6 ธ.ค. 2022 เวลา 20:23 • ธุรกิจ
ถ้ามีที่ดิน ก็ซื้อต้นทุเรียน มังคุด ละมุด ลำไย ลองกอง เงาะ แอปเปิล มะม่วง มะยงชิด ส้มเขียวหวาน ต้นละ 2,000 บาท อย่างละ 10 ต้น รอเวลาไม่นานก็จะได้ผลผลิตแล้ว เพราะต้นผลไม้ราคา 2,000 บาทนี่คือ ต้นผลไม้ที่โตพร้อมจะออกดอกผลในปีแรกแล้วครับ งบไม่เกิน 200,000 บาท ค่ารถไถไม่เกิน 10,000 บาท ค่าขุดหลุมปลูกต้นไม้ไม่เกิน 10,000 บาท ค่าปุ๋ยไม่เกิน 20,000 บาท ค่าวางระบบท่อส่งน้ำไม่เกิน 20,000-40,000 บาท และปั๊มน้ำระบบโซล่าเซลล์ 30,000-60,000 บาท ค่าใช้จ่ายจิปะถะ 10,000 บาท
แนวทางที่สอง ก็จัดไปแบบแรกคือ ผลไม้ทั้งสิบชนิด แต่บวกเพิ่มขึ้นมาอีกสองชนิดคือ ลงทุนในส่วนของต้นแก้วมังกรและต้นองุ่นเพิ่มเติม ในงบ 200,000 บาท พร้อมกับจัดให้เป็นสวนผลไม้เชิงท่องเที่ยว มีวัว ควาย แพะ แกะ ปลูกต้นไม้สวยงามหรือไม้มงคลและมีรูปปั้นต่างๆให้คนถ่ายภาพด้วยยิ่งดี ส่วนเงินที่เหลือก็เอาไว้ที่เดิม ุถ้าได้กำไรค่อยขยายพื้นที่และทำโรงงานแปรรูปสินค้าและสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง บางแห่งมีหน้าร้านให้ลูกค้ามานั่งทานผลิตภัณฑ์แปรรูปของทางสวนได้ด้วยครับ บางแห่งทำโฮมสเตย์ด้วย มาเที่ยวได้ทั้งฤดูร้อนและหนาว
2
หมายเหตุ : การลงทุนโดยทั่วไป เมื่อขาดทุน เงินก็จะหายไปกับตา แต่การลงทุนกับสวนผลไม้ แม้จะไม่มีรายได้ที่หวือหวามากนัก และอาจจะเจอช่วงเวลาที่ราคาตกบ้าง แต่ยุคนี้เป็นยุค 5G ยุคแห่งการใช้เทคโนโลยี ดังนั้นหากใครสามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการแปรรูปสินค้าและการทำตลาดได้ มันก็จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องขาดทุนได้ ที่สำคัญไม่ว่าจะขาดทุนหรือมีกำไรน้อย ที่ดินและต้นผลไม้ก็ยังอยู่ มันก็ยังสามารถออกดอกออกผลได้อีกในครั้งต่อไป จนกว่ามันจะหมดอายุขัย ยกเว้นว่าเราชาดทุนแล้วขายสวน นั่นแหละคือสิ้นเนื้อประดาตัวของแท้
ทรัพย์ในดินสินในน้ำมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใดๆ ทรัพย์ที่อยู่ในใจในความคิดก็ยิ่งมีค่าเป็นอนันต์
ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ หรือถ้าจะเสี่ยงต้องเสี่ยงในระยะที่ปลอดภัยครับ สู้ๆครับ
โฆษณา