17 ธ.ค. 2022 เวลา 23:30 • กีฬา
เมสซี่จะแซงหน้ามาราโดน่า ในการเป็น "นักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาล" ได้หรือไม่ ทุกอย่างวัดกันที่คืนนี้
2
เมื่อเราพูดถึงนักเตะที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาลในโลกฟุตบอล 2 ชื่อที่จะโผล่เข้ามาอยู่ในห้วงความคิดเสมอคือ เปเล่ กับ ดีเอโก้ มาราโดน่า
1
เปเล่ได้รับการยอมรับ ในฐานะคนเดียวในโลกใบนี้ ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสามสมัย (1958, 1962 และ 1970) เปเล่ลงเล่นบอลโลก 4 สมัย คว้าแชมป์ไปแล้วซะ 3 หน จะมีใครที่ไหนอัจฉริยะได้ขนาดนั้น
1
ส่วนอีกคน ที่สูสีบี้กันมาเลย คือมาราโดน่า เขา "แบก" อาร์เจนติน่าด้วยตัวคนเดียว คว้าแชมป์โลกในปี 1986 และพานาโปลี ที่ไม่เคยได้แชมป์เซเรียอามาก่อนตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร ได้แชมป์ถึง 2 สมัย (1988 และ 1990)
การดีเบทว่าใครคืออันดับหนึ่งตลอดกาล จึงเป็นการสู้กันระหว่างสองคนนี้ บางคนบอกว่าต้องเปเล่สิ แชมป์โลก 3 สมัย ใครจะไปทำได้ แต่บางคนก็บอกว่าต้องมาราโดน่าสิ เพราะพิสูจน์ตัวเองทั้งทีมชาติและสโมสร
ทั้งคู่แขวนสตั๊ดมานานแล้ว และมีนักเตะหน้าใหม่กำเนิดขึ้นมา คนแล้วคนเล่า ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้, โรนัลดินโญ่, ชาบี - อิเนียสต้า แต่พวกเขาเหล่านั้น ไม่อาจถูกเรียกว่า G.O.A.T. (the greatest of all time) คือเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมนะ แต่ไม่ถึงกับดีที่สุด
จนมาถึงลีโอเนล เมสซี่
เมสซี่ สร้างปรากฏการณ์ ในโลกฟุตบอลด้วยการคว้าทุกแชมป์ที่มีระดับสโมสร เขาได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, แชมป์ลาลีกา, แชมป์ลีกเอิง, แชมป์สโมสรโลก ฯลฯ
ไม่ใช่แค่พาทีมได้แชมป์ แต่ผลงานส่วนตัวก็มหัศจรรย์มาก เขาได้บัลลงดอร์ 7 ครั้ง , ได้รางวัลรองเท้าทองคำ ที่มอบให้คนยิงประตูมากที่สุดในรอบปี ถึง 6 ครั้ง และมีปีหนึ่ง เขายิงได้ 91 ลูกในปีปฏิทินเดียว
ไม่ใช่แค่สถิติเท่านั้น แต่ด้วยสไตล์การเล่นนั้น เมสซี่สามารถเล่นได้ทุกรูปแบบที่คุณจะนึกออก เขาใช้ความเร็วกระชากแบบปีกก็ทำได้, เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า, เล่น False 9 ,เล่นแบบ Post Player ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีส่วนสูงเพียง 170 ซม. จะเล่นได้ครบเครื่องขนาดนั้น
1
ยิงได้ จ่ายดี เลี้ยงบอลคล่องแคล่ว นี่เป็นอัจฉริยะที่ฟ้าประทานแน่นอน
นอกจากนั้นยังแข็งแกร่ง เจ็บยากมาก อย่างโรนัลโด้ R9 อาจจะมีพรสวรรค์ในระดับเดียวกับเมสซี่ แต่โรนัลโด้เล่นพีกๆ ได้แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ก็เจออาการเจ็บบ่อย แต่เมสซี่นั้นยืนระยะแบบนั้นซ้ำๆ หลายปีติดกัน
6
ไม่แปลกใจที่เมสซี่ จึงถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับ มาราโดน่า กับ เปเล่ และมีการถกเถียงว่า เมสซี่ได้แชมป์ขนาดนี้ ยิงเยอะขนาดนี้ เขาแซงหน้าทั้งมาราโดน่า กับ เปเล่ เป็น G.O.A.T. ของกีฬาฟุตบอลได้หรือยัง?
2
และคำตอบคือ "ยัง" สาเหตุเรียบง่ายมาก เพราะเมสซี่ยังไม่สามารถพาอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกได้นั่นเอง
ฟุตบอลโลกคือ Pinnacle เป็นจุดสูงสุดของกีฬาฟุตบอล ถ้าคุณคือคนเก่งที่สุด คุณต้องพาประเทศของตัวเองได้แชมป์โลก ดังนั้นเมื่อเมสซี่ยังทำไม่ได้ เขาก็จะอยู่เลเวลเดียวกับมาราโดน่า และ เปเล่ นี่แหละ ยังไม่สามารถแซงหน้าได้เสียที
1
------------------
เมสซี่นั้นเหมือนโดนอาถรรพ์กับเกมทีมชาติ เพราะเขาพยายามแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเป็นแชมป์ได้ แม้แต่ในช่วงที่ตัวเองพีกที่สุด และมีนักเตะรายล้อมระดับโลกเยอะมากมาย ก็ยังชนะไม่ได้
แต่ถามว่าจริงๆ เป็นอาถรรพ์ไหม? ก็คงไม่ใช่ เพราะโค้ชทีมชาติ 3 คนอธิบายว่า ที่อาร์เจนติน่าไม่ประสบความสำเร็จ มีเหตุผลเดียวเท่านั้น คือเมสซี่เล่นเพื่อทีมมากเกินไป
อเลฮันโดร ซาเบย่า โค้ชอาร์เจนติน่าชุดรองแชมป์โลกปี 2014 กล่าวว่า "ลีโอเนลให้ความสำคัญกับทีมมากกว่าตัวบุคคล เขายินดีเสียสละตัวเองเพื่อส่วนรวม"
ฟังดูดีก็จริง แต่การคิดถึงส่วนรวม อีกมุมคือการกดความสามารถที่มีเอาไว้ บังคับไม่ให้ตัวเองเป็นดาวเด่น แต่พยายามทำให้เพื่อนร่วมทีม ที่มีดีกรีระดับโลกเช่นกัน เฉิดฉายมากที่สุด เช่นกุน อเกวโร่, คาร์ลอส เตเวซ, กอนซาโล่ อิกวาอิน หรือ เอเซกีล ลาเวซซี่
1
ความจิตใจดีมันก็มีประโยชน์ เขาอาจจะถูกเพื่อนๆ รักก็จริง แต่มันไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีนักของอาร์เจนติน่า คุณมีผู้เล่นเก่งที่สุดในทีม แต่กลับไม่ยึดเขาเป็นศูนย์กลาง มันทำให้อาร์เจนติน่าไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที
คนที่ผิดหวังในคาแรคเตอร์ที่ Soft เกินไปของเมสซี่ คือดีเอโก้ มาราโดน่า ที่เคยเป็นเฮดโค้ชอาร์เจนติน่าในบอลโลก 2010 เขากล่าวว่า "เมสซี่เป็นคนเก่งก็จริง แต่เขาขาดบุคลิกภาพ"
ความหมายของมาราโดน่าคือ ในปี 1986 อาร์เจนติน่าเล่นฟุตบอลโดยทุกคนในทีมต้องเล่นโดยยึดมาราโดน่าเป็นศูนย์กลาง และมาราโดน่าก็ยินดีให้ทีมทำแบบนั้น เพราะเขาเก่งที่สุด ไม่แปลกไม่ใช่หรือ ที่ผู้เล่นอีก 10 คนที่เหลือต้องช่วยกันทำให้คนเก่งที่สุดให้ส่องแสงมากที่สุด และสุดท้ายอาร์เจนติน่าก็ได้แชมป์โลกจริงๆ
1
แต่เมสซี่ไม่ใช่แบบนั้น เขาไม่ได้มีอีโก้ที่แรงกล้าพอที่จะทำ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ซาเบย่า หรือ มาราโดน่าที่คิด แต่ฮอร์เก้ ซัมเปาลี โค้ชอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลก 2018 ก็พูดแบบเดียวกัน
ซัมเปาลีบอกว่า "นักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าคือสิ่งที่บดบังความปราดเปรื่องของลีโอเอาไว้" แปลว่า การที่เมสซี่ต้องคอยช่วยเหลือคนอื่นๆ ในทีมเกินไป มันลดทอนความอันตรายของเขาลงไปหมดเลย
1
ถ้าหากเมสซี่ยังอยู่ในทีม และไม่ยอมเล่นบอลโดยยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง อาร์เจนติน่าก็ไม่สามารถใช้ศักยภาพของเขาที่มีทั้งหมดออกมาได้
เมสซี่เล่นทีมชาติมา 16 ปี ไม่เคยได้แชมป์อะไรเลยแม้แต่รายการเดียว (ไม่นับเหรียญทองโอลิมปิกที่ใช้ทีม u-23)
1
เมสซี่ แพ้โคปาอเมริกานัดชิง 3 ครั้ง (2007,2015,2016) และ แพ้นัดชิงบอลโลก 1 ครั้ง (2014) เขาเจอความเจ็บซ้ำๆ จนถึงขั้นขอรีไทร์จากทีมชาติมาแล้ว แต่สุดท้ายก็รวมกำลังใจแล้วกลับมาเล่นใหม่อีกรอบ หลังจากลีโอเนล สกาโลนี่ ขอร้องให้กลับมาช่วยทีมชาติอีกครั้ง
1
------------------
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอาร์เจนติน่า และเมสซี่ เกิดขึ้นในปี 2018 เมื่อฮอร์เก้ ซัมเปาลีอำลาทีมไป และลีโอเนล สกาโลนี่ อดีตแข้งทีมชาติ ที่เป็นผู้ช่วยซัมเปาลี ขึ้นมารับตำแหน่งเป็นเฮดโค้ชคนใหม่
2
สกาโลนี่ ไม่ใช่ชอยส์แรกๆ ที่สื่อมวลชนอยากได้ด้วยซ้ำ เพราะตัวท็อปจริงๆ คือเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่มากกว่า จุดด้อยของสกาโลนี่ ที่ถูกวิจารณ์คือเขาไม่มีประสบการณ์คุมสโมสร หรือ คุมอะไรมาก่อนเลย งานแรกที่คุมก็โป้ง มารับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติเลย
3
อย่างไรก็ตาม มี 2 อย่างที่สกาโลนี่ ตั้งใจจะทำ และมันเปลี่ยนโฉมหน้าของอาร์เจนติน่าอย่างสิ้นเชิง
1
อย่างแรกคือ ให้เมสซี่เป็นจุดศูนย์กลางอย่างแท้จริง
ไอเดียของสกาโลนี่คือ เมสซี่ ไม่จำเป็นต้องลงไปไล่บอล ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมรับ เขาสามารถเก็บพลังเอาไว้ได้ เพื่อใช้เล่นในเกมรุก และนักเตะอีก 10 คนในสนาม จะเล่นเพื่อเขา จะสู้เพื่อเขา
7
นี่เป็นไอเดียที่โค้ชคนอื่นไม่กล้าทำ เพราะมันขัดกับนิสัยของเมสซี่ ที่ทีมมาก่อนเสมอ โค้ชบางคนก็กลัวว่าถ้าให้ความสำคัญกับเมสซี่ขนาดนั้น แล้วสตาร์คนอื่นจะคิดยังไง
3
แต่ในมุมของสกาโลนี่ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง มันคือหนทางดีที่สุดที่อาร์เจนติน่าจะชนะ
นั่นคือเหตุผลที่ตั้งแต่สกาโลนี่มาคุม เมสซี่ วิ่งน้อยมาก และมีส่วนร่วมกับเกมรับน้อย เหมือนที่หลุยส์ ฟาน กัล พูดว่า "เมสซี่คือผู้เล่นที่อันตรายที่สุดและมีความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง สร้างโอกาสให้เพื่อนหรือยิงเองก็ได้ แต่ในอีกมุมกลับกัน เวลาคู่แข่งได้บอล เขาไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับทีมมากนัก และจุดนี้เอง ที่จะสร้างโอกาสให้กับเรา"
เช่นเดียวกับ ซลัตโก้ ดาลิช โค้ชโครเอเชียก็พูดคล้ายกันว่า "เมสซี่วิ่งไม่ค่อยมากนัก และไม่ค่อยวิ่งไล่บอล เขารอคอยโอกาส โดยเก็บพลังงานของตัวเองไว้ เราต้องระวังจุดนี้ให้ดี"
2
เราไม่รู้ว่าเมสซี่ชอบไหม แต่เมสซี่ก็เล่นตามแผนของสกาโลนี่
สกาโลนี่อธิบายว่า "ลีโอเห็นฟุตบอลจากมุมที่แตกต่างจากนักเตะคนอื่นทั้งหมด" ดังนั้นเมสซี่จึงได้รับอิสระเต็มรูปแบบ เขาจะวิ่งไปไหนก็ได้ เล่นเกมรับก็ได้ ไม่เล่นก็ได้ เมสซี่สามารถทำอะไรก็ได้
1
นั่นคือสิ่งแรกที่สกาโลนี่เข้ามาเปลี่ยน จากนั้นก็นำมาสู่สิ่งที่ 2 นั่นคือ การสร้างบรรยากาศความเป็นพี่เป็นน้องในแคมป์ทีมชาติ
5
อาร์เจนติน่ายุคที่ผ่านมา ไม่มีฟีลลิ่งของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีคำเปรียบเทียบว่า "โค้ชแค่ไปหยิบเอาเพชรเม็ดงามของแต่ละสโมสรมารวมกัน" แค่นั้น กาเบรียล บาติสตูต้า กับ เอร์นัน เครสโป อีโก้จัดทั้งคู่ ไม่ได้มีฟีลลิ่งพี่น้องกันแน่ๆ
2
สกาโลนี่เมื่อเข้ามา เขาโละผู้เล่นที่มีอายุเยอะ ที่น่าจะมีอีโก้สูงๆ เช่นฮาเวียร์ มาสเคราโน่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, เอแวร์ บาเนก้า และ มาร์กอส โรโฮ ออกไป แล้วเติมสายเลือดใหม่ อย่างเลาตาโร่ มาร์ติเนซ, โรดริโก้ เดอ ปอล, ลีอันโดร ปาเรเดส และ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซเข้ามา
2
ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Environment of Brotherhood คือลองคิดว่า ถ้าคุณเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน มันจะไม่มีอีโก้ใส่กัน เพราะยังไงคุณก็เป็นพี่น้องกัน
2
สกาโลนี่ต้องการบรรยากาศทีมแบบนั้น เขาอยากให้รุ่นน้องในทีมยอมวิ่งเพื่อเมสซี่ โดยไม่ตะขิดตะขวงใจว่าทำไม 10 คน ต้องมาแบกให้คนเดียว แต่อยากให้เข้าใจว่า นี่คือกลยุทธ์ในการพาอาร์เจนติน่าไปสู่ชัยชนะ
1
เขาต้องการลดบรรยากาศของการแข่งขันกันเองลง แล้วเพิ่มความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความเป็นพี่น้องระหว่างกันมากขึ้น ส่วนการเลือกตัวผู้เล่นมาติดทีมชาติ ก็เน้นผู้เล่นที่ส่งเสริมสปิริตของทีมไว้ก่อน
2
การเปลี่ยนแปลง 2 อย่างสำคัญ สิ่งที่ตอบแทนกลับมาคือ อาร์เจนติน่าเล่นดีขึ้น
ในโคปาอเมริกา 2021 เมสซี่ในวัย 34 ปี พาอาร์เจนติน่าได้แชมป์อย่างพลิกความคาดหมาย เพราะในนัดชิงเล่นที่บ้านบราซิลคู่ปรับตลอดกาลด้วยซ้ำ
3
ไม่ใช่แค่ได้แชมป์ แต่เมสซี่สร้างสถิติสุดยอดขึ้นมาหลายอย่างเช่น
- ดาวซัลโว (4 ลูก)
- ดาวแอสซิสต์ (5 ลูก)
- อันดับ 1 จ่ายคีย์พาส (22 ครั้ง)
- อันดับ 1 เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง (33 ครั้ง)
- อันดับ 1 สร้างโอกาสไปสู่การจบสกอร์ (46 ครั้ง)
3
จากนั้นอาร์เจนติน่าก็คว้าแชมป์ The Finalissima โดยถล่มอิตาลี 3-0 คือในช่วงเวลาหนึ่งปี จากที่เมสซี่ไม่เคยได้แชมป์ระดับประเทศเลย อยู่ๆ โป้งเดียวได้มา 2 โทรฟี่ กลายเป็นทีมที่ฟอร์มดีอย่างผิดหูผิดตามาก
2
ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจที่กลยุทธ์ของอาร์เจนติน่าจะเป็นแบบนี้เสมอมา จากโคปาอเมริกาจนถึงฟุตบอลโลก นั่นคือทุกคนเล่นเพื่อเมสซี่ ไม่ใช่ว่าบารมีของเมสซี่ทำให้เพื่อนๆ ต้องทำแบบนั้น แต่มันคือกลยุทธ์ที่ถูกต้องที่สุด ที่สกาโลนี่มองว่าจะทำให้อาร์เจนติน่าเป็นแชมป์โลกได้
2
ในคืนวันอาทิตย์นี้ จะเป็นเกมฟุตบอลโลกนัดสุดท้ายของลีโอเนล เมสซี่ และจะเป็นโอกาสเดียวของเขา ที่จะคว้าแชมป์โลก
1
ถ้าเมสซี่ทำได้ อาร์เจนติน่าที่ร้างแชมป์โลกมา 36 ปี ก็จะปลดล็อกได้เสียที ทีมฟ้าขาวจะได้ ดาว "ดวงที่ 3" ประดับหน้าอก หลังจากรอคอยมานานเหลือเกิน
และแน่นอนว่า ถ้าได้แชมป์โลกแล้ว เมสซี่จะขึ้นไปอยู่ในเลเวลสูงสุดของโลกฟุตบอลอย่างไม่มีข้อสงสัย เขาสามารถขึ้นชั้นไปเทียบเคียง หรือ อาจจะเหนือกว่า ทั้งดีเอโก้ มาราโดน่า และ เปเล่ ได้เลย
3
ความฝันของเมสซี่และชาวอาร์เจนติน่าจะเป็นจริงหรือไม่ ด่านสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุด แชมป์โลกฝรั่งเศส ทีมที่มีอัจฉริยะแห่งยุคอย่างคีลียัน เอ็มบัปเป้ จะเป็นคนให้คำตอบ
1
บทสรุปจะจบแบบสวยงามตามสคริปต์ แชมป์อันยิ่งใหญ่ในเกมสุดท้าย
หรือจะเจ็บปวดอย่างสาหัส หวังมากก็เจ็บมาก
นี่เป็นเกมนัดชิงชนะเลิศแห่งชีวิตของลีโอเนล เมสซี่ของจริง ไม่มีเกมไหนจะสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว
3
#LASTDANCE
โฆษณา