21 ธ.ค. 2022 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
ทำไมเรย์ คร็อก ถึงกลายเป็นเจ้าของ McDonald’s แทนสองพี่น้องแมคโดนัลด์
รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว McDonald’s ถูกก่อตั้งโดย ริชาร์ด แมคโดนัลด์ และ มัวริช แมคโดนัลด์
แต่สุดท้ายสองพี่น้องแมคโดนัลด์ไม่ได้เป็นเจ้าของ กลับกลายเป็นคนนอกอย่างเรย์ คร็อก ที่ภายหลังได้เป็นเจ้าของบริษัทมูลค่า 6.8 ล้านล้านบาท
เรื่องราวของ McDonald’s บริษัทฟาสต์ฟู้ดอันดับต้นของโลก น่าสนใจอย่างไร ?
ทำไมสุดท้ายคนที่ก่อตั้งไม่ได้เป็นเจ้าของเลย ? Dime! จะพาย้อนเวลากลับไปดูกันอีกครั้ง
📍 ปี 2481 ขณะที่เรย์ คร็อก อายุ 36 ปี กำลังหาเงินด้วยการเป็นเซลล์ขายมิลค์เชค พบว่าแม้ช่วงนั้นธุรกิจขายมิลค์เชคจะซบเซาลง เพราะแต่ละร้านอาหารมีเจ้าเครื่องนี้กันมากแล้ว แต่กลับมีร้านแห่งหนึ่งโทรสั่งซื้อจำนวนมาก สวนทางกลับร้านอื่น ๆ นั่นทำให้เขาไม่รีรอเดินทางออกไปหาลูกค้าว่า เกิดอะไรขึ้น
โดยลูกค้าคนนั้นคือ สองพี่น้องแมคโดนัลด์ ผู้ก่อตั้ง McDonald’s
ซึ่งเรย์ คร็อกมาถึงที่ McDonald’s ก็ประทับใจทันที เพราะร้านอาหารแห่งนี้ดันทำสิ่งที่ตรงข้ามกับร้านอาหารอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การลดจำนวนเมนูอาหารให้เหลือเพียง 4 เมนูเท่านั้น และไม่มีที่นั่งสำหรับกินอาหารเลย แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีจนน่าตกใจ มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาซื้ออยู่ตลอดเวลา
📍 เหตุผลที่เป็นแบบนี้ ก็มาจาก McDonald’s มีความรวดเร็วในการเสิร์ฟอาหารที่ใช้เวลาเพียง 30 วินาที ให้รสชาติที่คงคุณภาพ ไม่ได้ขึ้นลงไปมา ที่สำคัญราคาถูกอีกด้วย
จึงบอกได้ว่า McDonald’s ที่กลายเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอันดับต้นของโลกได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับสองพี่น้องแมคโดนัลด์ด้วย ที่ค่อย ๆ พัฒนาปรับปรุงกระบวนการอาหารอยู่เสมอ
ตั้งแต่การวางแผนผังโซนครัวว่า แต่ละพื้นที่ควรอยู่ตรงไหน เช่น พื้นที่ทำขนมปังควรอยู่ติดกับพื้นที่ทอดเนื้อหรือไม่ เพื่อลดเวลาให้สั้นที่สุด, แต่ละพื้นที่ควรมีพนักงานกี่คน, เบอร์เกอร์แต่ละชิ้นควรมีมะเขือเทศกี่ชิ้น ซอสกี่หยด รวมถึงออกแบบการทำอาหารอย่างไร ที่ต่อให้คนทำอาหารไม่เป็นก็สามารถทำอาหาร
ด้วยความใส่ใจในกระบวนการอย่างพิถีพิถัน ส่งผลให้ McDonald’s สามารถส่งคุณค่าที่สำคัญอย่างเสิร์ฟอาหารที่รวดเร็ว และมีคุณภาพ แต่ก็ราคาถูกได้ จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในชุมชนนั้น
📍 จากเรื่องราวทั้งหมดที่เล่าไป เรย์ คร็อกจึงเห็นศักยภาพของ McDonald’s ที่มีโอกาสขยายสาขาไปทั่วประเทศ เลยตัดสินใจขอเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับสองพี่น้องแมคโดนัลด์ โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายแฟรนไชส์
อย่างไรก็ดี สองพี่น้องแมคโดนัลด์ดันไม่คล้อยตามกับข้อเสนอ เพราะพวกเขาพึงพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่แล้ว
แน่นอนว่า เรย์ คร็อก ไม่ใช่คนยอมแพ้ง่ายเช่นกัน นั่นทำให้เขากลับไปคิดดีลใหม่ และเสนอจะเอาส่วนแบ่ง 1.9% จากยอดขายของแฟรนไชส์แต่ละสาขา โดยแบ่งให้ตัวเอง 1.4% ขณะที่สองพี่น้องแมคโดนัลด์ได้ 0.5% โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย พร้อมยังให้สิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ของ McDonald’s เหมือนเดิมด้วย
สองพี่น้องเห็นว่า ตัวเองอายุเยอะแล้ว อนาคตจะทำงานต่อก็คงไม่ไหวแล้ว โอกาสน่าสนใจแบบนี้ควรคว้าเอาไว้ ทำให้ในที่สุดเรย์ คร็อก ก็ได้กลายเป็นพาร์ตเนอร์อย่างสมหวัง
เวลาผ่านไป 1 ปี นับจากการทำสัญญา เรย์ คร็อกสามารถเปิดสาขาแฟรนไชส์ไปแล้ว 10 กว่าสาขา แต่ก็ไม่สามารถทำเงินได้อย่างที่คาดหวัง
📍 โชคดีที่เขามีแฮร์รี่ ซอนเนบอร์น CFO หรือผู้บริหารฝ่ายการเงินของ McDonald’s  ในเวลาต่อมา ให้คำแนะนำว่าหากจะให้ได้เงินเยอะขึ้น และสม่ำเสมอ ก็ควรซื้อที่ทำเลดี ๆ และไปบังคับให้ผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์เช่าต่อ (ในราคาที่สูงกว่าปกติ) แทนการทำธุรกิจรูปแบบเดิม ที่ขายสิทธิ์แฟรนไชส์เท่านั้น
ด้วยกลยุทธ์ที่ว่ามา ทำให้เรย์ คร็อกมีเม็ดเงินเข้ามาขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
พอถึงตรงนี้แล้ว ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาต้องการแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ คือ สองพี่น้องแมคโดนัลด์ เพราะพวกเขามักจะมีความคิดเห็นการบริหารที่ไม่ค่อยตรงกับเขานัก
โดยหนึ่งในเรื่องที่นับว่าร้ายแรงที่สุด คือ การที่เรย์ คร็อก คิดจะเพิ่มส่วนแบ่งจากเหล่าผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ แต่สองพี่น้องกลับไม่ยอมให้เพิ่มม
เรย์ คร็อกจึงตัดสินใจแก้ปัญหาตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ด้วยการขอซื้อกิจการทั้งหมดของ McDonald’s ในมูลค่า 94 ล้านบาท โดยจะไม่ให้สิทธิ์ในแบรนด์รวมถึงส่วนแบ่งรายได้แก่สองพี่น้องอีกต่อไปแล้ว
และนั่นก็ถือสิ้นสุดความเป็นเจ้าของของตระกูลแมคโดนัลด์
หลังจากนั้นเป็นต้นมา McDonald’s ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ขยายไปทั่วทุกมุมโลก จนปัจจุบันบริษัทมีมูลค่า 6.8 ล้านล้านบาท
ขณะที่สองพี่น้องแมคโดนัลด์มีร้านอาหารเหลือเพียงแค่สาขาเดียว คือ McDonald’s สาขาแรกที่ไม่ได้อยู่ในดีลการซื้อกิจการ ก่อนที่เวลาต่อมาจะถูกปิดตัวลง เพราะเรย์ คร็อก เปิด McDonald’s เข้ามาแย่งลูกค้าในพื้นที่เดียวกันนั่นเอง..
🎉 หากเพื่อนสนใจลงทุนในหุ้น MCD (McDonald’s) สามารถเปิดบัญชีกับ Dime! ได้เลย เพียง 50 บาทก็ลงทุนได้ หากเปิดบัญชีภายในปี 2565 ฟรีค่าคอมมิชชันทุกรายการซื้อขายถึง 30 มิ.ย. 2566 และ Dime! ยังใจดีมอบรางวัล Dime! Lucky สูงสุดอีก 1,000 บาท* เพียงชวนเพื่อนเปิดบัญชีกับ Dime! ยิ่งชวนมาก ยิ่งได้มากครับ
อ่านกติกาเพิ่มเติม : https://dime.co.th/th/articles/spread-the-dime-love
โหลดแอปได้เลยที่ https://dimekkp.onelink.me/sq7H/pya1dxrd
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุน บทวิเคราะห์ หรือการเสนอขายแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
════════════════════
#เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน
════════════════════
Dime! เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องสนุก เพื่อความสุขอย่างเท่าเทียมของทุกคน
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Dime! ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0007-02
ติดตามเราในช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
อ้างอิง
โฆษณา