14 ธ.ค. 2022 เวลา 17:01 • หนังสือ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับหัวขบถ [โหมดเอาจริง]
Ch12: ขั้นเวลา[Act1]
โรคจิตของจอมมารมีผลต่อแฮร์รี่?
คำเตือน: โปรดอย่าอ่านตอนกินข้าว ผมเตือนท่านแล้วนะ
JK Rowlingเคยยืนยันในปี 2000 ว่าโวลเดอร์เป็นผู้ป่วยจิตเภท แล้วบางส่วนของโวลเดอร์มอร์ก็อาศัยในอยู่ในตัวของแฮร์รี่ยาวนานเกือบ 17 ปี มีใครเคยสงสัยมั้ยว่า "โวลเดอร์มอร์อาจจะมีอิทธิพลต่อแฮร์รี่มากกว่าแค่การลอบเข้ามาในจิตใจและส่งต่อภาพนิมิต?"
บทความนี้เกิดขึ้นเนื่องจากผู้อ่าน moon7777 เข้ามาแสดงความไม่สบายใจใน ReadAWrite ว่าไม่อยากให้ผมใช้คำว่า "แฮร์รี่โกหก" โดยบอกว่ามันไม่ถูกต้องและเล่าประสบการณ์ส่วนตัวโดยพยายามชี้ว่ากรณีของแฮร์รี่มันควรถูกอธิบายว่าแฮร์รี่คิดไปเอง--ประมาณนั้น ซึ่งก็ทำให้ผมอึ้งนิดหนึ่งเพราะประการแรกคือแฮร์รี่ในหนังสือก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นเด็กขี้โกหกแบบนับกันแทบไม่หวาดไม่ไหว แถมจุดที่ผมชี้ว่าโกหกนั้นแม้ผมจะเผื่อไว้ว่า "อาจจะคิดไปเอง" แต่มันก็เห็นได้ชัดว่า "มันเกินคำว่าคิดไปเองแบบหลุดโค้งแล้ว"
กระนั้นผมตัดสินใจรับข้อเสนอของคุณ moon7777 มาทำการวิเคราะห์ว่า "สมมติว่าแฮร์รี่แค่คิดไปเองจริงๆ" คำถามคือ "อะไรทำให้แฮร์รี่หลุดโลกจนถึงขั้นแยกแยะจินตนาการกับความจริงที่แตกต่างการเหมือนฟ้ากับเหวไม่ได้?" เพราะตามหลักคนที่จะไปถึงจุดนั้นถ้าไม่ได้อยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาหลอนประสาท อีกความเป็นไปได้คือมีอาการในกลุ่มโรคจิตเภท(Schizophrenia) ซึ่งทำให้มีความผิดปกติทางความคิดและรับรู้ไม่ตรงกับความจริง มีอาการหลงผิด(delusion) หรือประสาทหลอน(hallucinations)
สรุปว่าทอมแคทเป็นคนบ้าครับ
จากข้อความที่ผมเอามาแปะจะเห็นว่า JK Rowling ได้บอกเราอย่างชัดเจนว่าทำไมโวลเดอร์มอร์จึงเป็นตัวร้ายที่เรากำจัด นี่ไม่ใช่คนบ้าธรรมดาที่สามารถโทรเรียกรถพยาบาลหรือกู้ภัยมาจับมัดแล้วแลวอุ้มขึ้นรถได้แต่เป็นคนบ้าที่เสกเวทมนตร์แถมยังมีพลังมากจนถึงระดับท๊อปด้วย อย่างไรก็ตาม ผมขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมจบมาในสาขา Developmental Psychologist ดังนั้นผมจะไม่ลงรายละเอียดเชิงเกี่ยวกับโรคทางจิตเวชซึ่งเป็นงานในส่วนของเพื่อนๆ สาย Clinical & Counseling
ในหนังสือมีหลายครั้งที่ผู้อ่านน่าจะเฉลียวใจว่าโวลเดอร์มอร์มันบ้า เช่นเมื่อเล่ม 2 เด็กหนุ่มทอมนำชื่อตัวเองมาเล่นเกมสลับตัวอักษร จาก Tom Mavolo Riddle เป็น "I am Lord Voldermort" ซึ่งเอาจริงๆ การตั้งฉายาให้ตัวเองและอยากให้คนเรียกตนด้วยชื่อนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องผู้คนทั่วไปที่ยังจูนิเบียว เป็นเรื่องปกติในโลกไซเบอร์ แต่ความไม่ปกติคือเขาต้องการให้ชื่อนั้นเป็นชื่อจริงของเขาที่คนทั้งโลกจะเรียกเขาเช่นนั้น
มิหนำซ้ำเล่ม 6 ในความทรงจำของดัมเบิลดอร์หมอยังยืนกรานที่จะให้ดัมเบิลดอร์เรียกว่า Lord Voldermort
ถ้าหมอไปที่ว่าการอำเภอมักเกิ้ลแล้วขอเปลี่ยนชื่อจาก 'ทอม มาโวโร่ ริดเดิ้ล' เป็น 'โธมัส เบลด สลิธีรีน' ผมยังไม่ช้ำชอกขนาดนี้เพราะเข้าใจว่าสิ้นหวังจากพ่อแม่แต่ก็ยังภาคภูมิที่เป็นทายาทสลิธีรีน
แต่ 'ลอร์ด โวลเดอร์มอร์' คือยังไง มึงเป็นท่านลอร์ด? รึชื่อ ลอร์ด นามสกุล โวลเดอร์มอร์?? จริงๆ มีอีกเยอะถ้าจะให้แจกแจง แต่จะขอข้ามไปก่อนเพราะประเด็นที่จะพูดในตอนนี้คือความเชื่อมโยงระหว่างแฮร์รี่กับโวลเดอร์มอร์ ในหัวข้อที่ว่า "เป็นไปได้แค่ไหนที่แฮร์รี่อาจจะมีภาวะจิตเภทเป็นครั้งคราว?" เนื่องจากว่าแม้ผมจะบอกว่าผมไม่ทำบทความวิเคราะห์แฮร์รี่โดยเฉพาะ แต่ผมไม่ได้ห้ามตัวเองวิเคราะห์ตัวละครนี้ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับตัวละครอื่น
เนื่องจากแฮร์รี่เป็นฮอร์ครักซ์ของโวลเดอร์มอร์ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเภท JK Rowling แม้จะเป็นอัจฉริยะแต่ใช่ว่าจะไม่เคยพลาดเลย แต่เธอเห็นโอกาสที่จะทำให้งานสมบูรณ์และสร้างข้อมูลใหม่เพื่อนำเนื้อหานั้นไปสู่สมมติฐานใหม่ หนึ่งในข้อผิดพลาดเล็กๆ ที่เราอาจจะลืม--ในเล่มแรกที่แฮร์รี่พบว่าตัวเองพูดกับงูได้ ใครเห็นสิ่งผิดปกติบ้าง? ติ๊กๆๆๆ... เครผมเฉลย ดูซิใครตอบถูกบ้าง? คำตอบคือ "งูหลิ่วตา" ครับ เพราะงูไม่มีเปลือกตา ไม่สามารถกลิ้งกลอกไปยังทิศทางใดๆ ได้ ฉะนั้นเห็นได้ชัดว่าแฮร์รี่คิดไปเอง
ฉากนี้กลายเป็นเบาะแสแรกที่บอกผู้อ่านว่า "นิยายเรื่อง Harry Potter ไม่ใช่มุมมองจริง แต่เป็นแค่เรื่องราวจากปากของแฮร์รี่ซึ่งเล่าเรื่องราวเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องราวของเขา"
หากเรื่องนี้เป็นมุมมองจริงฉากนี้จะควรอธิบายว่า "แฮร์รี่เห็นงูหลิ่วตาให้เขา แม้ว่าในความเป็นจริงงูจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ แต่เขายังเด็กและไร้เดียงสาพอจะจินตนาการว่ามันทำ" ซึ่งถ้านิยายบรรยายในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายๆ กับที่ผมแนะนำ นิยายเรื่องนี้จะกลายเป็นมุมมองจริงที่เราแค่แอบดูสมองแฮร์รี่ได้ โดยการนี้แปลว่าบุคลิกลักษณะคำพูดคำจาการแสดงท่าทางของตัวละครจะเป็นข้อเท็จริงหมด สเนปดูน่ารังเกียจจริงๆ ดัมเบิลดอร์เป็นคุณปู่ใจดีผู้เยือกเย็นจริง แฮกริดเป็นยักษ์ใจดีจริง บลาๆๆ
ทว่าข้อเท็จจริงไม่ใช่แบบนั้น แฮร์รี่เห็นงูหลิ่วตาและหนังสือบรรยายราวกับมันเป็นความจริงๆ ทั้งๆ ที่งูเหลือมบราซิลตัวนั้นเป็นงูธรรมดาที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ นั่นแสดงว่าหนังสือไม่ใช่มุมมองจริงแต่แสดงเรื่องราวตามที่แฮร์รี่คิด(เอาเองว่า)เห็นและเชื่อ ในเล่ม 4 แม้จะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ตั้งใจ(ซึ่ง JK Rowling ก็ยอมรับ) แต่มันก็ช่วยทำให้เนื้อหาที่ว่า "ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องในสมองของแฮร์รี่" จริงมากขึ้นด้วยลำดับการปรากฎตัวของลิลี่และเจมส์ที่สลับกัน
แต่ที่เด็ดกว่าอยู่ตรงนี้ครับ...
ป้า! เดี๋ยว!?
หา! อะไรนะ!? ฮอกวอร์ตไม่มีห้องน้ำและไม่ได้ใช้ระบบปะปาจนถึงศตวรรษที่ 18 เหรอ!? รู้มั้ยว่าคำอธิบายนี้หมายความว่ายัง!? หมายความว่าเป็นไปไม่ได้ที่แฮร์รี่จะไปพบทางลับเข้าห้องแห่งความลับที่ห้องน้ำหญิงครับเพราะไม่มีห้องน้ำมาก่อนศตวรรษที่ 18!! ซัลลาซาร์ สลิธีรีน สร้างห้องแห่งความลับเมื่อพันปีก่อนและไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมัน แล้วไอ้บ้าที่ไหนจะมาสร้างประตูทางเข้าที่ต้องพูดภาษางูเพื่อเปิดในอีก 1800 ปีให้หลังวะ!? แถมสลักเป็นรูปงูไว้ตรงนั้นด้วย!!? ไหนจะเจาะท่อจนไปชนทางงูเลื้อยโดยไม่รบกวนบาซิลิกส์เลย!!?
พูดให้ชัด ไม่มีทางเข้าลับที่มีสัญลักษณ์รูปงูที่ก๊อกหรือกลไกอะไรที่นั่น! ทั้งหมดนี้เป็นความผิดปกติในการรับรู้ของแฮร์รี่ล้วนๆ!
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นคืองูเลื้อยไปตามโพรงใต้ดิน ทางเข้าไปทางโพรงงูน่าจะพื้นเปล่าๆ ที่เปิดได้ด้วยมนตร์ หรือถ้าคิดถึงหลักความจริงว่าสร้างห้องน้ำหญิงทับไว้ ทางออกของงูคงเป็นฝาบ่อส้วมที่งูดันหัวเปิดออกมา (คนสร้างคงขุดบ่อส้วมลงไปถึงโพรงงูโดยไม่ตั้งใจ) ทั้งนี้พิจารณาจากขนาดงูที่ไม่น่าจะเลื้อยไปตามท่อน้ำได้ ถ้าเลื้อยไปตามอุโมงค์น้ำก็ว่าไปอย่างซึ่งเกินความจำเป็นของฮอกวอร์ต ถ้าบ่อเกรอะก็ว่าไปอย่าง
ฉากนี้เล่นกับแนวคิดแบบเดียวกับในเรื่อง Phantom of the Opera ตอนที่เอริก (แฟนท่อม) ล่อลวงคริสติน (นางเอก) ลงไปในใต้ดิน ซึ่งคริสตินที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับเสียงของเอริกมองเห็นทางเดินสะอาดสะอ้านงดงามมาก แต่สำหรับ 'เม็ก จีรี่' เพื่อนนางเอกที่พบทางลับที่นางเอกผ่านเข้าไปโดยบังเอิญก็ได้เผยให้เราเห็นว่าเส้นทางนั้นสกปรกมาก ทั้งฝุ่น ทั้งหยากใย่ ทั้งหนู คือสภาพคริสตินในความเป็นจริงตอนนั้นน่าจะสูดฝุ่นเข้าไปเต็มปอด เสื้อผ้าสกปรก พร้อมด้วยหยากใย่พันเต็มหัว แต่คริสตินไม่รับรู้ความจริงเพราะเธอกำลังเคลิ้ม
สิ่งที่คริสตินเห็น vs ความจริง
และเรื่องจริงในเล่ม 2 ก็คงประมาณเดียวกัน คือเด็ก 2 คน (กับ 1 ล๊อคฮาร์ท) ช่วยกันงัดบ่อส้วมและไถลลงไปจนถึงโพรงงู ชัดแล้วว่าทำไมล๊อคฮาร์ทไม่อยากลงไป เพราะแค่คิดว่าต้องมุดลงไปในบ่อส้วมเพื่อเข้าโพรงงูก็จะอ้วกแตกแล้วยังไม่นับว่าจะเจออะไรที่นั่นรึเปล่า ส่วนแฮร์รี่ไม่มีปัญหาครับเพราะเขาไม่ได้เห็นเป็นบ่อส้วม เขาเห็นเป็นทางลับธรรมดา แต่เราต้องคารวะความกล้าของรอนที่เห็นภาพตามความจริงแต่ยอมร่วมหัวจมท้ายกับแฮร์รี่--พร้อมมุดน้ำขรี้ไปกู้โลก ทีนี้ผมเก็ตเลยว่าทำไม JK Rowling ให้เฮอร์ไมโอนี่เป็นหินซะ
ป้าคงไม่อยากให้อวตารป้าลงไปดำน้ำขรี้ ("- -)
นี่ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่หนังสือบอกว่าเวลากดชักโครก ยัยเมอร์เทิลจะถูกน้ำชักโครกพัดพาไปจนไปโผล่ที่ทะเลสาบนะ อ่านแล้วแบบ "นี่มึงต่อท่อส้วมลงไปปล่อยในทะเลสาบให้เป็นอาหารปลาเรอะ!? แล้วชาวเงือกเขาว่าไงกับสิ่งนี้!!? ไหนพระเอกจะต้องลงทะเลสาบในเล่ม 4 อีก ทะเลสาบที่รองรับกองขรี้มากว่า 200 ปีเนี่ยนะ!!?" ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแฟนหนังสือด่าชิบหายตอนป้าปล่อยข้อมูลนี้
แต่ที่แน่ๆ ผู้อ่านเลือกคำตอบตามใจชอบได้ 2 แบบ แบบแรกคือ "แฮร์รี่มีความกล้าหาญเต็มล้นที่จะดำลงไปในบ่อ.. เพื่อเข้าไปในโพรงงูและช่วยจินนี่ออกมา แต่เรื่องอะไรเขาต้องมาเล่าเรื่องที่น่าอ้วกแบบนั้นล่ะ? ดังนั้นเขาก็เลยโกหกเพื่อให้สถานการณ์ของเขาดูดีและดูเท่ขึ้น" ส่วนแบบที่ 2 คือ "แฮร์รี่ไม่ได้รับรู้ตามความจริงเนื่องจากมีภาวะหลงผิด-จิตหลอน เขาไม่ได้โกหก แต่เขาไม่ได้รับรู้จริงๆ ว่าสภาพเขาตอนลงไปในโพรงงูมันชวนอ้วกขนาดไหน" ดังนั้นแนวคิดที่ 2 นี้พระเอกตัวจริงคือรอนที่ช่างกล้าหาญและซื่อสัตย์อะไรเยี่ยงนี้
คนที่ชอบแนวคิด "แฮร์รี่โกหก"  JK Rowling ก็มีส่วนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ตลอดทั้งเล่มคือเราจะเห็นแฮร์รี่ตอแหลอย่างจงใจต่อเนื่องและต่อเนื่อง แม้แต่ขณะที่เป็นเรื่องความเป็นความตายของคนอื่นแฮร์รี่ก็ตอแหลหน้าด้านๆ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ผมท้าให้ลองกลับไปนับดูเลยว่าแฮร์รี่โกหกกี่ครั้งในหนังสือ ในเล่ม 5 จะมีการใบ้เป็นนัยย์ๆ ในท้ายเล่มว่า "เขาต้องการให้คนอ่านเห็นด้วยกับเขา"
ส่วนคนที่ไม่ชอบและอยากเชื่อว่า "แฮร์รี่ไม่ได้โกหก เขาแค่คิดไปเอง"  JK Rowling ก็ทิ้งหลักฐานให้ท่านมากเกินพอ โดยเฉพาะเล่ม 4-5 และ 7 แฮร์รี่มีการรับรู้สิ่งต่างๆ ทั้งอารมณ์ ความฝัน ความจำร่วมกับนากินีและโวลเดอร์มอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้สื่อเป็นนัยย์ๆ ว่าแฮร์รี่ไม่ได้เป็นตัวเองตลอดเวลา แต่เขาเป็นโวลเดอร์มอร์หรือแม้แต่นากินีในหลายๆ ครั้ง บางทีเขาอาจจะรับรู้ภาพตามที่โวลเดอร์มอร์เคยเห็นหรือจำได้
หรือ บางส่วนก็ใช้พลังมโน เช่นเรื่องที่สเนปมีผู้พิทักษ์ตัวเดียวกับลิลี่ก็เห็นได้ชัดว่าคิดไปเอง (ไม่มีตรงไหนในหนังสือบอก)
แล้วโวลเดอร์มอร์เริ่มป่วยตอนไหน?
JK Rowling ไม่เคยบอกเรา แต่ถ้าอิงจากเล่ม 2 และ 6 ผมสงสัยว่าเขาเริ่มมีอาการนานมากแล้ว ในเล่ม 2 ทอมที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มหลังจากที่เขารู้ว่าเขากลายเป็นจอมมารที่ชั่วร้ายเขาดูเหมือนจะพอใจ มีกี่คนที่รู้ว่าเรากลายเป็นคนชั่วที่เป็นภัยต่อโลกแล้วพอใจ? ส่วนในเล่ม 6 เราเห็นว่าทอมมีพฤติกรรมชอบสะสมของๆ เหยื่อ เขาใช้พลังของเขาให้การข่มขู่คุกคาม หน้าด้าน ไม่รู้สึกผิด ไม่มีความเห็นใจ แล้วยึดของรักของเหยื่อไว้เป็นเหมือนถ้วยรางวัล
เป็นที่รู้ในหมู่แฟนๆ ว่าพ่อมดมีวัฒนธรรมทางเพศที่น่าสยดสยองสำหรับมักเกิ้ลอย่างเราๆ ได้แก่ "การแต่งงานระหว่างสมาชิกในครอบครัวเป็นสิ่งที่ยอมรับได้และปฏิบัติกันอย่างกว้างขวาง" ตามที่ดัมเบิลดอร์บอกในหนังสือและตามที่เรารู้จาก  JK Rowling เอง (พ่อแม่ซิเรียสเป็นพี่น้องกัน) อีกประการคือ "การข่มขืนได้รับการยอมรับ" เพราะน้ำยาแห่งความรักเป็นสิ่งที่ถูกสอนในชั้นเรียน คนที่ได้รับยาไม่สามารถให้ความยินยอม ดังนั้นนี่คือการข่มขืน แม้แต่มอลลี่ วิสลี่ย์ก็ยอมรับเป็นนัยย์ๆ ในเล่ม 3 ว่าเธอใช้ยาตัวนี้กับอาเธอร์ตอนปี 5
โดยการกระทำเช่นนี้จึงมีเชื่อบ้าเกิดขึ้นในตระกูลเลือดบริสุทธิแบบรุ่นต่อรุ่น โดยอย่างน้อย 1 คนของครอบครัวที่มีการแต่งงานกันระหว่างพี่น้องต่อเนื่องมากเกินไปและใช้ยาสเน่ห์เพื่อบังคับให้อีกฝ่ายแต่งงานดูเหมือนจะเป็นเหตุที่ทำให้เกิดคำสาปบางอย่าขึ้น เรื่องนี้ไม่ได้รับการยอมรับตรงๆ จากผู้เขียนแต่จากคำอธิบายของเธอมันค่อนข้างไปในทางนั้น มีความวิปริตที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในหมู่เลือดบริสุทธิ์ที่งดงาม เช่นตระกูลแบล็กเบลลาทริกซ์และซิเรียสเหมือนจะวิกลจริต พวกวิสลี่ย์นี่ฝาแฝดนับว่าเข้าเค้ามาก
หรือถ้าไม่มีเชื้อบ้า พวกเขาก็จะมีลูกได้แค่คนเดียว (มัลฟอย) หรือถ้าได้รับพรเจริญพันธุ์--พวกที่มาจากครอบครัวเลือดบริสุทธิ์เหล่านี้มักมีรูปร่างอัปลักษณ์และสติปัญญาต่ำ เห็นได้จากคำอธิบายเกี่ยวกับครอบครัวก๊อนท์ พวกตัวละครสลิธีรีนที่มักดูเหมือนโทรลล์ที่ตัวใหญ่มหึมา ดูงุ่มง่าม หรืออีกบางกรณีที่ปรากฎในภาคเด็กต้องสาป แอสโทเรียได้รับคำสาปประจำตระกูลที่ทำให้อายุสั้น จุดที่น่าสนใจอีกจุดคือผู้วิเศษมีปัญหาการขยายพันธุ์มาก รอนบอกว่า "ไม่แต่งกับมักเกิ้ลพวกเราคงสูญพันธุ์กันหมด"
เห็นได้ชัดว่ามีคำสาปบางอย่างที่ผู้เขียนบอกใบ้เป็นนัยย์ เมโรเพเป็นเลือดบริสุทธิ์ที่เห็นได้ชัดว่ามีคำสาปประจำตระกูลติดตัวมาด้วย เป็นไปได้มั้ยว่าคำสาปจิตวิปริตรุนแรงเกิดกับโวลเดอร์มอร์ที่เป็นเพียงเลือดโคลนเพราะเขาเป็นคนสุดท้ายของตระกูลที่ต้องแบกรับคำสาปทั้งหมด?
นี่อาจจะเป็นส่วนที่ JK Rowling แสดงจุดยืนต่อต้านการข่มขืนและการล่วงประเวณีในครอบครัวผ่านเรื่องราวในนิยายเด็กที่เนื้อหาไม่เด็กเอาซะเลย
โฆษณา