นี่คือนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่น่าจะตื่นเต้นที่สุด มันคาดเดาไม่ได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กับคำถามสุดท้ายคือ อาร์เจนติน่า หรือ ฝรั่งเศส ใครจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ได้ก่อนกัน
นี่คือ 33 ข้อที่ผมรวมมาให้ก่อนเกม มีหลายๆ มุมที่ผมว่าน่าสนใจดีนะครับ ไปอ่านกันเลยครับผม
1) นักเตะคนเดียวในโลก ที่ได้แชมป์โลก 2 สมัย ในวัยไม่ถึง 24 ปีคือ "เปเล่" ถ้าหากคีลียัน เอ็มบัปเป้ สามารถคว้าแชมป์ได้ในคืนนี้ (23 ปี 363 วัน) เขาจะกลายเป็นคนที่สองที่ทำได้ทันที นี่เป็นเกียรติประวัติที่ทำได้ยากจริงๆ
2) เอ็มบัปเป้ และ ลีโอเนล เมสซี่ ต่างใส่เบอร์ 10 ให้ทีมชาติของตัวเองทั้งคู่ แต่ในสโมสรเปแอสเชนั้น ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เบอร์ 10 เมสซี่ใส่เบอร์ 30 ส่วนเอ็มบัปเป้ใส่เบอร์ 7 โดยเจ้าของหมายเลข 10 คือเนย์มาร์
3) เอ็มบัปเป้ คือนักเตะเปแอสเช คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้เล่นนัดชิงฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกัน นี่อาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่เปแอสเชต้องการรั้งเอ็มบัปเป้ทุกวิถีทาง เพราะเขาคือโลโก้ของทีมชาติ เป็นความภูมิใจของชาวเมืองและคนในประเทศ ยังไงก็ยอมเสียไปไม่ได้
4) นี่เป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสไม่ได้จัด "แฟนโซน" สำหรับดูบอล คือปกติรัฐบาลจะตั้งทีวีจอยักษ์บริเวณหอไอเฟล เพื่อให้แฟนบอลออกจากบ้านมาดูกัน เหตุผลหลักคือ อากาศที่ฝรั่งเศสตอนนี้หนาวมาก บางวันอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียส หนาวเกินกว่าจะมีกิจกรรมใดๆ ส่วนเหตุผลรองเชื่อว่า เป็นการแสดงจุดยืนของรัฐบาลที่ไม่สนับสนุนกาตาร์เรื่องคอร์รัปชั่น ทำให้การดูบอลของชาวฝรั่งเศสถ้าไม่ดูอยู่บ้าน ก็อัดแน่นกันในผับ จะต่างจากที่อาร์เจนติน่า ที่จะมีแฟนโซนให้ดูบอลกลางแจ้งหลายจุดในประเทศ
5) บุคลิกของดิดิเยร์ เดสชองส์ เหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่กล้องถ่ายทอดสดบันทึกไว้ว่า เขาเป็นคนพูดด่านักเตะตลอดเวลา มี Passion ของการคุมทีมเต็มที่ เขาด่าได้โดยไม่สนใจว่านักเตะจะเป็นสตาร์มาจากไหน เขาด่าเอ็มบัปเป้ตอนจ่ายบอลพลาดในเกมกับโปแลนด์ด้วยคำว่า "Oh putain" หรือเหี้ยเอ๊ย และ "mes couil" ที่แปลว่า ลูกกะโปกกูนี่ ฟีลจะต่างกับลีโอเนล สกาโลนี่ โค้ชอาร์เจนติน่าจะไม่ด่าลูกทีมแรงๆ แบบนั้น
6) ทีเด็ดที่สุดของเดส์ชองส์ในทัวร์นาเมนต์นี้ ที่สื่อฝรั่งเศสชม คือในเกมเจออังกฤษ ระหว่างที่เสมอกันอยู่ 1-1 เกมรุกของฝรั่งเศสตื้อไปเลย เดส์ชองส์จึงตะโกนบอกสตาฟฟ์ว่า "เรียกมาร์คัสมา!" มาร์คัส ตูราม เตรียมจะเปลี่ยนลงแทนชิรูด์อยู่แล้ว
แต่ก็มีจังหวะที่โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ได้โหม่งเต็มๆ แล้วจอร์แดน พิคฟอร์ดเซฟได้ เดส์ชองส์พูดขึ้นมาว่า "แม่งเอ๊ย มันเซฟได้! เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ หยุดๆ ห่าเอ๊ยอย่าเพิ่งเปลี่ยนตัวนะ ใช้ผู้เล่นชุดเดิมลุยต่อ" เดส์ชองส์บอกกีย์ สเตฟาน ผู้ช่วยโค้ชให้หยุดการเปลี่ยนตัวทันที และอีก 45 วินาทีต่อมา ชิรูด์ก็โหม่งให้ฝรั่งเศสขึ้นนำ 2-1 และเกมนั้นก็จบลงโดยตูรามไม่ได้เล่นเลย การแทรกแซงฉับพลันแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าคุณ "เข้าใจ" ในโมเมนตั้มของเกมอย่างแท้จริง
7) ในบรรดาโค้ชทั้งหมด 32 คน ในบอลโลกครั้งนี้ ลีโอเนล สกาโลนี่ จากอาร์เจนติน่ามีอายุน้อยที่สุดคือ 41 ปี และไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมอะไรมาก่อนเลย แม้แต่ทีมเดียว ส่วนโค้ชอายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ที่เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลก คือมาริโอ ซากัลโล่ (บราซิล 1970) ได้แชมป์ตอนอายุ 38 ปีเท่านั้น
8) นี่คือการดวลกันของ 2 ทีมที่ได้แชมป์โลกสองสมัย และใครชนะจะได้เป็นแชมป์โลกสมัย 3 ต่อจาก บราซิล, อิตาลี และ เยอรมัน นอกจากนั้นจะได้ "ติดดาว" บนหน้าอกเสื้ออีกด้วย ดาว 3 ดวง ที่ใฝ่ฝัน จะเป็นอาร์เจนติน่า หรือ ฝรั่งเศสจะได้รู้กันคืนนี้
9) ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก ไม่เคยมี "คนชูถ้วยแชมป์" หน้าซ้ำมาก่อน อย่างบราซิล 1994 คนชูถ้วยคือดุงก้า แต่พอปี 2002 ก็เป็นคาฟู แต่ถ้าฝรั่งเศสได้แชมป์ล่ะก็ คนชูถ้วยแชมป์จะเป็นอูโก้ โยริส ซึ่งเป็น "คนหน้าซ้ำ" ครั้งแรก
10) นอกจากจะเป็นการสู้กันของทีมฟุตบอลแล้ว นัดนี้เป็นการสู้กันของแบรนด์ด้วย โดยผู้ผลิตเสื้อทีมชาติอาร์เจนติน่าคือ อาดิดาส ส่วนผู้ผลิตของฝรั่งเศสคือ ไนกี้ ก็แน่นอนว่า ถ้าใครชนะ Store ทั่วโลก ก็จะจัดร้านเชิดชูทีมแชมป์ของตัวเอง และส่งผลให้ยอดขายยิ่งกว่าถล่มทลายอีก เพราะอย่าลืมว่า เสื้อแข่งที่ได้ดาวสามดวง มันน่าซื้อจะตาย
11) นักเตะเพียงคนเดียวของอาร์เจนติน่า ที่มีประสบการณ์ในนัดชิง ฟุตบอลโลก คือเมสซี่ (บอลโลก 2014) ส่วนฝรั่งเศส นักเตะในทีมชุดนี้ที่มีประสบการณ์ลงนัดชิง มีทั้งหมด 7 คน (บอลโลก 2018) ได้แก่ โยริส, เบนจาแม็ง ปาวาร์, ราฟาแอล วาราน, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, เอ็มบัปเป้, ชิรูด์ และ อ็องตวน กรีซมันน์ โดยใน 7 คนนี้ สามารถลงสนามคืนนี้ได้ 6 คน เพราะแอร์กน็องเดซ เจ็บยาวลงเล่นไม่ได้แล้ว
12) นอกจากจะแย่งแชมป์โลกกันแล้ว นัดนี้ เมสซี่ กับ เอ็มบัปเป้ จะแย่งกันเป็นดาวซัลโวด้วย เพราะทั้งคู่ยิงได้ 5 ลูกเท่ากัน โดยมีชูเลียน อัลวาเรซ กับ ชิรูด์ ที่ยิงได้ 4 ลูก สามารถแอบสอดแทรกได้ โดยถ้าสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครยิงได้เพิ่ม วิธีการตัดสินว่าใครจะได้รางวัลรองเท้าทองคำ คือนับว่าใครแอสซิสต์มากกว่า ซึ่งตอนนี้เมสซี่แอสซิสต์ไปแล้ว 3 ครั้ง ส่วนเอ็มบัปเป้ 2 ครั้ง
13) ตั้งแต่บอลโลกก่อตั้ง มีนักเตะอาร์เจนติน่าสองคน ที่ได้เป็นดาวซัลโว คือ กีเยอร์โม่ สตาบิเล่ (1930) กับ มาริโอ เคมเปส (1978) ส่วน ฝรั่งเศสมีแค่คนเดียวคือ ชุส ฟงแตง (1958)
14) ในรอบ 48 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีนักเตะคนไหนยิงประตูได้มากกว่า 7 ลูกในฟุตบอลโลก ยกเว้นเพียงแค่คนเดียวคือ "โรนัลโด้" กองหน้าชาวบราซิลที่ทำได้ในปี 2002 ด้วยจำนวน 8 ลูก และที่สำคัญทั้ง 8 ลูก ไม่มีจุดโทษแม้แต่ลูกเดียว คือในบอลโลกครั้งนั้น บราซิลได้จุดโทษ 2 ครั้ง แต่เป็นคนอื่นที่ยิง (ริวัลโด้ 1 ลูก, โรนัลดินโญ่ 1 ลูก) คือถ้าโรนัลโด้รับเหมาเองหมด เราอาจได้เห็นการยิงถึง 10 เม็ดก็ได้
15) นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก เปลี่ยนมาใช้ระบบ 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม สถิติที่น่าสนใจคือ ทีมแชมป์โลก มักจะมาจากกลุ่ม C มากที่สุด แบบ 50%-50% กันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรืออะไร
1998 - แชมป์กลุ่ม C ฝรั่งเศส
2002 - แชมป์กลุ่ม C บราซิล
2006 - แชมป์กลุ่ม E อิตาลี
2010 - แชมป์กลุ่ม H สเปน
2014 - แชมป์กลุ่ม G เยอรมัน
2018 - แชมป์กลุ่ม C ฝรั่งเศส
ส่วนในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ อาร์เจนติน่าอยู่กลุ่ม C ส่วนฝรั่งเศสอยู่กลุ่ม D
16) ทุกครั้งที่ฝรั่งเศสได้แชมป์โลก ในรอบแบ่งกลุ่มจะต้องมีทีมชาติเดนมาร์กอยู่ด้วยเสมอ ในฟรองซ์ 98 ฝรั่งเศสอยู่กลุ่ม C ร่วมกับ เดนมาร์ก, แอฟริกาใต้, ซาอุดิอาระเบีย ส่วนในบอลโลกคราวที่แล้วที่รัสเซีย ฝรั่งเศสอยู่กลุ่ม C ร่วมกับ เดนมาร์ก, เปรู, ออสเตรเลีย ขณะที่บอลโลกคราวนี้ 2022 ฝรั่งเศสอยู่ร่วมกลุ่มกับ เดนมาร์ก, ตูนิเซีย, ออสเตรเลีย ถ้าคิดตามไสยศาสตร์ก็เหมือนชักจูงให้เดนมาร์กมาอีกแล้ว แต่บางทีอาจจะแค่บังเอิญก็ได้
17) มีรายงานว่า ถ้าหากคู่ชิงชนะเลิศไม่ใช่อาร์เจนติน่าหรือฝรั่งเศส ผู้ตัดสินจะเป็นแอนโทนี่ เทย์เลอร์ จากอังกฤษ แต่ที่ต้องเปลี่ยนเพราะมี Conflict เยอะเกินไป กับอาร์เจนติน่าก็มีประเด็นหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ และแฮนด์ ออฟ ก็อด ส่วนกับฝรั่งเศสก็เป็นทีมที่เขี่ยอังกฤษตกรอบ ดังนั้นผู้ตัดสินในเกมนี้ ฟีฟ่าจึงใช้ ไซม่อน มาซิเนียค จากโปแลนด์ ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับทั้งสองชาติแทน
ยังไงโปแลนด์ในบอลโลกครั้งนี้ก็แพ้ทั้งอาร์เจนติน่า และ ฝรั่งเศสมาทั้งคู่ อาจจะไม่มีประเด็นอะไรมาก นอกจากนั้นมาซิเนียคก็ประสบการณ์ใช้ได้เคยเป่าเกมยูฟ่า ซูเปอร์คัพมาแล้ว ไม่ใช่มือโนเนมขนาดนั้น
18) แต่ละประเทศมีการสำรวจว่า เชียร์ใครมากกว่า ซึ่งคำตอบก็กระจายกันไป ที่บราซิล ผลโหวต 62% เชียร์ให้ฝรั่งเศสชนะ เพราะไม่ต้องการเห็นเพื่อนบ้านประสบความสำเร็จเกินหน้าเกินตา เช่นเดียวกับที่เซเนกัล ประชาชน 80% เชียร์ฝรั่งเศสให้ได้แชมป์ ตามด้วยสเปน ผลโหวตจากมาร์ก้า คน 61% อยากให้ฝรั่งเศสได้แชมป์มากกว่า
แต่ฝั่งที่เชียร์อาร์เจนติน่าก็มีไม่น้อย เช่น อิตาลี, ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา ที่มีรายงานว่า มีคนเชียร์ทีมฟ้าขาวให้เป็นแชมป์มากกว่า
19) นักเตะจาก เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ คนแรกที่เข้าถึงฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ คือ ติอาโก้ อัลมาด้า ผู้เล่นทีมชาติอาร์เจนติน่า ของสโมสรแอตแลนต้า ยูไนเต็ด แต่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้ลงเล่นไปแค่ 7 นาทีเท่านั้น (เป็นสำรองเกมชนะโปแลนด์)
20) ถ้าเมสซี่ได้ลงสนามคืนนี้ จะกลายเป็นนักเตะที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากที่สุดตลอดกาล ที่จำนวน 26 นัด แซงหน้าโลธาร์ มัทเธอุส จากเยอรมัน ที่ลงเล่นไป 25 นัดได้สำเร็จ (ซึ่งก็แน่นอนว่าเมสซี่ต้องลงอยู่แล้ว)
21) สภาเมืองบูเอโนสไอเรส จะระงับไม่ให้รถเมล์วิ่งตั้งแต่ 11.30 - 17.30 ในหลายจุดสำคัญ เนื่องจากในเกมที่เจอกับโครเอเชียนัดที่แล้ว พอทีมชาติอาร์เจนติน่าชนะ ผู้คนก็ลงถนน แสดงความดีใจอย่างบ้าคลั่ง จนรถเมล์เสียหายไปมากกว่า 100 คัน ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหานี้ จึงจะไม่มีรถสาธารณะบริการหลายเส้นทาง เพราะจะได้แชมป์ หรือไม่ได้แชมป์ ก็การันตีได้เลยว่า คลื่นประชาชนคงจัดหนักกันสุดๆ แน่ โดยที่อาร์เจนติน่า นัดชิงจะเตะเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
22) ในการซ้อมครั้งสุดท้าย อาร์เจนติน่า ซ้อมด้วยระบบ 5-3-2 โดยคนที่ลงซ้อมได้แก่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, นาฮูเอล โมลิน่า, คริสเตียน โรเมโร่, นิโกลาส์ โอตาเมนดี้, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, มาร์กอส อคุนญ่า, โรดริโก้ เดอ ปอล, เอนโซ่ เฟอร์นันเดซ, อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์, ลีโอเนล เมสซี่ และ ชูเลียน อัลวาเรซ
แต่ระหว่างการซ้อม โค้ชมีการปรับแท็กติกหนึ่งครั้ง คือถอดเอา ลิซานโดร มาร์ติเนซออก แล้วส่งอังเคล ดิ มาเรียลงแทน แล้วปรับเป็น 4-3-3 ดังนั้นสื่อในอาร์เจนติน่าจึงวิเคราะห์ว่า โค้ชสกาโลนี่ กำลังชั่งใจอยู่ ว่าจะเล่น 5-3-2 ป้องกันเอ็มบัปเป้ให้เหนียวแน่นก่อน หรือจะลุย 4-3-3 แลกหมัดไปเลยตั้งแต่ต้นเกม
23) ส่วนในการซ้อมครั้งสุดท้ายของฝรั่งเศส น่าสนใจที่ เดส์ชองส์ ทดลองการยืนคู่กันของ 2 เซ็นเตอร์แบ็ก อิบราฮิม่า โกนาเต้ และ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ไม่รู้ว่าแค่ลอง หรือว่าจะใช้สองคนนี้แทนวารานจริงๆ และอีกจุดหนึ่งคือลองใช้มาร์คัส ตูราม ยืนเป็นตัวจริงแทนโอลิวิเยร์ ชิรูด์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการคอนเฟิร์มว่า เป็นแค่การเทสต์ หรือจะใช้ชุดนี้จริงๆ ในนัดชิงชนะเลิศ
24) ทีมชาติฝรั่งเศสจะมีธรรมเนียมสำคัญคือ ระหว่างการเดินทางด้วยรถบัสจากโรงแรม มาถึงห้องแต่งตัวที่สนามแข่ง จะไม่มีการเปิดเพลงเสียงดัง นี่เป็นหลักการที่ดิดิเยร์ เดสชองส์ใช้มาตลอด แต่ผู้เล่นจะอนุญาตให้ใส่เฮดโฟนได้ คือเข้ามุมฟังเพลง เพื่อตั้งสมาธิของตัวเองก็ทำไป แต่ต้องไม่รบกวนคนอื่น ยูสซุฟ โฟฟาน่า เล่าว่า "ทุกคนจะเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นในห้องแต่งตัว นี่เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ทีมชาติฝรั่งเศสประสบความสำเร็จ"
25) วิลลี่ ซาโยล อดีตฟูลแบ็กของฝรั่งเศส เล่าว่าคีย์แมนที่สำคัญที่สุดของอาร์เจนติน่า นอกเหนือจากเมสซี่คือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ซาโยลกล่าวว่า "เขาเป็นคนที่มาเติมช่องว่างของอาร์เจนติน่า เขามีคาแรคเตอร์ก้าวก้าว พูดเยอะ และมีความเจ้าเล่ห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่อาร์เจนติน่าขาดหายมาตลอด มาร์ติเนซนั้นยอมตายดีกว่ายอมเสียประตู ยิ่งบวกกับทักษะในการเซฟจุดโทษแล้ว เขาจะเป็นตัวจริงแน่นอน 100%"
26) ประธานาธิบดีอัลเบร์โต้ เฟอร์นันเดซ ของอาร์เจนติน่า ยืนยันว่านัดชิงชนะเลิศจะดูฟุตบอลอยู่ที่บ้าน ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส ตั้งใจจะเดินทางมาดูเกมนัดชิงที่กาตาร์
27) สนามนัดชิงชนะเลิศ แข่งขันที่ ลูซาอิล สเตเดี้ยม ความจุ 88,966 ที่นั่ง จุดที่น่าสนใจคือ อาร์เจนติน่าเคยเล่นในสนามนี้มาก่อนแล้วถึง 4 เกม (ซาอุดิอาระเบีย, เม็กซิโก, ฮอลแลนด์, โครเอเชีย) เรียกได้ว่าคุ้นเคยราวกับเป็นสนามเหย้าเลยก็ว่าได้ ส่วนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่บอลโลกเริ่ม ยังไม่เคยเล่นที่ลูซาอิล สเตเดี้ยมมาก่อน นี่เป็นนัดแรก
28) เวลาเที่ยงคืนที่อาร์เจนติน่า (ก่อนนัดชิงจะเตะ 12 ชั่วโมง) สถานีโทรทัศน์ 8 ช่อง จะพร้อมใจกัน "เปิดเพลงชาติอาร์เจนติน่า" เวอร์ชั่นที่นักเตะร่วมกันร้องในสนาม เพื่อเป็นการปลุกใจประชาชนทั้งประเทศ อย่าลืมเชียร์เกมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
29) ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีการแจกจุดโทษทั้งหมด 20 ลูก ทีมที่ได้จุดโทษมากที่สุดคืออาร์เจนติน่า 4 ลูก คนยิงคือเมสซี่ทั้งหมด (เข้า 3 โดนเซฟ 1) ส่วนชาติที่ได้จุดโทษมากที่สุดอันดับรองลงมา คืออังกฤษ, โปรตุเกส กับโปแลนด์ ได้ 2 ลูกเท่ากัน ขณะที่ฝรั่งเศส ยังไม่ได้จุดโทษเลยแม้แต่ครั้งเดียว
30) ถ้าไม่นับบอลโลกนัดชิงคราวที่แล้ว ที่ฝรั่งเศสถล่มโครเอเชีย 4-2 นัดชิงสามครั้งก่อนหน้าน้น สู้กันถึง 120 นาทีทั้งหมด ดังนั้นไม่แปลก ถ้าเกมระหว่างอาร์เจนติน่ากับฝรั่งเศสจะเป็นเกมยาว และอาจลากไปถึงจุดโทษเลยก็ได้
31) ถ้าลากไปถึงจุดโทษ อาร์เจนติน่าอาจได้เปรียบกว่าเล็กน้อย สถิติเผยว่า เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ยังไม่เคยแพ้ในช่วง Penalty Shootouts แม้แต่ครั้งเดียว (แข่ง 2 ชนะ 2) ขณะที่อูโก้ โยริส ของฝรั่งเศส ก็ไม่เคยชนะเลยเหมือนกัน (แข่ง 1 ชนะ 0)
32) หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เลกิ๊ป ใช้คำว่า "pour l'éternité" แปลว่าสู่ความเป็นนิรันดร์ คือถ้าเมสซี่ได้แชมป์โลกเขาก็จะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่ถ้าเอ็มบัปเป้ได้แชมป์ เขาอาจก้าวไปสู่การเป็นนักเตะที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกมากที่สุดก็ได้ในอนาคต
33) ในช่วงพิธีเปิด เจ้าภาพกาตาร์ใช้จองกุก จาก BTS ร้องเพลง Dreamers ส่วนในรอบชิงชนะเลิศ จะใช้นักร้องจากหลายประเทศรวมกัน ได้แก่อินเดีย, ไนจีเรีย, เปอร์โตริโก้, คองโก และ กาตาร์ โดยโชว์จะเริ่มขึ้น 15 นาที ก่อนฟุตบอลจะลงแข่งขัน
เอาล่ะครับ นี่คือเรื่องที่ควรรู้ก่อนบอลโลกนัดชิงจะเริ่มครับผม พูดด้วยความสัตย์จริง ผมตื่นเต้นมากเลย อยากรู้ว่าตอนจบของเรื่องนี้เป็นแบบไหน
จะเป็นตามสคริปต์ที่ลีโอเนล เมสซี่ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้อย่างยิ่งใหญ่ หรือจะ Anti Climax เป็นฝรั่งเศสที่หักอกอาร์เจนติน่า เกม 90 นาทีคาดเดาไม่ได้ และเกมอาจยืดเยื้อไปถึง 120 นาที และจุดโทษก็ได้
นี่คือเกมที่เป็นที่สุดแล้วครับ เพราะฉะนั้น 22.00 น. แฟนฟุตบอลทุกคนนั่งหน้าจอเลยครับ ไม่มีเกมไหนจะใหญ่กว่านี้อีกแล้วครับผม
#BIGGESTGAMEEVER
- 123
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
