที่ไหนจะทนติดหรือแกะกระดุมเยอะๆ แบบนี้ทุกวัน
คนออทิสติกบางส่วนมีปัญหาด้านประสาทสัมผัสที่ไวเกินไป คนกลุ่มนี้มักชอบที่มืดๆ หลายคนไว้ผมยาวเพื่อบังแสงโดยเวลาอ่านหรือเขียนหนังสือโดยจะก้มมากๆ เพื่อให้ม่านผมช่วยกรองแสง มีปัญหากับเนื้อผ้าบางประเภทหรือกลิ่นน้ำหอม และโดยเฉพาะกลุ่มที่มีการเดินกระตุก(รักษาให้หายได้โดยการฝึกเดิน) มักมีอีกปัญหาร่วมด้วยเสมอนั่นคือพวกเขาไม่ชอบสัมผัสของแชมพู, ครีมนวด, และครีมอาบน้ำบนผิวของพวกเขา และเช่นเดิม JK Rowling ไม่จำเป็นต้องยืนยันสิ่งนี้ถ้าเธอไม่ได้วางให้เขาเป็นออทิสติก
อาจจะใช้สบู่ก้อนสระผม มิน่าผมมันมาก
ยังมีอีกมากเกี่ยวกับสเนปที่เรายังไม่ได้พูด บางส่วนเราก็รู้แล้วผ่านขั้นตอนของการดึงเลเยอร์ เช่น เรารู้แล้วว่าสเนปไม่ได้เกลียดมักเกิ้ลหรือลูกมักเกิ้ล ไม่ได้เชื่ออุดมการณ์เลือดบริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นพ่อมดที่เก่งกาจระดับต้นๆ และ เขารักพ่อแม่ของเขาแม้ว่าอาจจะไม่ได้ภูมิใจในตัวพวกเขาเลย แต่บางอย่างก็ต้องอาศัยการวิเคราะห์ เช่น ดูเหมือนสเนปจะไม่เข้าใจว่าแฮร์รี่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาแบบทะนุถนอมเหมือนเจมส์ มันเป็นเพราะคติบังตาหรือเพราะว่าเขาได้รับการปฏิบัติที่บ้านแย่มากจนคิดว่าแฮรรี่เป็นเด็กที่มีชีวิตที่ดี?
อีกจุดที่ผมอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกตคือดูเหมือนสเนปจะรู้จักคนแค่ 2 ประเภทคือคนที่เป็นเพื่อนกับคนที่ไม่ใช่เพื่อน เพราะขณะที่เขาเชื่อว่าซิเรียสเป็นฆาตรกรที่ฆ่าลิลี่(และเขาเกลียด)ซิเรียสแต่เขากลับใส่ซิเรียสลงในเปลแล้วเคลื่อนย้ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งสิ่งนี้ตรงข้ามกับการกระทำของซิเรียส, ลูปิน, และแก๊งค์สามช่า คนเหล่านี้รังแกเขาที่สลบโดยปล่อยให้ซิเรียสเอาหัวเขากระแทกเพดานไปตลอดเส้นทางและไม่มีซักคนที่จะพยายามทักท้วง
และสิ่งที่เป็นคำถามค้างคาคือ พ่อแม่ของสเนปไปไหน? พวกเขายังอยู่กับเขาจนกว่าจอมมารจะกลับมาแล้วเขาจึงย้ายพวกเขาออกจากบ้าน หรือพวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว สมมติว่าโทเบียสยังคงอยู่กับลูกชายตามขอบเขตอายุอันเป็นที่ยอมรับของ 'childhood' คือจนถึง 25 ปี แล้วก็ทุบตีลูกชายของตัวเองที่เป็นศาสตราจารย์จริงๆ ดัมเบิลดอร์ไม่เคยสนใจหรือเข้าตรวจสอบเลยเหรอ?
การวิเคราะห์นี้ผมก็ไม่สามารถฟันธงว่ามันถูกต้อง ผมเพียงนำเสนอบางแง่มุมเท่านั้น แถมแต่ละข้อที่วิเคราะห์ก็วิเคราะห์ไม่จบด้วย แต่กระนั้นก็จะขอจบไว้เพียงแค่นี้โดยทิ้งคำถามกองใหญ่ที่เอาไว้สบโอกาสค่อยพูดถึงมัน
เอาเป็นว่าใครมีประเด็นอะไรเกี่ยวกับสเนปก็เต็มที่ครับ ไม่ต้องอาย
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย