4 ธ.ค. 2022 เวลา 15:15 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
กลับถึงแคนาดา! เที่ยวบินปฐมฤกษ์จากกรุงเทพฯ ขากลับทำไมใช้เวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง?
ทุกคนคงจะทราบข่าวการเดินทางมาถึงของเที่ยวบินประวัติศาสตร์ กับเที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางจากนครแวนคูเวอร์ บินตรงสู่กรุงเทพฯ ของสายการบิน Air Canada เที่ยวบิน AC66 ทำการบินด้วย Boeing 787-9 ที่เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยเที่ยวบินขามาใช้เวลาเดินทางไปทั้งสิ้น 16 ชั่วโมง
ส่วนขากลับนั้น เที่ยวบิน AC66 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม เวลา 09.30 น. (ช้ากว่ากำหนดการ 1 ชั่วโมง) ก่อนที่จะลงจอดที่ท่าอากาศยานแวนคูเวอร์ในช่วงเช้าของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น โดยลงจอดเวลาประมาณ 07.15 น. ใช้เวลาเดินทางไปทั้งสิ้น 12 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้น
📌ทำไมขาไปและขากลับ เวลาบินต่างกันขนาดนั้น
เส้นทางบินระหว่าง แวนคูเวอร์ - กรุงเทพฯ ที่สั้นที่สุดคือการใช้เส้นทางเหนือมหาสมุทรแปซิฟิคตอนบน บินผ่านตอนใต้ของรัฐอลาสกา ทะเลเบริง ตอนใต้ของหมู่เกาะคูริล และผ่านประเทศญี่ปุ่น ก่อนใช้เส้นทางเดียวกันเที่ยวบินจากประเทศญี่ปุ่นสู่กรุงเทพฯ ซึ่งเส้นทางที่บินเหนือมหาสมุทรแปซิฟิคนั้น มีสิ่งที่เรียกว่า “กระแสลมกรด” ที่มีความเร็วสูงพาดผ่าน โดยเป็น "กระแสลมกรดบริเวณขั้วโลก" หรือ Polar Jet Stream
เส้นทางการบินขากลับ
📌“กระแสลมกรด” ตัวช่วยจากธรรมชาติ
1
เครื่องบินปกติที่บินระยะทางไกลมักทำความเร็วประมาณ 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า “ลมต้าน” และ ”ลมส่งท้าย” ที่จะทำให้ความเร็วของเครื่องบินเปลี่ยนแปลงไปได้
โดย “กระแสลมกรด” หรือ Jetstream ซึ่งคือกระแสลมแรงที่เคลื่อนที่อยู่ในชั้นบรรยากาศความสูง 8-10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงที่เครื่องบินใช้อยู่พอดี มีลักษณะทอดยาวนับพันกิโลเมตร สามารถมีความเร็วลมสูงได้ถึงเกือบ 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับพื้นที่และฤดูกาล เมื่อเครื่องบินทำการบินไปในทิศทางเดียวกับกระแสลมนี้ก็จะทำให้เกิดเป็น “ลมส่งท้าย” ในทางกลับกัน เมื่อทำการบินสวนกับกระแสลมนี้ก็จะเกิดเป็น “ลมต้าน” ซึ่งทีผลกับความเร็วในการทำการบินเช่นเดียวกัน
ภาพจาก National Weather Service
สำหรับลมส่งและลมต้าน หลายๆ คนคงเคยมีประสบการณ์กับกระแสลมนี้กันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นเส้นทางบินจากประเทศไทยไปญี่ปุ่นในฤดูหนาว ที่ขาไปจะใช้เวลาสั้นกว่าขากลับ บางทีต่างกันถึง 2 ชั่วโมง นั่นเป็นเพราะทิศทางการบินกับกระแสลมดังกล่าวนั่นเอง
📌กระแสลมกรดบริเวณขั้วโลก หรือ Polar Jet Stream
พบได้ใกล้แนวปะทะอากาศจากขั้วโลก เกิดจากอากาศเย็นจากขั้วโลกเคลื่อนที่มาพบกับอากาศอุ่นจากเขตร้อน มีบางส่วนทอดผ่านทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิค มีทิศทางจากทิศตะวันตกไปยังตะวันออก
1
กระแสลมกรดนี้ พาดผ่านเส้นทางบินของเที่ยวบินที่เราพูดถึงกันพอดี นั่นหมายความว่า เที่ยวบินขามาจากแวนคูเวอร์ เครื่องบินจะเจอลมต้านจากกระแสลมกรดนี้ ทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วได้เท่าที่ควร ส่งผลให้ใช้เวลาในการบินมากกว่าปกติ ในทางกลับกัน ในเที่ยวบินขากลับจากกรุงเทพฯ ไปยังแวนคูเวอร์ เป็นการบินตามกระแสลมนี้ ซึ่งทำให้เกิดเป็นลมส่งท้าย เครื่องบินจึงสามารถใช้ความเร็วได้มากกว่าปกติ ส่งผลให้เวลาในการบินของทั้งสองขาต่างกันไปถึง 3 ชั่วโมงนั่นเอง
📌ระยะเวลาการบิน มีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมากมาย อาทิ เส้นทางการบิน การจัดการจราจรทางอากาศ สภาพอากาศ เป็นต้น ไม่ใช่เป็นเพราะเหตุผลที่กล่าวถึงข้างต้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โฆษณา