6 ธ.ค. 2022 เวลา 14:18 • อสังหาริมทรัพย์
เจาะลึก “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” บ้านคลัสเตอร์แห่งแรก ที่ให้ครอบครัวใหญ่ได้ขยายความสุขไปได้แบบไม่สิ้นสุด
"...การอยู่อาศัยร่วมกันในบ้านหลังใหญ่ ที่ประกอบด้วยสมาชิกหลายครอบครัวหลากหลายช่วงวัยในแบบ Multi – Generation คือพื้นฐานวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทย และชาวเอเชียส่วนใหญ่ ที่มักให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ที่เปรียบดั่งสายใยที่เชื่อมความอบอุ่น มอบความรัก เกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกันจากรุ่นสู่รุ่น แม้ในปัจจุบันด้วยสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยความแข่งขัน และเทรนด์ของ Urbanization ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนส่วนใหญ่ในสังคม
จากการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ก็ค่อย ๆ กลายเป็นครอบครัวแยก ครอบครัวเดี่ยว จนไปถึงการแยกออกไปอยู่ตัวคนเดียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าสัว ตระกูลดังที่มีความมั่งคั่งสูง ที่ยังคงเห็นถึงความสำคัญในการสร้างปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัวใหญ่ภายใต้อาณาบริเวณเดียวกัน ด้วยการสร้างบ้านประจำตระกูลขนาดใหญ่
หรือไม่ก็ซื้อบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านแล้วทุบกำแพงเชื่อมเข้าหากัน แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็เทียบไม่ได้เลยกับการอยู่ที่ “Mulberry Grove The Forestias Villas : มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” บ้าน คลัสเตอร์แห่งแรก ที่ให้ครอบครัวใหญ่ได้ขยายความสุขไปได้ในแบบไม่สิ้นสุด ที่เราจะพาคุณผู้อ่านไปเจาะลึกทุกมิติในบทความนี้
นับจากการเปิดตัวโครงการคอนโดที่ถูกพัฒนา และออกแบบให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัวหลากหลายช่วงวัย ทุกเจนเนอเรชั่น ภายใต้แบรนด์ Mulberry Grove ทั้งที่สุขุมวิท และที่ The Forestias ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และภายในห้องพักอาศัยที่ Customized ให้เหมาะสมกับคนใช้งานในแต่ละวัย โดยที่ยังคงไม่ละเลยช่วงเวลาคุณภาพที่ทุกคนสามารถมีกิจกรรมร่วมกันได้ ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นรูปแบบโครงการที่ค่อนข้างตอบโจทย์กลุ่มครอบครัววัยเริ่มต้น
หรือครอบครัวขยายที่มีสมาชิกไม่มากนัก แต่สำหรับกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่มาก ๆ ที่มีสมาชิกรวมในครอบครัวหลายเจนเนอเรชั่น และในแต่ละเจนเนอเรชั่นก็มีลูกหลาน ลูกสะใภ้ที่แต่งงานเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวมากมาย ก็ย่อมอยากจะสร้างอาณาจักรส่วนตัวเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลของตัวเองไปในแบบไม่สิ้นสุด ซึ่งก็แน่นอนว่ารูปแบบโครงการที่อยู่อาศัยจำเป็นจะต้องเป็นรูปแบบบ้านเดี่ยวที่มอบทั้งพื้นที่ดินและพื้นที่ใช้สอยที่มากพอในแบบที่โครงการคอนโดกลางเมืองทั่วไปให้ไม่ได้
โดยวันนี้ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะนำเสนอแนวคิดใหม่ในการออกแบบบ้าน กับโครงการ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า (Mulberry Grove The Forestias Villas) ที่เปิดโอกาสให้หลายวิลล่าถูกเชื่อมต่อถึงกัน
ในแบบที่ไม่ใช่เพียงแค่การทลายกำแพงบ้านทิ้งเพียงอย่างเดียว โดยแต่ละครอบครัวสามารถเลือกซื้อบ้านที่ต่างแบบกัน แล้วเชื่อมต่อกันเป็นคลัสเตอร์ของบ้านต่างขนาดกันไป ที่สามารถไปมาหาสู่ถึงกันได้ด้วยการเดินผ่าน Sky Bridge ที่ชั้น 2 เพียงสั้น ๆ จากบ้านสู่บ้าน ซึ่งบ้านแต่ละหลังถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว แบ่งอาณาบริเวณของแต่ละบ้าน ด้วยแนวต้นไม้ Courtyard และฉากตามธรรมชาติอื่น ๆ
เพื่อให้ครอบครัวขยายที่ประกอบไปด้วยสมาชิกหลายเจเนอเรชั่นสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยการอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยวของตัวเอง นอกจากนี้ การสร้างบ้านสไตล์คลัสเตอร์ที่มีบ้านมากกว่าหนึ่งหลังเชื่อมต่อถึงกัน แทนที่จะสร้างบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่มาก ๆ เพียงหนึ่งหลังแล้วให้ทุกคนอยู่ร่วมกันในนั้น ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดโอกาสให้คนในแต่ละเจเนอเรชั่นสามารถออกแบบเลย์เอาท์และการตกแต่งภายในบ้านของตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการ และสไตล์ที่แตกต่างกันตามแบบฉบับของตัวเองได้
ทั้งนี้โครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า มีความพิเศษหลายประการ ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ที่นี่เป็น One of a Kind Project ที่แม้เราจะมีเงินมากในระดับ 200 – 600 ล้านบาท ก็ไม่สามารถที่จะสร้างบ้านให้มีองค์ประกอบของความสมบูรณ์แบบได้เหมือนที่นี่ อาทิ
1. เป็นบ้านคลัสเตอร์ รูปแบบวิลล่าระดับ Ultra – Luxury สูง 3 – 4 ชั้น หนึ่งเดียวในเมืองที่โอบล้อมด้วยความมหัศจรรย์ในผืนป่า “The Forestias” ซึ่งเป็นโครงการเมืองต้นแบบแห่งแรกของโลก บนพื้นที่ 398 ไร่ ที่ตั้งอยู่บนถนนบางนา – ตราด กม.7 ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพ หรือ Biodiversity
โดยมีแนวทางการพัฒนาโครงการด้วยการนำความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และมนุษย์ มาอยู่ร่วมกันภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพและเอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงการทำลายสิ่งแวดล้อมและพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ระบบนิเวศของโลก
2. บ้านประหยัดพลังงานในแบบยั่งยืน ด้วยระบบพลังงานที่ล้ำสมัยลดอุณหภูมิทั้งโครงการลงได้ถึง 3 องศา และใช้ระบบปรับอากาศภายในบ้านแบบ All in One ที่ประกอบด้วยระบบทำความเย็น ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ (IAQ) และควบคุมความชื้น ผ่านระบบ DCS (District Cooling System) ที่ใช้น้ำเย็นจากศูนย์กระจายส่วนกลางแทนการใช้น้ำยา และ CDU ภายนอก
โดยโครงการเรียกว่า โรงผลิตพลังงานสำหรับสาธารณูปโภคส่วนกลาง (Central Utility Plant : CUP) เป็นที่มาของตัวอย่างหนึ่งที่ว่า แม้เกิดไฟฟ้าดับในกรุงเทพฯ แต่ที่พักอาศัยต่าง ๆ ภายในโครงการ เดอะฟอเรสเทียส์ จะยังได้รับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
โดย CUP เป็นแนวคิดหนึ่งในการสร้างเมืองอัจฉริยะ และเป็นวิธีการหนึ่งของการลดการใช้พลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อมให้แก่โครงการเมือง โดยจะทำหน้าที่ศูนย์กลางของโครงข่ายระบบน้ำเย็นที่จะกระจายไปสร้างความเย็นทั่วทั้งโครงการ ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานและทำให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ออกแบบและก่อสร้างโดยใช้แนวคิด For all well-being ที่ถูกวางรากฐานและหลักปฏิบัติโดยศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน RISC (Research and Innovation for Sustainability Center) ที่ทำงานร่วมกันกับ MQDC ทุกขั้นตอน ผ่าน MQDC Standard ที่เป็นคู่มือมาตรฐานในการก่อสร้าง และเมื่อทุกการก่อสร้างมาถึงขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งก็จะมี RISC เข้ามาตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ และยังตรงตามมาตรฐานของ LEED Standard ที่คำนึงถึงความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน
โดยสำหรับโครงการนี้มีการออกแบบในทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น โดยวิจัยตั้งแต่จุดเล็ก ๆ ในโครงการ ยกตัวอย่างเช่น วัสดุทุกอย่างที่ใส่เข้าไปในโครงการจะต้องไม่มีสารที่ก่อให้เกิดพิษ ไม่ Toxic แม้กระทั่งยากำจัดปลวกก็ห้ามใช้ เพราะอยากให้ปลวกอยู่กับเราได้ และต้องมีวิธีอยู่ร่วมกันกับเขาได้อย่างมีความสุขทั้งคนและสรรพสิ่ง,
ไม่ใช้เคาน์เตอร์หินที่มีสารเคลือบหินที่มีฟอร์มัลดีไฮด์ซึ่งเป็นสารที่ให้เกิดก่อมะเร็งจึงเลือกใช้วัสดุอย่างอื่นที่มีความปลอดภัยมาใช้แทน, ไม่มีการติด wallpaper เพราะกาวที่ใช้ในวัสดุติดผนังมักจะมีสารที่ก่อให้เกิดสารพิษหรือสารก่อมะเร็งรวมทั้งใช้ไปสักพักหนึ่งก็จะก่อให้เกิดเชื้อรา ที่สูดดมเอาเชื้อราเข้าไปเรื่อย ๆ ก็เกิดอันตรายกับชีวิตคนเราได้...."
อ่านบทความรีวิวต่อทั้งหมดได้ที่นี่ครับ https://bit.ly/3VyRQPS
โฆษณา