9 ธ.ค. 2022 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
คุณพงศ์ศักดิ์ หมอนักลงทุน 2 หมื่นล้าน เลือกหุ้นอย่างไร
1
เคยสงสัยไหมว่า ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มลงทุน จนถึงวันนี้ นักลงทุนในตำนานอย่างคุณ Warren Buffett สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนต่อปี ได้เท่าไร ?
คำตอบก็คือ 22% ต่อปี
แต่รู้หรือไม่ว่า มีนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าชาวไทย ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ได้สูงไม่แพ้นักลงทุนระดับโลก ที่กล่าวไปข้างต้นเลย
นักลงทุนท่านนั้นก็คือ คุณหมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี
นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่ทาง Forbes จัดให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดอันดับที่ 50 ของประเทศไทยนั่นเอง
โดยคุณหมอ เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เมื่อปี 2547
ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 200 ล้านบาท
2
ด้วยระยะเวลาแค่ 18 ปี ปัจจุบันคุณหมอมีความมั่งคั่งสูงถึง 24,513 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย สูงกว่า 30% ต่อปี
แล้วคุณหมอพงศ์ศักดิ์ มีหลักการในการเลือกหุ้นอย่างไร
BillionMoney จะมาย่อยให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
2
ปรัชญาในการเลือกหุ้นของคุณหมอพงศ์ศักดิ์นั้น
จะต้องประกอบไปด้วย M.N.O.P.
1
โดย M ย่อมาจาก Moat หมายถึง ธุรกิจต้องมีคูเมืองทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
การมีคูเมืองที่แข็งแกร่ง จะช่วยปกป้องความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ ให้สามารถยืนระยะเวลาไปได้อีกยาวนาน
ทั้งยังช่วยปกป้อง ไม่ให้คู่แข่ง สามารถมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปได้อีกด้วย
หากบริษัทนั้น มีธุรกิจที่มีคูเมืองที่แข็งแกร่งมาก ก็จะยิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ
N ย่อมาจาก Number of Quality หมายถึง ตัวธุรกิจนั้น มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ที่จะยืนยันได้ว่า เป็นธุรกิจที่มีคุณภาพสูง
ซึ่งการจะตรวจสอบคุณภาพของธุรกิจ ต้องวิเคราะห์ใน 3 ประเด็นด้วยกัน คือ
- Business Model ของธุรกิจมีคุณภาพ และเหนือกว่าคู่แข่งหรือไม่
- ผู้บริหารเป็นคนอย่างไร มีความคิดสร้างสรรค์ หรือสามารถกำหนดกลยุทธ์ได้เหมาะสม ต่อการทำธุรกิจหรือเปล่า ?
1
- กลยุทธ์ในการขยายกิจการ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน โดยต้องตรวจสอบว่า แผนกลยุทธ์ที่จะใช้ในการขยายธุรกิจต่อไปนั้น จะเพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจเดิม ได้อย่างไรบ้าง
บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการจะทำธุรกิจใหม่นี้มาก่อนหรือเปล่า
เงินลงทุนที่จะใช้ไปกับการขยายธุรกิจใหม่นั้น ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่
ซึ่งสิ่งนี้ สามารถตรวจสอบได้ด้วยการดูผลตอบแทน เมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) หรือผลตอบแทนเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ (ROA) ของธุรกิจใหม่ ว่าสูงหรือต่ำ และธุรกิจใหม่ของบริษัท จะสามารถสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจเดิมได้หรือเปล่า
นอกจากนี้คุณหมอยังบอกอีกว่า ถ้าการขยายธุรกิจใหม่นั้น ทำไปก็ได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า บริษัทก็ควรนำเงินมาซื้อหุ้นคืน ยังจะดีเสียกว่า เพราะจะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์มากกว่า
O ย่อมาจาก Outperform Growth หมายถึง บริษัทจะต้องมีการเติบโตของกำไรและรายได้ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
เช่น ถ้าโดยเฉลี่ยแล้ว ตลาดเติบโตที่ 5-10%
บริษัทนั้น ก็จะต้องเติบโตสูงถึง 10-15%
และที่สำคัญ ธุรกิจนั้น จะต้องคาดการณ์การเติบโตได้
ซึ่งถ้าพอจะสามารถคาดการณ์ได้ ก็หมายความว่า
เป็นธุรกิจที่เราสามารถทำความเข้าใจได้
P ย่อมาจาก Price หมายถึง ราคาหุ้นปัจจุบันของบริษัท
โดยคุณหมอจะตรวจสอบว่า
- ราคาหุ้นกำลังอยู่ในระดับที่น่าสนใจหรือไม่
- ธุรกิจของบริษัท กำลังอยู่ในช่วงไหน ยังเติบโตต่อไปได้หรือเปล่า
ถ้าธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ก็จะมีโอกาสในการเติบโตสูง แต่ถ้าบริษัทเติบโตไปสักระยะหนึ่งแล้ว ก็จะมาดูที่อัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ เช่น มูลค่าบริษัทต่อรายได้ หรือมูลค่าบริษัทต่อกำไร ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่
และก็จะมีการวิเคราะห์ราคาที่เหมาะสมของหุ้นด้วย
หากพบว่าราคาหุ้นยังถูกอยู่ ก็จะยิ่งมีโอกาสเข้าไปลงทุน
 
- ตรวจสอบส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบัน เพื่อคาดการณ์ว่า ถ้าบริษัทยังสามารถเติบโตได้อีก ต่อไปจะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งได้อีกเท่าไร โดยจะเน้นดูไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า
ต่อให้เป็นบริษัทที่ใหญ่มากแล้ว แต่ถ้ามีโอกาสเติบโตได้อีกก็ไม่เป็นไร
1
แต่ถ้าพบว่าบริษัทนั้น มีโอกาสที่จะเติบโตได้น้อย ก็จะไม่ค่อยสนใจ
ซึ่งนอกจากนี้ คุณหมอยังให้คำแนะนำถึงการจัดพอร์ต เพื่อการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ให้เหมาะสมด้วย
1
ตัวอย่างเช่น ในพอร์ตของคุณหมอนั้น จะถือหุ้นอยู่ประมาณ 10 ตัว โดยจะมี 5 ตัวที่เป็นตัวหลัก
การจัดพอร์ตแบบนี้ ก็เพื่อให้มีเวลาเพียงพอ ที่จะได้ติดตามดูธุรกิจได้อย่างใกล้ชิด โดยไม่ถือหุ้นหลายบริษัท และไม่ถือหุ้นกระจุกตัวจนเกินไป
ในบางช่วงเวลา คุณหมอก็อาจจะเปลี่ยนมาถือเงินสดบ้าง
ประมาณ 5% ของเงินทั้งหมด
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว คุณหมอจะนำเงินไปลงทุนจนเกือบเต็มพอร์ต ในธุรกิจที่มี M.N.O.P. นั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเข้าใจหลักการในการเลือกหุ้นของคุณหมอพงศ์ศักดิ์แล้ว แต่ก็อาจจะมีคำถามตามมาว่า แล้วคุณหมอจะขายหุ้นออกเมื่อไร
1
คำตอบก็คือ ไม่มีเวลาที่แน่นอน
คุณหมอมักจะขายหุ้นตัวเก่า ก็ต่อเมื่อพบหุ้นของบริษัทใหม่ ที่มีธุรกิจ หรือมีแนวโน้มในอนาคต ที่จะเติบโตได้ดีกว่า
จึงจะทยอยขายหุ้นตัวเก่า เพื่อไปซื้อหุ้นตัวใหม่
1
ทั้งหมดนี้คือหลักการในการเลือกหุ้นของบริษัท ที่มีธุรกิจ ดูดีและมีอนาคตไกล ของคุณหมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี อีกหนึ่งนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าชาวไทย ที่สร้างผลตอบแทนได้ ไม่แพ้นักลงทุนระดับโลก
ซึ่งการจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ได้แบบคุณหมอนั้น
ก็จะต้องใช้ความอดทน และความตั้งอกตั้งใจ ในการศึกษาธุรกิจของบริษัท ที่เราอยากจะนำเงินไปลงทุน
ซึ่งหลักการ M.N.O.P. นี้ ได้ผ่านการทดสอบจากคุณหมอมาแล้วว่า สามารถนำไปใช้วิเคราะห์กิจการได้จริง
และทำให้ทุกวันนี้ เราได้รู้จักฉายาของคุณหมอพงศ์ศักดิ์ว่า “คุณหมอหมื่นล้าน”
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ถ้าเราอยากรู้จักประวัติและวิธีคิดของคุณหมอพงศ์ศักดิ์อย่างลึกซึ้งมากกว่านี้
สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ “Black Swan วันมืดมิด ในชีวิตการลงทุน”
ซึ่งสรุปบทเรียน และปรัชญาในการลงทุน ของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าชาวไทย ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้ง 12 คน
ก่อนจากกัน ก็ขอฝาก คำนิยมของคุณหมอพงศ์ศักดิ์ ที่ให้ไว้สำหรับหนังสือเล่มนี้ว่า
“ในชีวิตการลงทุน เหตุการณ์เลวร้ายที่นักลงทุนไม่อยากประสบ คือ Black Swan ในการลงทุน
การเรียนรู้เพื่อหลีกเลี่ยง Black Swan เป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งในชีวิตการลงทุน
การศึกษาประสบการณ์ Black Swan ของนักลงทุนคนอื่น เป็นตัวอย่างกรณีศึกษาที่มีประโยชน์
นักลงทุนจะได้พบในหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน”
โฆษณา