15 ธ.ค. 2022 เวลา 12:49 • กีฬา
อ็องตวน กรีซมันน์ ที่เป็นกองหน้ามาทั้งชีวิต ต้องลงเล่นมิดฟิลด์บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน นี่เป็นกลยุทธ์ที่เซอร์ไพรส์ทีเดียว แต่มันก็ทำให้ฝรั่งเศส ได้เข้าไปลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 3 วิเคราะห์บอลจริงจังจะอธิบายแท็กติกให้ฟัง
1
แม้จะเป็นแชมป์เก่า แต่ฝรั่งเศสมาป้องกันแชมป์ที่กาตาร์ ด้วยสภาพทีมที่ไม่พร้อมเลย
กองหน้าเดี้ยงไปทีละคน คริสตอฟ เอ็นคุนคู ตามด้วยคาริม เบนเซม่า จากนั้นแนวรับก็ทยอยเจ็บ ทั้งนายทวารไมค์ เมนญอง ต่อด้วย เซ็นเตอร์แบ็ก เพรสเนล คิมเพมเบ้
1
แต่จุดที่ฝรั่งเศสกลุ้มใจมากที่สุดคือ "กองกลาง" เพราะเอ็นโกโล่ ก็องเต้ กับพอล ป็อกบา สองกองกลางคีย์แมนชุดแชมป์โลก บาดเจ็บทั้งคู่ ลงเล่นไม่ได้
2
ด้วยระบบ 4-3-3 ที่เดส์ชองส์ใช้ แปลว่าตำแหน่งอื่นยังพอมีตัวหลักคัฟเวอร์อยู่ แผงหลังยังมีราฟาแอล วาราน กองหน้ายังมีคีลียัน เอ็มบัปเป้
แต่กับกองกลางนั้น ไม่มีใครเลย ก็องเต้กับป็อกบาไม่อยู่ ขณะที่ตัวเก๋าๆ จากชุดแชมป์โลก 2018 อย่างโกร็องแต็ง โตลิสโซ่, สตีเว่น เอ็นซอนซี่ และ แบลส มาตุยดี้ ก็ไม่เหลือฟอร์มจะติดทีมชาติได้แล้ว
2
นั่นหมายความว่า ในฟุตบอลโลก 2022 จึงเป็นหน้าที่ของดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ที่จะต้องหาส่วนผสม 3 มิดฟิลด์ที่ลงตัวที่สุดให้ทันเวลา เพราะถ้าคุณหากองกลางที่บาลานซ์ไม่ได้ ไม่มีทางเลย ที่จะเข้ารอบลึกๆได้
กองกลางคนแรกที่เดส์ชองส์ มองว่าสมควรเป็นตัวจริงในบอลโลกครั้งนี้ คือออเรเลียง ชูอาเมนี่ ผู้เล่นวัย 22 ปี จากเรอัล มาดริด
1
ชูอาเมนี่ เป็นเด็กฉลาด เขาเป็นลูกชายของเภสัชกร แต่มาเอาดีทางฟุตบอลแทน และได้แจ้งเกิดเป็นครั้งแรกกับสโมสรบอร์กโดซ์ ที่มีเฮดโค้ชคือกุสตาโว่ โปเยต์ โดยตอนที่ฝรั่งเศสได้แชมป์โลกปี 2018 เขายังไม่ได้สัญญาอาชีพเลยด้วยซ้ำ
1
ชูอาเมนี่ กระโดดจากบอร์กโดซ์ ไปโมนาโก และคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีของลีกเอิงในปี 2021 จากนั้นในปี 2022 เขาได้รับข้อเสนอจากเรอัล มาดริด และ เปแอสเช พร้อมกัน
1
เอ็มบัปเป้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ชูอาเมนี่ย้ายมาเปแอสเช แต่สุดท้ายเจ้าตัวเลือกไปเรอัล มาดริด โดยให้เหตุผลว่า ต้องการได้แชมป์มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นจึงเลือกไปอยู่ เรอัล มาดริด ที่เป็นแชมป์ยุโรปอยู่แล้ว นี่เป็นการซื้อขายมูลค่าสูงถึง 100 ล้านยูโร
จุดเด่นของชูอาเมนี่ คือทั้งตัวใหญ่ (187 ซม.) ทั้งรวดเร็ว ด้วยสายเลือดของชาวแคเมอรูนทำให้เขามีโครงสร้างร่างกายที่แกร่งมาก และการโตมาในฝรั่งเศสทำให้เข้าใจและเรียนรู้แท็กติกของฟุตบอลสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
1
ชูอาเมนี่ อาจจะอายุยังน้อย แต่เดส์ชองส์ นั้นชื่นชอบมาก เขาให้สัมภาษณ์ว่า "ออเรเลียงมีความก้าวร้าวในการแย่งบอล ซึ่งจุดนี้เหนือกว่าพอล ป็อกบาเสียอีก"
1
"เขามีคุณสมบัติที่แตกต่างจากกองกลางคนอื่น เราต้องการใช้งานเขาในตำแหน่งตัวรับ แต่เขาก็เติมขึ้นไปบุกได้บ้างเช่นกัน แม้จะอายุน้อย แต่ออเรเลียงคือกองกลางที่สมบูรณ์แบบ"
1
ตามหลักแล้วใน 11 ตัวจริงของแต่ละทีม ต้องมีกองกลางวัยหนุ่ม ที่มีพละกำลังขับเคลื่อนสูง เหมือนที่อังกฤษมีจู๊ด เบลลิงแฮม เหมือนที่สเปนมีเปดรี และกาบี ดังนั้นชูอาเมนี่จึงตอบโจทย์มากๆ ในการยึดตำแหน่งตัวจริงของฝรั่งเศส
2
เมื่อล็อกชูอาเมนี่แล้วหนึ่งโควต้า คนต่อไปที่เดสช็องส์ มองไว้คือ อาเดรียง ราบิโอต์ กองกลางจากยูเวนตุส
1
ราบิโอต์นั้นสร้างพฤติกรรมแย่ๆ ในปี 2018 เพราะเขาเป็น standby list ของทีมชาติฝรั่งเศส คือถ้ามีตัวเจ็บก่อนบอลโลกที่รัสเซียจะเริ่ม ราบิโอต์จะได้เสียบแทนทันที แต่ราบิโอต์ไม่พอใจ ที่ไม่ติด 1 ใน 23 คนแรก จึงประกาศว่าไม่ขอเป็นตัวสแตนด์บายอะไรทั้งนั้น
1
ครั้งนั้นเดส์ชองส์โมโหมาก บอกว่า "ราบิโอต์ตัดสินใจพลาดครั้งใหญ่แล้ว" และจากนั้นมา ก็ไม่เรียกราบิโอต์ติดทีมชาติไป 2 ปีเต็ม
1
ราบิโอต์ย้ายจากเปแอสเช ไปอยู่กับยูเวนตุส เขาค่อยๆ โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดราม่าน้อยลง แม้จะโดนโค้ชจับไปเล่นปีกซ้ายบ้าง กองกลางบ้าง ก็ไม่เคยบ่น ซึ่งเดส์ชองส์ตามดูฟอร์มของราบิโอต์ตลอด และตัดสินใจว่าควรจะให้โอกาสอีกครั้ง
ในการประกาศตัวทีมชาติมาลุยบอลโลกที่กาตาร์ สื่อมวลชนก็ยังมีคำถามอยู่บ้าง ว่าเอาราบิโอต์มาจะดีเหรอ เดี๋ยวจะมีปัญหาจุกจิก รวมถึงจะมีดราม่ากับคุณแม่อะไรอีกหรือเปล่า แต่เดส์ชองส์กล่าวว่า "วันนี้เขาเติบโตขึ้น และมีมุมมองต่อโลกที่กว้างกว่าเดิม"
3
"ราบิโอต์เคยอธิบายคุณสมบัติของตัวเองว่า 'ผมเป็นผู้เล่นที่จะทำให้ทีมสมดุล ดูเผินๆ คุณอาจไม่เห็นคุณค่าของผู้เล่นสไตล์นี้เท่าไหร่ แต่นี่เป็นสิ่งที่โค้ชทุกคนต้องการ' ผมชอบนะในสิ่งที่เขาพูด และมันใช่จริงๆ"
1
ราบิโอต์ มีอายุ 27 ปี มีส่วนสูง 188 ซม. ถ้ายืนปักหลักคู่กับชูอาเมนี่ คู่แข่งจะเจาะตรงกลางได้ยากมาก เพราะสองคนนี้เล่นเกมรับเป็น แถมตัวสูงใหญ่ ช่วยกองหลังสกัดลูกโด่งได้ดีอีกต่างหาก
4
นี่คือสองตำแหน่งแรก ที่เดส์ชองส์ ยึดเป็นตัวหลัก คำถามคือ กองกลางคนที่ 3 เขาจะใช้ใครดี?
ถ้าใช้วิธีแบบมาตรฐาน ก็เอามิดฟิลด์ตัวกลางอีกสักคนอัดมาเลย เช่น ยูสซุฟ โฟฟาน่า (โมนาโก) หรือ มัตเตโอ เก็นดูซี่ (มาร์กเซย) เอาให้แน่นสุดๆ ไปเลย ส่วนเกมรุกก็อาศัยฟูลแบ็ก 2 ข้าง ช่วยเติมเอา
ทีมชาติอังกฤษ ก็เล่นบอลด้วยวิธีนี้ คือมี MC สามตัว จู๊ด เบลลิ่งแฮม - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - ดีแคลน ไรซ์ แล้วใช้แบ็กซ้าย ลุค ชอว์ กับ แบ็กขวาไคล์ วอล์กเกอร์ เติมเกมขึ้นลุยแหลก
3
แต่เดส์ชองส์ตัดสินใจว่า จะไม่เล่นแบบนั้น แต่เขามีนักเตะในใจที่อยากให้เล่นตำแหน่งนี้แล้ว นั่นคือ "อ็องตวน กรีซมันน์"
3
ถามว่าแปลกไหม? ก็แปลกอยู่ เพราะกรีซมันน์ไม่เคยเล่นกองกลางมาก่อน โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 8 อยู่ๆ จับมายืนโป้งเลยแบบนี้ ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะเล่นได้
1
ตำแหน่งเบอร์ 8 นั้น ถ้ายกให้เห็นภาพ ก็เหมือนเฮนเดอร์สันของอังกฤษ หรือเหมือนมาร์เซโล่ โบรโซวิชของโครเอเชีย เป็นตำแหน่งที่ต้องวิ่งไปทั่วสนาม และห่างไกลกับการยิงประตู ซึ่งก็อย่างที่ทุกคนรู้ การยิงประตูคือจุดแข็งของกรีซมันน์
3
การที่เดส์ชองส์อยากให้กรีซมันน์เล่นตรงนี้ สาเหตุเพราะ สามแนวรุก เอ็มบัปเป้, อุสมาน เดมเบเล่ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงตัวที่สุดแล้ว มีตัวสปีดจัดซ้าย-ขวา และกองหน้าร่างยักษ์ค้ำอยู่ตรงกลาง คือกรีซมันน์ก็ยืนขวาได้นะ แต่ก็จะต้องตัดเดมเบเล่ที่กำลังมั่นใจทิ้งไป
1
ดังนั้นถ้าอยากเอากรีซมันน์ลงเล่น ตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ ก็คือ มิดฟิลด์ตัวกลาง คือเดส์ชองส์นั้นไม่อยากดร็อปกรีซมันน์ เพราะนี่คือ Leader ในทีม เป็นคนที่มีประสบการณ์สูง และมีพลัง Workrate พร้อมทำงานหนักเพื่อทีม
3
การส่งเขาลงในตำแหน่งกองกลาง ย่อมได้ประโยชน์แน่ แต่ประเด็นคือตัวกรีซมันน์จะยอมหรือไม่ ถ้าต้องถอยจากกองหน้าลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์
เดส์ชองส์ อธิบายว่า "ผมขอให้เขาเล่นฟุตบอลที่แตกต่างจากเดิม .. แน่นอน เขาจะยิงประตูได้น้อยลงกว่าเดิมเยอะแน่ๆ"
1
กองหน้าทุกคนมีอีโก้ ที่จะกระหายทำประตู และกรีซมันน์คือรองดาวซัลโวฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว บางคนอาจมองว่าเป็นการเสียเกียรติ ที่โดนเปลี่ยนไปเล่นตำแหน่งอื่น
2
แต่คำตอบคือ กรีซมันน์ยอมโดยดี เขาพร้อมปิดทองหลังพระ เพื่อผลักดันให้คนอื่นในทีมอย่าง เอ็มบัปเป้ และ ชิรูด์ได้เป็นฮีโร่แทน
5
กรีซมันน์กล่าวว่า "ผมเป็นหนี้เดส์ชองส์ทุกๆ อย่าง ผมทุ่มเททั้งชีวิตให้ทีมชาติฝรั่งเศสอยู่แล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งผมก็พร้อมสู้เพื่อเดส์ชองส์ด้วย และผมจะทำทุกอย่างที่เขาสั่ง อยากให้เขาเชื่อใจผมได้เลย การเล่นทุกเพลย์ การเล่นทุกนัด เปรียบเสมือนคำขอบคุณที่ผมส่งให้เขา ผมแค่อยากให้โค้ชเดส์ชองส์ภูมิใจในตัวผม"
16
เมื่อกรีซมันน์โอเค สิ่งที่เดส์ชองส์ต้องทำสเต็ปต่อไปคือ หาแผนการเล่นที่ทำให้ทีมสมดุล เพราะการใช้ตัวรุกธรรมชาติลงมาถึง 4 คน (เอ็มบัปเป้ - ชิรูด์ - เดมเบเล่ - กรีซมันน์) เกมรุกจะอันตรายอยู่แล้ว แต่เกมรับก็จะมีรูโหว่มากขึ้น
ดังนั้นเดส์ชองส์ จึงประกาศว่า ฝรั่งเศสในฟุตบอลโลกครั้งนี้ จะเล่นในระบบ "défense à quatre" หรือ กองหลัง 4 ตัวรับแน่น อธิบายคือ ปกติฟูลแบ็กซ้าย-ขวา จะทำหน้าที่เติมขึ้นไปช่วยทีม เพื่อบุกเต็มสูบ (เช่น แมนฯ ซิตี้ ใช้ไคล์ วอล์กเกอร์ - ชูเอา กานเซโล่, แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ ดีโอโก้ ดาโลต์ - ลุค ชอว์, ลิเวอร์พูล ใช้ เทรนต์ - โรเบิร์ตสัน) แต่กับฝรั่งเศสครั้งนี้ กองหลัง 4 ตัวจะเล่นเกมรับเป็นหลัก
4
ฟูลแบ็กจะเติมเกมน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลายๆ ครั้ง เดส์ชองส์ จะส่งเซ็นเตอร์แบ็กลงไปยืนเลย เพราะยังไงก็ไม่บุกอยู่แล้ว (เช่น ชูลส์ กุนเด้ ไปยืนขวา, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ไปยืนซ้าย)
 
นั่นคือเหตุผลที่แบ็กซ้าย-ขวา ธรรมชาติหลายคน อย่าง ลูก้าส์ ดีญ และ โจนาธาน คลอสส์ ต้องถูกตัดทิ้ง ไม่ติด 26 คนมาบอลโลก คือแทนที่จะเอาฟูลแบ็กสายบุกเข้ามา ไหนๆ ก็จะเล่นเกมรับแล้ว เดส์ชองส์ ไปเรียกเซ็นเตอร์แบ็กมาติดทีมเยอะๆ ดีกว่า เช่น อิบราฮิม่า โกนาเต้ หรือ วิลเลียม ซาลิบา เป็นต้น
6
การใช้แผน défense à quatre จะทำให้ฝรั่งเศส มีตัวรับถึง 7 คน คือ โยริส, แอร์กน็องเดซ, วาราน, อูปาเมกาโน่, กุนเด้, ราบิโอต์ และ ชูอาเมนี่ นั่นทำให้ตัวรุก 3 คนด้านบน เอ็มบัปเป้, ชิรูด์ และ เดมเบเล่ สามารถสนใจแต่การยิงประตูได้เลย
6
ในขณะที่กรีซมันน์จะเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของแผนนี้ เขาจะวิ่งเยอะที่สุด เพื่อไล่บอลคืนมา จะเป็นคนเชื่อมจากตัวรับเป็นตัวรุก ใช้การแอสซิสต์ออกบอลซ้าย-ขวาให้คนอื่น
1
ในทัวร์นาเมนต์นี้ กรีซมันน์อาจยิงประตูไม่ได้เลยสักลูก เพราะหน้าที่ยิง เป็นของคนอื่น แต่กรีซมันน์จะเป็นแกนกลางของทีม
1
ฟุตบอลโลกเริ่มต้นขึ้น เกมแรกนั้น ฝรั่งเศสเอาชนะออสเตรเลีย 4-1 จุดสนใจไปอยู่ที่ชิร์ดู กับ เอ็มบัปเป้กันหมดที่ยิงประตูได้ คนยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญของกรีซมันน์
1
แต่พอมาเกมที่สอง ที่ชนะเดนมาร์ก 2-1 ทุกคนจึงเริ่มเข้าใจประโยชน์ของเขา กรีซมันน์ วิ่งฉีกซ้ายฉีกขวา เขาเป็นคนที่ครอสบอลมากที่สุดในสนาม (9 ครั้ง) และเป็นคนสกัดบอลได้มากที่สุดในทีม (6 ครั้ง) นอกจากนั้นยังเป็นคนแอสซิสต์ให้เอ็มบัปเป้ยิงประตูชัยได้ช่วงท้ายเกมอีกด้วย
1
สำนักข่าวเลกิ๊ปกล่าวชมว่า "กรีซมันน์เล่นด้วยความฉลาด บทบาทของเขาเปลี่ยนไป เป็นคนจัดแจงทุกอย่างให้เพื่อน เขาใช้ทักษะที่มีของตัวเอง ในการสร้างประโยชน์ให้ทีม การเล่นของเขามันดูง่ายไปหมด"
2
เกมที่สามในรอบแบ่งกลุ่มกับตูนิเซีย กรีซมันน์ลงเป็นสำรอง ได้ลงสนาม 18 นาที เพราะเกมนี้ ฝรั่งเศสเข้ารอบไปแล้ว เดส์ชองส์จึงพักตัวหลักทั้งหมด เตรียมไว้แข่งขันในรอบต่อไป
1
เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฝรั่งเศสชนะโปแลนด์ 3-1 ทุกคนพูดถึงความมหัศจรรย์ของเอ็มบัปเป้ ที่ยิงได้ 2 ประตู และ ชิรูด์ที่ทำลายสถิติของเธียร์รี่ อองรี แต่ในเบื้องหลังนั้น กรีซมันน์วิ่งทำระยะรวม 11.26 กิโลเมตร มากยิ่งกว่าใครในสนาม รวมถึงครอสบอลถึง 9 ครั้ง ผลักดันให้เพื่อนโดดเด่น ด้วยการทำงานหนักอย่างเงียบๆ คนเดียว
5
ตามด้วยรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เจอกับอังกฤษ เขาเป็นคนแอสซิสต์ให้ทั้งชูอาเมนี่ และ ชิรูด์ ยิงประตู ให้ฝรั่งเศสชนะ 2-1 และกลายเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์โอกาสมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ (17 ครั้ง) แต่แน่นอน สถิติการยิงประตู ก็ยังเป็น 0 ลูกอยู่
2
แน่นอน มีการเปรียบเทียบ กับฟุตบอลโลก 2018 กรีซมันน์ได้โอกาสยิงไปถึง 22 ครั้ง (ยิงได้ 4 ลูก) หลังผ่านไป 5 เกม แต่ในบอลโลกครั้งนี้ ด้วยจำนวนนัดเท่ากัน กรีซมันน์ได้ยิง 7 ครั้ง (ยิงเข้า 0 ลูก) บทบาทของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาต้องเล่นเป็นตัวฟรี และต้องทำงานหนักทั้งเกมรุกและเกมรับขนาดนี้
3
แต่มันก็แลกมากับคำชม กีย์ สเตฟาน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศสบอกว่า "ตำแหน่งกองกลางเหมาะกับอ็องตวนจริงๆ การมีเขาอยู่ในสนามทำให้เราได้เข้าใจว่าการเล่นบ็อกซ์ทูบ็อกซ์มันต้องแบบนี้ ในเกมกับโปแลนด์เขาลงต่ำไปจนเคลียร์บอล 5 เมตรจากหน้าโกล์ฝั่งเรามาแล้ว"
3
เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ในการเจอกับโมร็อกโก กรีซมันน์เล่นได้เหนือชั้นอีกครั้ง เขาเล่นได้หลากสไตล์ในเกมเดียว ตั้งแต่อยู่ต่ำสุดในระนาบเดียวกับเซ็นเตอร์แบ็กแล้วจ่ายบอลยาวในสไตล์ปิร์โล่
4
ฉีกซ้ายฉีกขวาไปเล่นริมเส้น ลงไปช่วยตัดบอล รวมถึงเรียกฟาวล์จากคู่แข่งได้มากที่สุด 4 ครั้ง ยังไม่นับสถิติการเพรสซิ่งบีบจนนักเตะโมร็อกโกเล่นยาก (69 ครั้ง) มากที่สุดในเกมนี้อีกด้วย
2
จบเกมกรีซมันน์ได้รางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ แม้จะยิงและแอสซิสต์ไม่ได้เลยก็ตาม อิทธิพลของเขามันมากจริงๆ
5
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส กล่าวสดุดีว่า "ชื่อเสียงของกรีซมันน์โดนลดคุณค่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา บาร์เซโลน่าไม่อยากได้เขา ส่วนแอตเลติโก้ มาดริด ก็ไม่อยากจ่ายค่าตัวแพงๆ แต่ในบอลโลกครั้งนี้ เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริง และนี่คือผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในทีมของดิดิเยร์ เดส์ชองส์"
1
ขณะที่พอล ป็อกบา ที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ ได้ลงสตอรี่ แล้วเขียนคำว่า “GriezmannKante” เป็นการบอกว่า เฮ้ย กรีซมันน์จริงๆ เหรอเนี่ยะ คุณเล่นอยู่ทุกพื้นที่ในสนามยังกับก็องเต้ไม่มีผิด
4
เท่ากับว่า กลยุทธ์ "กรีซมันน์ 0 ประตู" ของเดส์ชองส์ มันได้ผลดีมากจริงๆ การมีอยู่ของกรีซมันน์ในตำแหน่งเบอร์ 8 ทำให้ตัวรุกเล่นง่ายขึ้น ส่วนเกมรับก็ยังคงสมดุล เพราะกรีซมันน์ไม่ใช่แค่รอบอล แต่วิ่งไล่ ช่วยแย่ง ทำงานหนักทุกอย่างที่จะทำได้ นอกจากนั้น ความเป็นซีเนียร์ของเขา ยังประคองน้องๆ อย่างชูอาเมนี่ และ ราบิโอต์ รวมถึงโฟฟาน่า ให้เล่นดีไปพร้อมๆ กันด้วย
ในที่สุดฝรั่งเศสก็ฝ่าฟันมาถึงนัดชิง จุดอ่อนที่หลายคนคิดก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มว่า ไม่มีป็อกบา - ก็องเต้ ทีมตราไก่เสร็จแน่ แต่เดส์ชองส์ ก็ได้ปลดปล่อยสูตรใหม่ ชูอาเมนี่ - ราบิโอต์ - กรีซมันน์ สร้างแผงกองกลางที่มีคุณภาพไม่แพ้ ปี 2018 ขึ้นมาได้
2
ถ้าฝรั่งเศสได้แชมป์โลกครั้งนี้จริงๆ เดส์ชองส์จะได้รับคำสรรเสริญมหาศาลยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะขนาดตัวเจ็บแบบนี้ เขายังครีเอตแผน จนทีมทะลุเข้าชิงได้
1
นี่เป็นกรณีศึกษาที่ดีว่า ถ้าคุณเข้าใจทีม และเข้าใจศักยภาพผู้เล่นที่มีอย่างลึกซึ้ง มันสามารถพลิกแพลงได้ทุกอย่าง
สำหรับตัวกรีซมันน์ เขาอาจจบฟุตบอลโลกครั้งนี้ โดยยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว แต่เชื่อว่าเขาอาจจะไม่แคร์นัก ถ้าหากสุดท้ายฝรั่งเศสได้แชมป์โลกสมัยที่ 3 จริงๆ
1
ในนัดชิงชนะเลิศวันอาทิตย์นี้ อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส มีความสมน้ำสมเนื้อกันมาก เป็นคู่ชิงที่สุดยอดมากๆ
1
จริงอยู่ว่าคนทั้งโลก จะพูดถึงการปะทะกันของ เมสซี่ vs เอ็มบัปเป้ ซึ่งก็ควรจะเป็นแบบนั้น
3
แต่บางทีจุดชี้ขาดของนัดนี้อาจจะอยู่ที่ "ผู้เล่นคนอื่น" ก็ได้ ในเมื่อฝรั่งเศสมีกรีซมันน์ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระจากเอ็มบัปเป้ ทางอาร์เจนติน่าก็ต้องทำให้มั่นใจว่า ถ้าเมสซี่โดนปิดตาย คนอื่นๆ ในทีม จะสามารถก้าวขึ้นมาส่องแสงได้ดีพอ
1
ฟุตบอลโลกนัดชิง ดูเผินๆ เหมือนเทพนิยายจะเขียนสคริปต์มาให้เมสซี่เป็นแชมป์โลก แต่ถ้าเขาจะทำแบบนั้นได้ ต้องผ่านฝรั่งเศสและกรีซมันน์ไปให้ได้ก่อน
และใครจะรู้ บางทีกรีซมันน์อาจจะเก็บท่าดีใจ Hotline Bling และ Fortnite Dance อันลือลั่น เอามาใช้กับนัดชิงชนะเลิศก็เป็นได้
7
#GRIZOUTOFINAL
โฆษณา