26 ธ.ค. 2022 เวลา 12:05 • กีฬา
ที่เอซี มิลาน มีเด็กอายุ 14 ปีคนหนึ่งชื่อ ฟรานเชสโก้ คามาร์ด้า ทำสถิติยิง 483 ลูก จากการลงสนาม 87 เกม ว่าง่ายๆ คือเฉลี่ยยิงได้เกมละ 5.5 ลูก นี่ไม่ใช่เฟกนิวส์นะครับ วิเคราะห์บอลจริงจังจะพาไปรู้จักเจ้าหนุ่มคนนี้กัน
2
ตอนแรกผมอ่านข่าว คิดว่าเป็น Hoax หรือข่าวปลอมแน่ๆ ใครมันจะยิงได้กระจุยกระจายขนาดนั้น แต่สุดท้ายแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงครับ คามาร์ด้าซัดได้ 483 ลูกจริงๆ สุดยอดไปเลย
เมื่อเห็นข่าวนี้บางคนอาจจะเข้าใจว่า นี่เป็นเด็กอัจฉริยะที่ฟ้าส่งมาเกิดแน่ๆ เป็นนิวเมสซี่หรือเปล่า แต่ในข้อเท็จจริง คามาร์ด้าเป็นดาวรุ่งที่ดี มีแววอย่างมาก แต่คนอิตาลีก็ไม่ได้อวยเวอร์ว่า เก่งเทพประทานขนาดนั้น
2
อธิบายคือ คามาร์ด้า เป็นเยาวชนชาวอิตาเลียน เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเอซี มิลาน และมีซลาตัน อิบราฮิโมวิชเป็นกองหน้าในดวงใจ ความฝันสูงสุดคือ ต้องการลงเล่นอาชีพนัดแรกกับเอซี มิลานให้ได้
เขาสังกัดทีมมิลานจูเนียร์ตั้งแต่เล็ก เล่นในตำแหน่งกองหน้า และมีสถิติที่น่าทึ่งมาก
ฤดูกาล 2017-18 (10 ขวบ) ลงเล่น 40 นัด ยิงไป 247 ประตู
ฤดูกาล 2018-19 (11 ขวบ) ลงเล่น 31 นัด ยิงไป 172 ประตู
ฤดูกาล 2019-20 (12 ขวบ) ลงเล่น 16 นัด ยิงไป 64 ประตู
รวมแล้ว 87 นัด ใน 3 ปี กับอีก 483 ประตู เป็นตัวเลขที่มหัศจรรย์ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว แทบทุกเกมที่เขาแข่ง เป็นการเล่นฟุตบอลแบบ 7 v 7 (อารมณ์บอล 7 สี) คือบอลเยาวชนจะเล่นสนามไซส์นี้กันอยู่แล้ว ดังนั้นการที่ยิงประตูเฉลี่ย 5.5 ลูกต่อเกม ก็เลยเข้าใจได้
เราไม่ได้บอกว่าเด็กไม่เก่งนะครับ การยิงขนาดนั้นมันก็ต้องมีฝีมือแน่นอน ถ้าไปดูคลิปเขาก็มีเทคนิคใช้ได้เลย เพียงแต่สถิติตอนเป็นเยาวชนมันวัดกันยาก ยิ่งในสนามไซส์เล็กด้วยแล้ว มันดูไม่ออกว่าเด็กคนนี้จะพัฒนาไปเป็นผู้เล่นเวิลด์คลาสได้หรือเปล่า
1
ถ้าใครจำกันได้ มีนักเตะของเรอัล มาดริดคนหนึ่งชื่อ ฆาเบียร์ ปอร์ติโญ่ โดยปอร์ติโญ่ ยิงให้ทีมเยาวชนของมาดริดไปมากกว่า 700 ลูก ถือเป็นสถิติที่คงกระพันมาจนถึงตอนนี้ ใครมันจะยิงได้บ้าคลั่งขนาดนั้น
1
แน่นอน เห็นฟอร์มแบบนี้โค้ชก็ดันขึ้นทีมชุดใหญ่ทันที และคนสเปนก็คาดหวังมาก ว่าจะเป็นตัวหลักของทีมชาติในอนาคตแน่ จับมายืนหน้าคู่กับราอูล กอนซาเลซ อะไรแบบนี้
1
แต่พอขึ้นมาเล่นอาชีพจริงๆ ในช่วง 4 ปีของปอร์ติโญ่ เขายิงในลาลีกาได้แค่ 6 ลูกเท่านั้น ก่อนที่สุดท้ายจะโดนปล่อยทิ้งออกมาอย่างเงียบๆ ปัจจุบันแขวนสตั๊ดไปแล้ว และไม่เคยติดทีมชาติชุดใหญ่แม้แต่ครั้งเดียว
1
บอลเยาวชนกับบอลชุดใหญ่มันคนละเลเวล แววดีก็มีโอกาสรุ่ง แต่มันไม่มีอะไรการันตีเลย ว่าจะประสบความสำเร็จได้จริงๆ
แต่เอาล่ะ ในเคสของคามาร์ด้าถามว่า มิลานกับอิตาลีหวังได้ไหม คำตอบคือก็พอหวังได้อยู่ เพราะผลงานเขาถือว่าดูดีมาก ก่อนหน้านี้เอซี มิลาน ไม่เคยได้แชมป์ u-15 ของอิตาลี มายาวนาน 12 ปีแล้ว ครั้งสุดท้ายคือได้แชมป์ปี 2010 ยุคของดาวิเด้ คาลาเบรีย โน่นเลย
2
มาในปีนี้ 2022 มิลาน u-15 เรียกตัวคามาร์ด้าที่อายุ 14 ปี มาติดทีมในตำแหน่งกองหน้า เมื่อรวมกับมาตเตีย ลิเบราติ (ปีกอายุ 15) และ คริสเตียน โคม็อตโต้ (กองกลางอายุ 15) ทำให้เอซี มิลาน เอาชนะฟิออเรนติน่าในนัดชิง 1-0 คว้าแชมป์เยาวชน u-15 ของอิตาลีได้สำเร็จ
2
ซึ่งคนยิงประตูชัยก็คามาร์ด้านี่ล่ะ โหม่ง 6 หลาเข้าประตูไป เมื่อผลงานการได้แชมป์ u-15 มาบวกกับสถิติ 483 ลูกที่เขาเคยทำได้ ล่าสุดคามาร์ด้า ติดทีมชาติอิตาลีชุด u-15 เรียบร้อยแล้ว และถูกเอซี มิลาน ดันขึ้นมาให้ซ้อมร่วมกับทีมพริมาเวร่า (u-19) ทั้งๆ ที่ตัวเขาอายุแค่ 14 ปีเท่านั้น
1
คือเราดูก็รู้ว่าทั้งเอซี มิลาน และทีมชาติอิตาลีก็ตื่นเต้นอยู่ ที่จะได้เห็นอนาคตของเด็กคนนี้ แต่ก็นั่นแหละ เราก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าเขาจะไปไกลขนาดนั้นได้จริงไหม
คือโลกนี้มีนักเตะหลายคนที่ดังเร็ว แต่พัฒนาไม่ถูกทางก็ดับเร็วมากๆ เช่น เฟรดดี้ อาดู เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เล่นเมเจอร์ลีก ด้วยวัย 14 ปี จนคนยกย่องว่าเป็น "นิวเปเล่" แต่สุดท้ายอาดูก็ไปไม่ถึงฝัน ปัจจุบันไม่มีทีมลงเล่นแม้จะมีอายุแค่ 33 ปีเท่านั้น
1
หรือกรณีของบ๊อบบี้ ดันแคน กองหน้าดาวรุ่งของลิเวอร์พูล ตอนเล่นอยู่อะคาเดมี่ ทำผลงานสุดยอด ยิง 30 แอสซิสต์ 16 ในฤดูกาลเดียว จนใครๆ ก็เห็นแววว่าอาจเป็นไมเคิล โอเว่นคนต่อไป แต่ดันแคนไปหลงเชื่อเอเยนต์ ไม่ขอเล่นอยู่อะคาเดมี่ของหงส์แดงต่อ แต่ย้ายไปฟิออเรนติน่าเพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงทันที แม้ใครจะทัดทานก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็มาพบความจริงว่าเขากระดูกยังไม่ถึงแล้วโดนปล่อยตัวทิ้ง สุดท้ายตอนนี้พเนจรไปอยู่ที่สโมสรลีเนนส์ ในลีกา 3 ของสเปน
ดังนั้นดาวรุ่งพุ่งแรงก็จำเป็นต้องถูกพัฒนาไปอย่างถูกทิศ เพื่อที่จะยืนหยัดให้ได้ในฟุตบอลอาชีพที่เข้มข้นกว่าระดับเยาวชนหลายเท่า
2
ผมชอบบทความของกัซเซตต้า เดลโล่ สปอร์ต ที่พยายามเบรกความคาดหวังของแฟนบอล โดยบอกว่า "เราอย่าลืมว่าเด็กๆ แม้จะเก่งแค่ไหนแต่พวกเขาก็เพิ่งอายุ 14-15 เป้าหมายตอนนี้คือการเล่นฟุตบอลให้สนุกที่สุด แล้วเดี๋ยวต่อจากนั้น ความสำเร็จจะมาของมันเอง"
1
คือกัซเซตต้า เดลโล่ สปอร์ตก็รู้แหละว่าเด็กมันเก่ง มีการลงข่าวกันประจำ แต่พวกเขาก็รู้เช่นกันว่า ถ้าอยากให้เด็กไปได้ไกล ก็ใจเย็นๆ ก่อน ปล่อยให้โค้ชเขาสอนเยาวชนไปตามแนวทาง อย่าไปอวยจนเวอร์ให้เหลิง
ในวัย 14-15 ปี เอาจริงๆ เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของเยาวชนคนหนึ่ง ว่าจะเติบโตหรือจะพังพินาศ ถ้าเด็กคนไหนคอนโทรลตัวเองได้ ไม่เหลิง ไม่เตลิด โอกาสจะไต่ไปสู่การเป็นผู้เล่นอาชีพก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว
1
ปิดท้ายเรื่องนี้ เราจะเห็นว่าในการเปลี่ยนแปลงของทีมฟุตบอลนั้น ต้องฝากความหวังที่เยาวชน ในเมื่อคนรุ่นปัจจุบันสู้ประเทศอื่นไม่ได้ แต่ถ้าสามารถสร้างทรัพยากร เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เหนือกว่าขึ้นมาได้ ก็มีโอกาสยึดครองโลกฟุตบอลได้เช่นกัน
1
เหมือนอย่างสเปน ที่ล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2014 และ 2018 พวกเขาก็พัฒนาผู้เล่นอายุ 18-20 ขึ้นมา ทั้งกาบี, เปดรี, อันซู ฟาติ, อเลฮันโดร บัลเด้, นิโก้ วิลเลียมส์ ในเจเนเรชั่นต่อไป สเปนทีมนี้จะน่ากลัวมาก
ดังนั้นกับอิตาลี เมื่อเจเนเรชั่นนี้มีศักยภาพไม่พอที่จะเป็นอันดับหนึ่งของโลกได้แล้ว ก็ไปปั้นนักเตะรุ่นใหม่ขึ้นมา ซึ่งเมื่อทุกอย่างสุกงอม บางทีในบอลโลก 2026 หรือ 2030 เด็กๆ เหล่านี้ อาจก้าวขึ้นมาทำให้อิตาลีกลับมามีลุ้นแชมป์ก็เป็นได้
การมีเด็กพรสวรรค์กำเนิดขึ้นมาเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่ยากกว่าคือจะขัดเกลาพรสวรรค์นั้นอย่างไร ให้เติบโตขึ้นไปสู่ระดับอาชีพได้
ในโลกของฟุตบอล ศาสตร์การปั้นเยาวชนเป็นอะไรที่ยาก และต้องใช้ความรู้เฉพาะทางจริงๆ
ส่วนเคสของคามาร์ด้า อวยพรให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง เพราะในฐานะแฟนบอลคนหนึ่งรู้สึกว่า ประเทศอิตาลีไม่เคยขาดแคลนกองหน้าฝีเท้าดี จากเปาโล รอสซี่, โรแบร์โต้ บาจโจ้, อเลซานโดร เดล ปิเอโร่, คริสเตียน วิเอรี่ และ ฟิลิปโป้ อินซากี้
2
ดังนั้นมันสมควรแก่เวลาแล้วนะ ที่อิตาลีจะปั้นหัวหอกระดับโลกคนใหม่ขึ้นมาประดับวงการอีกสักครั้ง
1
โฆษณา