20 ธ.ค. 2022 เวลา 04:22 • ข่าว
ครบรอบ 3 ปี ภาพที่มีเสียงออกมา
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาในสังคม
กับวลีเด็ด "มึงมาตบหน้ากูทำไม"
//มีลิงค์คลิปใต้บทความ
มาครับเรามาย้อนอดีตกันสักสามปี
เริ่มเรื่อง
1. ย้อนกลับไปสามปีก่อนหรือก็คือ วันที่ 20 ธันวาคม 2019 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์ ๆ หนึ่งขึ้น เหตุการณ์ที่ว่าก็คือการปะทะกันระหว่างเด็กนักเรียนของโรงเรียนและอาม่าที่มารอรับหลาน
2. ช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาเลิกเรียน ระหว่างที่อาม่านั่งรอหลานอยู่บริเวณโต๊ะ อาม่าก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยแบบค่อนข้างเสียงดังรบกวนผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็น ผู้ปกครองท่านอื่น ครู และ นักเรียน
3. ด้วยความที่ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาสอบ ทำให้มีนักเรียนไปนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก
4. จากนั้นก็มีผู้ปกครองคนหนึ่งบ่นขึ้นมาลอย ๆ ทำนองว่า อาม่าคุยโทรศัพท์เสียงดังและรบกวนคนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ อาม่าที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจและหันไปด่ากราดใส่ผู้ปกครองคนนั้นทันที
1
เด็กนักเรียนจะไม่ทน
5. หลังจากที่อาม่าหันไปด่าผู้ปกครอง ก็มีน้องนักเรียนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาอาม่าและพูดขึ้นว่า "ที่นี่โรงเรียน อย่ามาทำเสียงดัง" อาม่าที่กำลังหัวร้อนอยู่ก็หันมาชี้หน้านักเรียนคนนั้นและพูดขึ้นว่า "นังนี่ด่ากูสาระแน" จากนั้นอาม่าก็ง้างมือตบเข้าใส่หน้าน้องนักเรียนเต็มแรงไป 1 ที
6. นักเรียนที่ถูกตบก็สวนกลับอาม่าอย่ารวดเร็ว ทั้งตบคืน ทั้งจิกหัว พร้อมกับพูดว่า "มึงมาตบหน้ากูทำไม" จนสุดท้ายอาม่าก็ลงไปฟุบกับเก้าอี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่ยืนตรงนั้นจะมาแยกเด็กนักเรียนออกมา
1
เสียงจากชาวเน็ต
7. ชาวเน็ตมองว่าเรื่องตลกร้ายคือเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนยืนดูเหตุการณ์ทุกอย่างตรงนั้นตั้งแต่ต้น จนกระทั่งเด็กนักเรียนถูกตบก็ยังยืนเฉย แต่พอเด็กเอาคืนเจ้าหน้าที่ก็รีบมาดึงเด็กออกอย่างรวดเร็ว
3
8. ถึงแม้จะมีเสียงที่ออกมาต่อว่าเด็กว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงกับผู้ใหญ่ แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็มาแย้งว่าที่เด็กทำคือการป้องกันตัวเพราะโดนอาม่าทำร้ายร่างกายก่อน
จากนั้นไม่นานเรื่องราวนี้ก็ถูกนำไปพูดถึงเป็นประเด็นทางสังคมอย่างกว้างขวาง
บทสรุปของเหตุการณ์
9. นักเรียนที่ตบอาม่าก็ถูกเรียกเข้าไปพูดคุย-ตักเตือน ส่วนอาม่าเหมือนจะไม่โดนอะไร ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีหรืออะไรทั้งสิ้น
10. โรงเรียนออกกฎใหม่ ห้ามบุคคภายนอกเข้ามาภายในเขตของโรงเรียน จบ.
//หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถมาเสริมได้นะครับ
จนถึงขณะนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงถูกหยิบมาพูดถึงและกลายเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายกำแพงอาวุโสอย่างแท้จริง
บางคนก็ใช้เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณของลมหนาวและเทศกาลคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา บวกกับเสียงของเพลง Joy to The World ที่ฟังแล้วจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อ้างอิง
โฆษณา