5 ม.ค. 2023 เวลา 08:01
ฎีกาที่ 3857/2564
ที่จำเลยให้การต่อสู้โจทก์ไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายนั้น เดิมจำเลยเคยยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยอ้างว่าโจทก์ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องเนื่องจากโจทก์ไม่ได้เป็นบุตรของผู้ตายจึงไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายทั้งไม่ใช่ผู้รับพินัยกรรม ตามคดีหมายเลขแดงที่ พ.269/2559 ของศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย
โจทก์เป็นผู้ร้องส่วนจำเลยเป็นผู้คัดค้านที่ 1 จึงเป็นคู่ความในคดีเดียวกันกับคดีก่อน แม้คดีดังกล่าวจะมีประเด็นว่าโจทก์หรือผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่ แต่คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างก็ตาม จำเลยก็ไม่อาจกล่าวอ้างในคดีนี้อีกว่าโจทก์ไม่ใช่บุตรของผู้ตาย
เพราะขัดต่อคำพิพากษาในคดีของศาลจังหวัดนนทบุรีซึ่งวินิจฉัยไว้ในประเด็นเดียวกันนั้น คำสั่งในคดีดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคหนึ่ง แม้ไม่ปรากฏว่าคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วหรือไม่ แต่เมื่อยังไม่ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับ หรืองดเสีย จึงยังคงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยอยู่ตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้ให้การและอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ใช่บุตรของผู้ตาย
โดยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ว่าไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องอย่างไร เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทเป็นอีกคดีหนึ่งนั้น ก็เป็นการยกเหตุแห่งการปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ขึ้นมาใหม่อันเป็นคนละเหตุกับที่จำเลยให้การไว้ จึงเป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 252 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อคดีรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินพิพาท และโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่อาศัยอีกต่อไป จำเลยจึงอยู่โดยละเมิดต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านและที่ดินพิพาทและชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา