6 ม.ค. 2023 เวลา 00:00 • ประวัติศาสตร์
ลูกปัดแก้วโมเสก ท่าชนะ สุราษฎร์ธานี
การพลวัตวัฒนธรรมบนคาบสมุทรแห่งสยาม
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้มีการขุดพบลูกปัด ซึ่งแหล่งค้นพบลูกปัดโบราณอยู่ที่พื้นที่ชุมชนโบราณท่าชนะ (บ้านท่าม่วง) หมู่ที่ 7 บ้านท่าม่วง ต.วัง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มจากในปี พ.ศ. 2519 ได้มีการขุดพบลูกปัด ส่วนใหญ่เป็นลูกปัดหิน แต่ก็มีลูกปัดแก้วโมเสก (Mosaic Glass Beads) อยู่ในจำนวนหนึ่งเช่นกัน
บทความ 'หลากลูกปัดในพื้นที่สุราษฎร์ธานี' โดย ศิวะพัฒน์ สวัสดิ์ว่าย สมาชิกชมรมลูกปัดโบราณสุราษฎร์ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๒๙ ตีพิมพ์ในวารสารเมืองโบราณ ปีที่ ๔๕ ฉบับที่ ๒ เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๒ ให้ข้อมูลว่า สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่หนึ่งที่พบเมืองโบราณหลายยุคสมัย เนื่องจากตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าของโลกมาตั้งแต่สมัยโบราณ
‘ …การค้นพบโบราณวัตถุ โบราณสถาน ตลอดจนลูกปัดนานาชนิดกระจายอยู่หลายพื้นที ซึ่งบ่งบอกให้เห็นความสัมพันธ์กับนครรัฐทั้งในโลกตะวันตก เช่น อินเดีย อาหรับ เปอร์เซีย กรีก โรมัน ฯลฯ ไปจนถึงโลกตะวันออกอย่างจีน ในหลายยุคหลายราชวงศ์
เมืองไชยา เมืองเก่าของสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่บนพื้นที่เมืองโบราณหลายยุคสมัย และยังเป็นเมืองท่าการค้า (Port city) ที่สำคัญของเส้นทางการค้าโบราณ ดังปรากฏว่ามีการค้นพบลูกปัด (Beads) มากมายหลายชนิด
ความโดดเด่นของลูกปัดที่ไชยาคือ เป็นลวดลายของลูกปัดเนื้อแก้วทั้งจากการหลอมและแก้วลาย ที่เรียกว่า แก้วโมเสก มีรูปร่างหลากหลาย ส่วนลูกปัดที่พบในแหล่งอื่นๆ ของสุราษฎร์ธานีก็มีความแตกต่างกันออกไป ที่ท่าชนะจะพบลูกปัดเนื้อหิน ที่พุนพินบริเวณเขาศรีวิชัยพบทั้งเนื้อหินและเนื้อแก้ว และที่บ้านท่าข้ามของพุนพินยังพบลูกปัดที่หลากหลายมากขึ้นคือ มีทั้งเนื้อหิน เนื้อแก้วหลอด และเนื้อทองคำ เป็นต้น… ’
… หนังสือ ‘เทคโนโลยีสมัยโบราณ : เครื่องมือหิน งานโลหะ เครื่องปั้นดินเผา แก้ว และลูกปัดแก้ว’ ของ พัชรี สาริกบุตร อาจารย์ประจำภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี ให้ข้อมูลว่า เกือบจะทุกแห่งหนบนโลกล้วนมีลูกปัดและแต่ละแห่งก็มีความโดดเด่นไม่เหมือนกันเลยทีเดียว ที่คล้ายเห็นจะเป็นการเลือกใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น ซึ่งนั่นคือเสน่ห์อันบ่งชี้ถึงภูมิปัญญาและลีลาแห่งศิลปะที่แต่งแต้มผ่านชิ้นงาน ความงามที่พบเห็นในลูกปัดอาจซ่อนปรัชญาทางศาสนา หรือบางครั้งก็แฝงไว้ด้วยอำนาจและบารมี
1
… สำหรับข้อมูลเรื่อง ‘ลูกปัดโบราณ : ความงามของอารยธรรมมนุษย์’ ของ พิพิธภัณฑ์ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายถึงลูกปัดแก้วของโรมันที่สามารถเลียนแบบลวดลายของหินกึ่งรัตนชาติอะเกตและโอนิกส์ได้อย่างลงตัว รวมทั้งการสร้างลูกปัดแก้วโมเสกที่มีความหลากหลายของสีและชั้นของลวดลาย
วิธีโมเสก (Mosaic Technique) คือเอาแก้วสีขาวและสีดำมาเรียงเป็นรูปใบหน้า ตา ปาก จุด และแนวเส้นรัศมีแล้วหลอมด้วยความร้อนจนอ่อนตัว แล้วจึงดึงยืดเป็นเส้นยาวทำให้มีรูปหน้าตัดเป็นใบหน้าคน ตามความยาวตลอดความยาวทั้งเส้น ก่อนจะตัดเป็นแว่นๆ แล้วเจาะรูสำหรับร้อยเชือก
ลูกปัดผลิตด้วยเทคนิคแบบโมเสก นำแก้วสีต่างๆ มาเรียงตามรูปที่ต้องการ หลอมด้วยความร้อนจนอ่อนตัวแล้วดึงยืดเป็นเส้นยาวแล้วตัดขวาง เช่น ใบหน้าคนในวงรัศมี รายงานการศึกษาองค์ประกอบของเนื้อลูกปัดแก้วแบบโมเสคจากแหล่งโบราณคดีภูเขาทอง จังหวัดระนอง ให้ความเห็นว่าเหมือนกับองค์ประกอบแก้วโมเสคแบบโรมันเป็นแก้วแบบผสมตะกั่วมาก (Lead-based glass) และสีต่างๆ ได้จากองค์ประกอบของทองแดงและเหล็กอายุในราวพุทธศตวรรษที่ ๖ เป็นต้นมา
… สำหรับลูกปัดแก้วโมเสกมีสีจัดจ้าน ส่วนลูกปัดแก้วทรงมะยมพบหลากสีเช่นเดียวกับลูกปัดตา นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้เขียนหนังสือ 'รอยลูกปัด' (Beyond Beads) เชียนบทความในบล๊อกส่วนตัวอธิบายถึงรูปลักษณะลูกปัดที่ทำด้วยแก้วชนิดโมเสก ซึ่งเป็นเทคนิควิธีโบราณแพร่หลายมากในเขตรอบทะเลเมดิเตอเรเนียนไว้ว่า
‘ …มีรายงานจำนวนมากจากเมืองอเล็กซานเดรีย บริเวณปากแม่น้ำไนล์ในประเทศอียิปต์ปัจจุบัน จึงนิยมระบุว่าเป็นลูกปัดแก้วโมเสกสมัยอียิปต์โบราณจากเมืองอเล็กซานเดรีย เมืองนี้เป็นฐานการเดินทางค้าขายสำคัญของโลกโบราณโดยเฉพาะในสมัยอาณาจักรกรีก-โรมันรุ่งเรือง
คลอเดียส ปโตเลมี นักภูมิศาสตร์สัมภาษณ์นักเดินทางจนเขียนหนังสือเล่มสำคัญว่าด้วยภูมิศาสตร์ (The Geographia) ระบุดินแดนอินเดียและไกลกว่าอินเดีย รวมทั้งเอเซียอาคเนย์ที่มีแหลมทองและตะโกลา ก็อยู่อยู่ที่เมืองนี้ แต่จากการศึกษาในระยะหลัง รวมทั้งที่ผมเดินทางไปดูเองที่อเล็กซานเดรียและอียิปต์… ’
ลูกปัดโบราณที่ขุดพบที่ชุมชนโบราณท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ลักษณะของลูกปัดส่วนใหญ่จะคล้ายๆกับลูกปัดที่ขุดพบที่ชุมชนโบราณเขาสามแก้ว จ.ชุมพร จึงสันนิษฐานว่า ได้มีการติดต่อค้าขาย-แลกเปลี่ยนสินค้ากันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ โดยลูกปัดแก้วโมเสกแพร่หลายมากในยุคโรมันตอนปลาย ชาวบ้านเรียกว่านกยูงดอกหญ้า ผลิตจากแก้วโมเสก
... นอกจากนี้ ในบทความกึ่งวิชาการต่างๆ ในบล๊อกของนายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช บอกว่า ลูกปัดแก้วโมเสก (Mosaic Glass Beads) ปรากฏตัวในวัฒนธรรมของมนุษย์เป็นครั้งแรก เมื่อราว 3,000 – 4,000 ปีที่แล้ว หลังจากการเกิดของเทคโนโลยีการหลอมแก้ว
‘ …กว่าความงดงามจะเดินทางเข้ามาสู่ดินแดนตะวันออกของโลก ก็ต้องผ่านเรื่องราวมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ เรื่องราวของการค้าทางทะเลที่ต้องอาศัยลมมรสุมพัดพาเรือสินค้าวานิช จากตะวันตกสู่ตะวันออก จากอินเดียมายังสุวรรณทวีป ตามหลักฐานวรรณกรรมชาดกพระมหาชนก ที่มีเค้าโครงของเนื้อหาอธิบายการเดินทางของลูกปัดแก้วโมเสกเปอร์เซีย - โรมัน จากแดนไกล ได้เป็นอย่างดี
เราอาจจะกล่าวได้ว่า อุษาคเนย์ หรือแผ่นดิน อินโด – แปซิคฟิค เริ่มรู้จัก นิยมและแสวงหาเครื่องประดับลูกปัดแก้วโมเสก - โรมัน เป็นครั้งแรก ภายหลังจากการรุกรานเข้าสู่อินเดียตะวันตกโดยชาวกรีก - มาซีโดเนีย
ลูกปัดแก้วโมเสกเปอร์เซีย - โรมัน ในเขตประเทศไทย พบหนาแน่นตามชุมชนโบราณชายฝั่งทะเลในภาคใต้ทั้งสองฝั่งทะเล ด้วยมีถนนเชื่อมต่อสองฝั่งคาบสมุทรเข้าด้วยกันแบบเดียวกับในอินเดีย กระจายตัวไปสู่ชุมชนหัวเลี้ยวหัวต่อในยุคก่อนปรากฏวัฒนธรรมทวารวดีในภาคกลาง อีสานและเหนือ
การเสาะหาลูกปัดโบราณ ลูกปัดแก้ว ลูกปัดแก้วโมเสก เครื่องมือเครื่องใช้จากแก้ว และก้อนแก้ว เริ่มต้นในราวปี 2520 ภายหลังจากขุดหาลูกปัดและวัตถุโบราณในเขตเมืองอู่ทอง บ้านดอนระฆัง ดอนเจดีย์ บ้านสวนแตง ฯลฯ ในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี ที่พบลูกปัดหินกึ่งรัตนชาติ และลูกปัดนานาชนิด มีอายุตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษ อีกทั้งยังพบลูกปัดแก้วแบบโมเสกเปอร์เซีย - โรมัน ฝังรวมอยู่กับลูกปัดกึ่งรัตนชาติแบบอินเดียเป็นจำนวนมาก
ลูกปัดแก้วโมเสกที่ใช้เทคนิคในการเรียงแก้ว ยืด ประกบ ปะ ม้วน ผังเสนสีแต้มลวดลายและแถบสีพันทบ เป็นลวดลายและมีสีสันที่หลากลาย แต่ก็ยังคงคติความเชื่อเรื่องดวงตาเทพเจ้า - ดวงตาปีศาจ (Magical eye beads) ป้องกันภัยร้าย ทั้งตาเดียวและหลายตา
ลูกปัดแบบนี้ เรียกกันในภาษาชาวบ้าน ว่า ตาตั๊กแตน ลูกหวาย งูเหลือม ธงฝรั่ง ดอกไม้ นกยูง โยโย่ และม้าลาย สีสันเหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนยุคใหม่ ต่างต้องการที่จะเป็นเจ้าของ และครอบครอง จนนำไปสู่การขุดหาและทำลายหลักฐานแหล่งผลิตและชุมชนการค้า ในเขตคาบสมุทรภาคใต้… ’
เช่นเดียวกันข้อมูลจากสูจิบัตร 'ปริศนาแห่งลูกปัด' ที่กล่าวถึง การผสมผสานอิทธิพลตะวันออกและตะวันตกที่เข้ามายังดินแดนคาบสมุทรสยามหรือภาคใต้ในสมัยโบราณ ลูกปัดที่แสดงให้เห็นการติดต่อทางวัฒนธรรมน่าจะเริ่มมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในแหล่งโบราณคดีบางแหล่งของภาคใต้ที่อยู่ห่างไกลทะเล ย่อมแสดงถึงความสามารถทางทะเลและการติดต่อชุมชนที่อยู่ห่างไกลออกไป
ร่องรอยลูกปัดในเมืองท่าสุวรรณภูมิ เขตคาบสมุทรสยาม-มลายู ได้แก่ เขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร ภูเขาทอง จังหวัดระนอง ท่าชนะ ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา คลองท่อม จังหวัดกระบี่ รวมทั้งกัวลาเชลินชิง ประเทศมาเลเซีย
เมืองท่าสองฝั่งคาบสมุทรนี้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลซึ่งมีที่กำบังลมมรสุมเพื่อจอดพักเรือ และอยู่บริเวณปากแม่น้ำทำให้สามารถขนถ่ายสินค้าถึงกันได้โดยใช้เส้นทางน้ำ เช่น แม่น้ำตะกั่วป่า และลำน้ำสาขา
ลูกปัดที่พบส่วนใหญ่ในเมืองท่าสุวรรณภูมิบริเวณคาบสมุทรมลายู ได้แก่ ลูกปัดหินคาร์เนเลียน ลูกปัดหินอะเกต และลูกปัดแก้วหลากหลายรูปทรงและสีสัน รวมทั้งพบหลักฐานการผลิตลูกปัดจำนวนมากในบริเวณนี้ด้วย
ลูกปัดแก้วโมเสก เป็นลูกปัดที่นำชิ้นแก้วเล็กๆ มาปะแล้วหลอมติดกันเป็นก้อนลูกปัด ลวดลายซับซ้อน แสดงถึงฝีมือในการผลิต
ส่วนลูกปัด ๖ สีในลวดลายที่สลับแบบโมเสก เป็นการสร้างสีสันและลวดลายลูกปัดแก้วอย่างอิสระและงดงาม ลูกปัดแก้วโมเสกหลากหลายรูปทรง ลวดลาย และสีสัน มีทั้งลูกปัดแบบมีตา แบบลายแถบ ลายหางนกยูง และลายที่เลียนแบบลายหินธรรมชาติ เป็นเอกลักษณ์ของลูกปัดที่พบที่ไชยาและท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ปัญหาทางวัฒนธรรมที่สำคัญประการหนึ่งอันเกี่ยวเนื่องกับลูกปัดทางภาคใต้ คือเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีของชนพื้นเมืองหรือเป็นพัฒนาการในการรับเทคโนโลยีจากชุมชนภายนอก
ขอบพระคุณสุธีรัตนามูลนิธิ ที่เอื้อเฟื้อให้ถ่ายภาพสำหรับโบราณวัตถุต่างๆ
ติดตามบทความ วิดีโอ และรายการต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา