25 ธ.ค. 2022 เวลา 08:05
ฎีกาที่ 3318/2564
เมื่อโจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยเป็นสมาชิกบัตรเครดิตวีซ่าการ์ดและสินเชื่อบุคคลของโจทก์ จำเลยนำบัตรเครดิตดังกล่าวไปใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการกับเบิกถอนเงินหลายครั้งแต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ คำให้การต่อสู้ปฏิเสธข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ว่า
จำเลยไม่เคยผิดนัดและไม่มีหนี้ค้างชำระต่อโจทก์ แต่โจทก์เป็นฝ่ายที่ต้องคืนเงินที่จำเลยชำระเกินไปคืนให้แก่จำเลย ซึ่งจำเลยติดใจเรียกร้องคืนเพียง 100,000 บาท หากเป็นความจริงดังที่จำเลยต่อสู้โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์มิได้ และโจทก์เป็นฝ่ายต้องคืนเงินส่วนที่จำเลยชำระเกินไปคืนให้แก่จำเลยด้วย
ฟ้องแย้งของจำเลยจึงนับว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาพิพากษารวมกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 7 ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องรับฟ้องแย้งของจำเลยส่วนนี้ไว้พิจารณา
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แผนกคดีผู้บริโภค เห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้องแย้ง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา (พิพากษาแก้ รับคำให้การ และให้รับฟ้องแย้งของจำเลยในประเด็นว่า จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์และไม่มีหนี้ที่ต้องรับผิด แต่โจทก์เป็นฝ่ายที่ต้องคืนเงินที่จำเลยชำระไปคืนแก่จำเลยหรือไม่ เพียงใด ไว้พิจารณา)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา