22 ธ.ค. 2022 เวลา 12:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ
7 วิธีคิดแบบคนรวย แนวคิดจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์
สวัสดีค่ะ แอดมิน ช่อง Rainie Love Story เองนะคะ วันนี้แอดมินหยิบแนวคิดจากคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟต์ มาอธิบายให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้น มาลองฟังกันเลยค่ะ
ถ้าคุณเอาแต่ซื้อของที่ไม่จำเป็นไม่ช้าคุณต้องขายของที่คุณจำเป็น
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ บางทีเราไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เราซื้อมาไม่จำเป็นเลย อาจเกิดจากตัวเราเองไม่ทบทวนให้ดีก่อนซื้อ แอดมินจะหยิบยกเรื่อง ปัจจัย 4 มานำเสนอ ปัจจัย 4 ประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ซึ่งจริง ๆ แล้วมันจะมีรายละเอียดย่อยลงไป ทางแอดมินจะมาทำคลิปแยกให้
แต่แนวคิดที่สำคัญอีกอย่างที่ทางแอดมินอยากจะฝากคือ ก่อนซื้อของแอดมินอยากให้ทบทวนว่าเราซื้อของสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร เพื่อการใช้งาน จำเป็นจริง ๆ หรือตัวเราเองแค่อยากจะซื้อไปเพื่ออวดคนอื่น ลองคิดนะว่าถ้าเราอยู่คนเดียวบนโลกในนี้ เราจะยังซื้อสิ่งนี้หรือไม่ ถ้าตอบว่าไม่มันก็ชัดเจนแล้วว่าลึก ๆ ตัวเราเองคิดอะไรอยู่ หลายคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ลองคิดดูนะ
ถ้าเราซื้อของไม่จำเป็นทุกวันวันละ 100 บาท 1 ปีเราซื้อไปแล้ว 36,500 แล้วถ้า 10 ปีละ เราก็อาจจะซื้อไปแล้ว 365,000 บาท เป็นเงินไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ นี่เป็นการคิดแบบคร่าว ๆ เท่านั้น จริง ๆ แล้วหลายคนซื้อมากกว่าที่แอดมินยกตัวอย่างหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
เราไม่จำเป็นต้องฉลาดกว่าคนอื่นแต่เราต้องมีวินัยมากกว่าคนอื่น
กว่านักเต้นบัลเล่ต์จะฉีกขาได้สวยงามแบบที่เราเห็นบนเวที เขาต้องใช้เวลาในการ ฝึกฝนนานแค่ไหน ต้องผ่านความเจ็บปวดมากแค่ไหน ถ้าไม่ซ้อมทุกวันทางแอดมินเคยได้ยินเรื่องราวมาว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าจะขึ้นปลายเท้าได้ เพราะต้องอาศัยทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ยกตัวอย่างอีกตัวอย่างวอร์เรน บัฟเฟต์ อ่านหนังสือทุกวัน วันละ 500 หน้า ใน 1 ปี อ่านไปได้ถึง 182,500 หน้าเลยทีเดียว เยอะมาก ๆ
ถามว่าถ้าไม่อ่านทุกวันได้มั้ย แอดมินตอบเลยว่าได้แน่นอน แต่เหตุผลที่วอร์เรน บัฟเฟต์ อ่านทุกวัน เพราะเขาตระหนักเสมอว่า เวลาทุกคนมีอยู่อย่างจำกัด สุดท้ายคนที่ได้เปรียบคือคนที่มีวินัย ต่อให้มาติดสปีดทีหลัง ก็อาจจะตามทันได้ แต่แค่นึกถึงก็รู้สึกท้อแล้ว สู้เราค่อย ๆ ทำวันละนิดทุกวันตั้งแต่วันนี้ดีกว่า
ผมรู้เสมอว่าผมจะรวยผมไม่เคยคิดสงสัยสักนาทีเดียวเลย
กฎข้อนี้แอดมินนึกถึงเรื่องของกฎแรงดึงดูด ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ ความเชื่อคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างตอนนี้ อีรอธมัส เขาสามารถสร้างรถไฟฟ้าได้สำเร็จ ซึ่งสมัยก่อนหลายคนอาจจะมองว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สุดท้ายผลลัพท์ออกมาชัดเจนแล้ว อีรอธมัส ต้องอดทน ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย กว่าจะมาถึงวันนี้
อย่าทำงานเพื่อเงินแต่จงให้เงินทำงานแทนคุณ
แนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่หลายคนรู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ติดกับดักนี้ ตัวแอดมินเมื่อก่อนเองก็เป็น เหตุผลที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ มองว่าข้อนี้สำคัญ เพราะเรื่องของกฎของเวลา คนเรามีเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ถ้าเรามั่วแต่เอาเวลาอันมีค่าของเราใช้แต่แรงของเราไปแลกเงิน สุดท้ายเราก็จะเป็นคนจนเหมือนเดิม ดังนั้นถ้าเราอยากรวย เราต้องรู้จักการจัดการเวลา หาวิธีการให้เกิดการทวีคูณเกิดขึ้น
เช่น นักเขียนหนังสือ นักสร้างคอนเท้น คนเหล่านี้เขาใช้หลักการทำงานครั้งเดียวและกระจายผลงานของตนออกไป หรือที่เราเรียกว่าขายลิขสิทธ์นั่นเอง ทวีคูณจาก 10 คน ไป 100 คน จนหมื่นแสนล้าน และเขาก็สามารถมีเงินเข้ามาได้แม้เขาจะหลับ
หรือจะยกตัวอย่างของเจ้าของกิจการ ที่นำเงินไปจ้างพนักงงานมาเพื่อทวีคูณเรื่องเวลาเพื่อสร้างสินค้าของตน ลองคำนวณนะ คร่าว ๆ คน 1 คนทำงานต่อวัน 8 ชั่วโมง ได้สินค้า 1 ชิ้น ถ้ามีพนักงาน 10 คน จะได้สินค้าต่อวัน 10 ชิ้น 1 ปีจะได้ 3,650 ชิ้น ซึ่งเยอะขึ้นมาถึง 10 เท่า แต่บางคนอาจไม่ถนัดอาจจะนำไปลงทุน เงินต่อเงินเลย ลงทุนในหุ้น ที่ดิน ซื้อวันนี้ ผ่านไป 10 ปี ราคาขึ้น 10 เท่า ก็ได้ เพราะแต่ละคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน นี่แหละคือความต่างที่ลงตัวของโลกมนุษย์
ความเสี่ยงเกิดจากการไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่
ถ้าเปรียบแทบกับการซื้ออาหารเสริมมารับประทาน มีหลายคนบอกมาว่าอาหารเสริมนี้ดีมาก ๆ แต่คุณไม่เคยอ่านฉลาก ไม่เคยศึกษาส่วนผสมต่าง ๆ ของมัน คุณทานอาหารเสริมนี้มา 10 ปีทุกวัน และมันสะสมอยู่ในร่างกายของคุณ จนคุณป่วยเป็นโรคมะเร็ง
สุดท้ายแล้วโทษใครได้ นอกจากตัวคุณเองที่เลือกรับสิ่งนี้เข้ามาในร่างกาย เหมือนกันในการที่คุณจะลงทุนในสินค้าอะไร คุณควรที่จะศึกษามันให้ดี ดีจนคุณสามารถที่จะฝากชีวิตไว้กับมัน อย่างเช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขากล่าวไว้ว่า เขาจะซื้อหุ้นที่เขาจะไม่ขายมัน ต่อให้ตลาดหุ้นจะเปิดในอีก 10 ปีข้างหน้า ดังนั้นการรู้ การหาข้อมูล การวิเคราะห์ อย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ
ไม่ว่าเราจะพูดถึงถุงเท้าหรือหุ้นผมชอบซื้อสินค้าที่มีคุณภาพเมื่อถูกลดราคา
ของดีนั้นวัดที่คุณภาพจริง ๆ ไม่ใช่วัดจากว่าคนนิยม ราคาสูง สุดท้ายคุณค่าอยู่ที่แก่นแท้เนื้อในของมัน วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้ล่าวไว้อีกว่า ต่อเมื่อน้ำลดเท่านั้น เราถึงจะรู้ว่าใครกันแน่ที่เปลือยกายว่ายน้ำ ในวันที่เศรษฐกิจดี ต่อให้เป็นธุรกิจที่ห่วย มันก็ยังทำกำไรได้ แต่ในวันที่เกิดวิกฤต เราจะรู้เลยว่า ใครกันแน่คือตัวจริง
สิ่งสำคัญอีกอย่างของนักลงทุน นอกจากจะรู้ว่าสิ่งที่ตนลงทุนนั้นคืออะไร ต้องรู้ด้วยว่าควรที่จะซื้อหรือขายมันตอนไหน อีกประโยคจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่กล่าวไว้ว่า จงโลภในวันที่คนอีกกลัว และจงกลัวในวันที่คนอื่นโลภ เหตุผลเพราะ เราจะได้หุ้นในราคาที่ถูกที่สุดในวันที่ทุกคนแห่ขาย และจะได้หุ้นราคาแพงที่สุด ในวันที่ทุกคนแห่กันเข้ามาซื้อหุ้น
ในทุกคืนจงเข้านอนให้ฉลาดกว่าเดิมเล็กน้อย
ดีขึ้นวันละ 1% ก็ดีกว่าชีวิตเราไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ทุกคนเคยรู้มั้ยคะ ว่ามนุษย์เราไม่มีคำว่าเท่าเดิมนะ มีแต่ ดีขึ้นและถอยหลังเท่านั้น นักบัลเล่ต์ต้องซ้อมเต้นทุกวัน เพราะเมื่อเขาหยุดซ้อมไป 1 วัน นั่นหมายความว่าเขาจะถอยหลังไปอีก 1 วันเช่นกัน สุดท้ายแล้วพรสววรค์ แพ้พรแสวง เคยได้ยินกฎ 10,000 มั้ยคะ
ถ้าคุณอยากจะเป็นยอดคน คุณต้องฝึกซ้อมมากถึง 10,000 ชั่วโมง ถ้าคุณอยากจะสำเร็จไว้ที่สุด คุณต้องฝึกซ้อมวันละ 12 ชั่วโมง เป็นเวลาประมาณ 833 วันหรือ 2 ปีกว่า ๆ นั่นเอง คุณถึงจะทำมันได้ 10,000 ชั่วโมง ถ้าคุณฝึกซ้อมน้อยกว่านี้ ก็ลองคำนวณดูค่ะ ว่าต้องใช้เวลากี่ปี คุณจะอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ลงมือทำมันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ก็จบลงไปแล้วนะคะ กับแนวคิดจากคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟต์ ที่ทางแอดมินนำมาอธิบายให้เป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น หวังว่าเป็นเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังทุกท่านนะคะ และคุณอาจได้พบกับโลกใบใหม่ที่ดีกว่าเดิม ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีค่ะ
โฆษณา