28 ธ.ค. 2022 เวลา 03:52 • หุ้น & เศรษฐกิจ
โบรกฯ มองบวกหุ้น DTAC-TRUE หลังเดินหน้าควบรวมไร้สะดุด คาด New Co เพิ่มศักยภาพแข่งขันระยะยาว
โบรกเกอร์มองบวกหุ้น DTAC และ TRUE หลังเดินหน้าควบรวมไร้สะดุด คาด New Co เพิ่มศักยภาพแข่งขันระยะยาว คุณภาพสัญญาณ ความครอบคลุม และต้นทุนที่ดีขึ้น พร้อมโอกาสเข้าสู่บริการดิจิทัล 4.0 ผ่านเครือข่าย 5G
วันนี้ (27 ธ.ค.) หุ้น DTAC และ TRUE บวกต่อเนื่อง หลังศาลปกครองยกคำร้องของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ให้ขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีการรวมธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท พร้อมโบรกฯ ประเมินบวกจากมูลค่าการผนึกกำลังที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ ทั้งรายได้ที่ Upside การประหยัดค่าใช้จ่ายดำเนินการ (opex) และการประหยัดงบลงทุน (capex)
อีกทั้งภาพรวมที่นักลงทุนมองเห็นได้ชัดคือ ภาพตลาดการแข่งขันของตลาดโทรคมนาคม ที่จะมีความทัดเทียมกันมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการควบรวมในหลายประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพชัดของตลาดโทรคมนาคมหลังเกิด NEW CO
เมื่อไม่นานมานี้ Mckinsey บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกได้เผยแพร่บทความเรื่อง อนาคตของการควบรวมในธุรกิจโทรคมนาคม The future of M&A in telecom เขียนโดย จีน คริสโตเฟอร์ เลอ บราวน์ ระบุชัดเจนว่าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำการควบรวม ด้วย 3 เหตุผลด้วยกัน คือ
1) การควบรวมเพื่อให้ขนาดสามารถแข่งขันได้ (Gain scale for competition) ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมบางประเทศผู้นำตลาดเป็นผู้นำเดี่ยว ทำให้มีความได้เปรียบจากการใช้ Scale Benefit หากนำผลการศึกษามาเปรียบเทียบกับประเทศไทย พบว่า เอไอเอสมีส่วนแบ่งตลาดเกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้คู่แข่งขันมีแนวโน้มในการควบรวมเพื่อลดช่องว่างด้านขนาด เป็นต้น
2) การควบรวมของโอเปอเรเตอร์ในประเทศมีมากขึ้น เนื่องจากความต้องการในการลดต้นทุน (The amount of in-country consolidation for cost reduction) เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำเสนอบริการที่มีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น ดังตัวอย่างประเทศไทย ที่โอเปอเรเตอร์มีต้นทุนค่าไลเซนสฺ ค่าคลื่น ค่าอุปกรณ์เน็ตเวิร์กในราคาสูงมาก ทำให้ภาวะต้นทุนยากต่อการแข่งขัน อีกทั้งมรสุมเงินเฟ้อ ในอนาคตจะกดดันดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น การที่ผู้ประกอบการปรับตัวจะทำให้ต้นทุนลดลง เป็นต้น
3) ผู้ประกอบการต้องการควบรวม เพื่อให้บริการดิจิทัลอื่นที่มีมูลค่าสูงกว่า Operator decisions to expand aggressively in non-core areas. เพื่อไปแข่งในเวทีดิจิทัล ที่มีการให้บริการแบบบนก้อนเมฆ (Cloud Solution) ครอบคลุม IOT, Digital Service
แหล่งข่าวจากวงการนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้วิเคราะห์ต่อไปว่า จากผลการศึกษาของ Mckinsey ในเรื่องอนาคตของการควบรวมในธุรกิจโทรคมนาคม แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทหลังการควบรวมในโทรคมนาคม โดยสามารถวิเคราะห์ได้ 3 ประเด็นสอดคล้องตามผลการศึกษาของ Mckinsey
ประเด็นแรก การควบรวมเพื่อให้ขนาดสามารถแข่งขันได้ ในประเด็นนี้หลังการควบรวมจะทำให้การเข้าถึงสัญญาณเครือข่ายดีขึ้น เสาสัญญาณเพิ่มมากขึ้น สัญญาเร็ว แรง และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากขึ้น เมื่อรวมจำนวนเสาสัญญาณของทรูและดีแทคแล้ว คาดว่าจะมีมากกว่า 49,800 สถานีฐาน ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่พื้นที่ไหนในประเทศไทยก็สามารถใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ลูกค้าดีแทคจะได้ใช้สัญญาณ 5G ของทรูได้อีกด้วย
นอกจากนี้ คลื่นที่ครบถ้วนในทุกย่านความถี่ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับทุกย่านความถี่เริ่มตั้งแต่คลื่น 700 MHz มีทั้ง 2 ค่าย คลื่น 850 MHz ดีแทคสามารถใช้ของทรูได้ คลื่น 900, 1800, 2100 MHz มีทั้ง 2 ค่าย และลูกค้าทรูสามารถใช้คลื่นที่ทรูไม่มีเช่น คลื่น 2300 MHz ในขณะที่ดีแทคสามารถมาใช้คลื่น 2600 MHz 5G ของทรูได้ ดังนั้น ลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างมากจากจำนวนคลื่นและแบนด์วิธที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถโทร.โดยใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับได้ทุกย่านความถี่
ประเด็นที่สอง คือ การจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การควบรวมของโอเปอเรเตอร์ทำให้ได้ประโยชน์จากการลดต้นทุน (The amount of in-country consolidation for cost reduction) เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำเสนอบริการที่มีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น ดังตัวอย่างประเทศไทย ที่โอเปอเรเตอร์มีต้นทุนค่าไลเซนส์ ค่าคลื่น ค่าอุปกรณ์เน็ตเวิร์กในราคาสูงมาก
ทำให้ภาวะต้นทุนยากต่อการแข่งขัน อีกทั้งมรสุมเงินเฟ้อในอนาคตจะกดดันดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น การที่ New Co มีการศึกษาด้านต้นทุน และสามารถลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญจะส่งผลบวกต่อกำไร ราคาลูกค้าจะได้ความคุ้มค่ามากขึ้น เพราะแพกเกจที่ใช้อยู่สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว
และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราค่าบริการต่ำสุดในโลก ทำให้การจัดการต้นทุนที่ดี คือหัวใจสาระคัญในการประกอบธุรกิจ เช่น เพิ่มความสะดวกมากขึ้น โดยมีศูนย์ให้บริษัทหลังการควบรวมเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริการหลังการขายสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น จำนวนร้าน สาขาของทรู และดีแทคทั่วประเทศ จะให้บริการลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ และนำมาต่อยอดบริการรูปแบบใหม่ ให้ลูกค้ามีความสะดวก และมี call center รวม 2 ค่ายมากกว่า 5,200 คน
ประเด็นที่สามคือ ผู้ประกอบการต้องการควบรวมเพื่อให้บริการดิจิทัลอื่นที่มีมูลค่าสูงกว่า Operator decisions to expand aggressively in non-core areas. เพื่อไปแข่งในเวทีดิจิทัลที่มีการให้บริการแบบบนก้อนเมฆ (Cloud Solution) ครอบคลุม IOT, Digital Service, Enterprise, SME เป็นต้น ทั้งนี้
หลังการควบรวม ผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยพร้อมปรับตัวเข้าสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถที่จะแข่งกับผู้ประกอบการระดับโลก และสนับสนุนการลงทุนของ TechStartup รุ่นใหม่ บริษัทจะมีความสามารถในการลงทุนเพิ่ม รองรับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการดิจิทัลมากขึ้น
เช่น บริการแพทย์ทางไกล การประชุมทางไกล การเข้าถึงคอนเทนต์ เพลง หนังระดับโลก ในราคาลดลง หลังการควบรวม NEW CO ปรับตัวเข้าสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถที่จะแข่งกับผู้ประกอบการระดับโลก และสนับสนุนการลงทุนของ TechStartup รุ่นใหม่ บริษัทจะมีความสามารถในการลงทุนเพิ่ม รองรับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการดิจิทัลมากขึ้น เช่น บริการแพทย์ทางไกล การประชุมทางไกล การเข้าถึงคอนเทนต์ เพลง หนัง ระดับโลกในราคาลดลง
ด้าน บล.กรุงศรี มอง "POSITIVE" กลุ่ม ICT คลายกังวลเรื่องศาลในดีลควบรวม DTAC-TRUE หลังศาลปกครองยกคำร้องของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ให้ขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีการรวมธุรกิจของ DTAC และ TRUE ซึ่งหมายความว่าไม่มีประเด็นอื่นอีกจากทางฝั่งศาลที่จะหยุดดีลนี้ แต่อุปสรรคอีกด้านคือ เงื่อนไขของ กสทช. ซึ่งจะทำให้มูลค่า synergy ลดลงอย่างมากยังคงไม่ชัดเจน
ในส่วนของ บล.ทิสโก้ได้มีการออกบทวิเคราะห์ตามรายงานในเดือนมีนาคม 2565 เรื่อง "การปรับสมมติฐานการควบรวมกิจการ" โดยราคาเป้าหมายของเราสันนิษฐานว่า NewCo จะมีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสันนิษฐานต่อไปว่าการลด Capex และ OPEX จะเป็นยุทธศาสตร์หลักและ แนะนำให้ "ซื้อ" DTAC และ TRUE โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 59.00 บาท และ 5.80 บาทตามลำดับ
ขณะที่ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวก ภายหลังที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเปิดรายงานการควบรวมกิจการ โดยคาดว่าจะมีกำไรราว 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นผลกำไรที่ยังไม่รวม Synergy ซึ่งหากพิจารณาร่วมด้วยคาดว่าบริษัทใหม่ (Merge Co) จะมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 1 หมื่นล้านบาทต่อปี และจะส่งผลให้กำไรสุทธิของ Merge Co อยู่ที่ราว 1.5-2.5 หมื่นล้านบาทต่อปี
สำหรับ นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS กล่าวว่า หลังศาลปกครองกลางยกคำร้องขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ปูทางให้การควบรวมกิจการเดินหน้าต่อไปได้ตามคาด KS คาดว่าการควบรวมกิจการจะเสร็จสมบูณ์ในช่วงปลายเดือน ม.ค.2566 หรือต้นเดือน ก.พ.2566 ผู้บริหารของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวม (mergeco)
มีแนวโน้มที่จะใช้โรดโชว์เพื่อโน้มน้าวนักลงทุนให้เห็นถึงการสร้างมูลค่าการผนึกกำลังที่อาจเกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ KS ประเมินมูลค่าควบรวม 1.02 แสนล้านบาท หรือ 2,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย 1) upside ต่อรายได้ 2) การประหยัดค่าใช้จ่ายดำเนินการ (opex) และ 3) การประหยัดงบลงทุน (capex)
โฆษณา