5 ม.ค. 2023 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจเป็นอีกสิ่งที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา บางช่วงก็เติบโตอย่างน่าตื่นเต้น บางช่วงก็ชะลอตัวท่ามกลางความกังวล บางครั้งก็เกิดวิกฤติจากปัญหาบางอย่าง ซึ่งก็คือสัจธรรมที่ทุกอย่างมีขึ้นต้องมีลง และเรียกสิ่งนี้ว่า วัฏจักรเศรษฐกิจ
วัฏจักรเศรษฐกิจรอบนี้เริ่มใหม่อีกครั้งหลัง COVID-19 แพร่ระบาด จากนั้นก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ขณะที่ปัจจุบันผลของเงินเฟ้อสูงและการขึ้นดอกเบี้ยกำลังส่งให้เศรษฐกิจชะลอตัว แน่นอนว่าทุกช่วงวัฏจักรจะมีบริษัทที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ หน้าที่ของนักลงทุน คือ พยายามลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์และหลีกเลี่ยงหุ้นที่เสียประโยชน์ บทความนี้จะพาไปหากันว่าแต่ละช่วงวัฏจักรมีหุ้นกลุ่มไหนที่มีโอกาสทำผลตอบแทนโดดเด่น?
📌 เข้าใจวัฏจักรเศรษฐกิจ
วัฏจักรเศรษฐกิจที่นำมาใช้ประโยชน์ในการลงทุนได้แบ่งเป็น 4 ช่วง ประกอบด้วย ถดถอย (Recession) เริ่มฟื้นตัว (Early Recovery) ฟื้นตัวสูงสุด (Full Recovery) และเริ่มถดถอย (Early Recession) ซึ่งต้องมีสิ่งที่ใช้ชี้วัดว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงใดของวัฏจักร โดยทั่วไปจะใช้อัตราการเติบโตของ GDP และอัตราการว่างงาน ซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อ การปรับนโยบายการเงิน และแนวโน้มนโยบายการคลัง เป็นปัจจัยทำให้เศรษฐกิจมีความเคลื่อนไหวขึ้นและลง
ส่วนตลาดหุ้นก็มีวัฏจักรเช่นกัน แบ่งได้เป็น 4 ช่วง คือ จุดต่ำสุด (Bottom) ขาขึ้น (Bull Market) จุดสูงสุด (Top) และขาลง (Bear Market) ซึ่งปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความเคลื่อนไหว ประกอบด้วย ปัจจัยพื้นฐานซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจ และความคาดหวังอันเนื่องมาจากนักลงทุนคาดการณ์อนาคต ดังนั้นวัฏจักรตลาดหุ้นจะเกิดขึ้นก่อนหน้าวัฏจักรเศรษฐกิจ
📌 ทำไมวัฏจักรเศรษฐกิจกับตลาดหุ้นถึงเคลื่อนไหวไม่พร้อมกัน
เพราะในตลาดหุ้นเป็นตลาดที่ซื้อขายสินทรัพย์ด้วยความคาดหวังจากอนาคต นักลงทุนจึงมักนำเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมาใช้เป็นราคาซื้อขายหุ้นในปัจจุบัน จึงเห็นว่าวัฏจักรตลาดหุ้นจะนำหน้าวัฏจักรเศรษฐกิจเสมอ
มากกว่านั้นอาจมีบางครั้งที่วัฏจักรเศรษฐกิจไม่เป็นตามรูปแบบเดิม เพราะอาจมีการใช้นโยบายการเงินที่มหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและได้ผลทันที ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ การทำ Quantitative Easing (QE) ที่เป็นการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ นอกจากนี้จากวิกฤติ COVID-19 ทำให้เห็นบทบาทนโยบายการคลังที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจเช่นกัน ด้วยการจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินประชาชนโดยตรง เช่น โครงการคนละครึ่ง
📌กลุ่มหุ้นที่โดดเด่นแต่ละช่วงของวัฏจักร
● เศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นแตะจุดต่ำสุด เข้าสู่ช่วงต้นของขาขึ้น
เศรษฐกิจถดถอยมักพบว่าตัวเลข GDP ติดลบต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส หรือบางครั้งก็ติดตามได้จากการประกาศของสถาบัน NBER นอกจากนั้นอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ บางครั้งเมื่อถึงเวลาที่เลวร้ายที่สุดก็มักเกิดวิกฤติ
ด้วยธรรมชาติของตลาดหุ้นที่เคลื่อนไหวก่อนเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจถดถอยจนแตะจุดที่แย่ที่สุด ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลงมาแตะจุดต่ำสุดไปก่อนแล้ว ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวตลาดหุ้นเริ่มกลับตัวเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของขาขึ้นท่ามกลางข่าวร้ายที่ถาโถมเข้ามา ช่วงนี้หุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินมักทำผลตอบแทนโดดเด่น เพราะนักลงทุนในตลาดมักจะมองไปในอนาคต แน่นอนว่าเมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ธุรกิจและประชาชนต้องกู้ยืมเงินมาลงทุนใช้จ่าย ส่งผลดีต่อผลประกอบการกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน
นอกจากนี้หุ้นกลุ่มที่รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างอสังหาฯ และยานยนต์ มีความน่าสนใจทั้งด้านมูลค่าและปัจจัยหนุน ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวเพราะภาคธุรกิจและผู้บริโภคนำเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาซื้ออสังหาฯ และยานยนต์
● เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ตลาดหุ้นขาขึ้น
ช่วงเวลานี้จะพบว่าตัวเลข GDP กลับมาฟื้นตัวเป็นบวกอีกครั้ง อัตราการว่างงานลดลง ท่ามกลางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายด้วยอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ และอาจมีนโยบายการคลังสนับสนุน เช่น โครงการคนละครึ่ง ขณะที่การใช้จ่ายที่ฟื้นตัวทำให้เกิดเงินเฟ้ออ่อนๆ เรียกลักษณะเศรษฐกิจแบบนี้ว่า Goldilocks
รายได้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว การใช้จ่ายสินค้าและการท่องเที่ยวจึงเพิ่มขึ้นตามด้วย ส่งผลดีโดยตรงต่อบริษัทที่ประกอบธุรกิจค้าปลีก โรงแรม ร้านอาหาร ขณะเดียวกันบริษัทกลุ่มปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้างรับผลดีทางอ้อมด้วยการเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ ด้านเงินที่กู้ไปก่อนหน้านี้ก็ถูกนำไปลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
● เศรษฐกิจฟื้นตัวสูง ตลาดหุ้นปลายขาขึ้น สูงสุด และเริ่มขาลง
เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวแตะระดับสูงสุด อัตราการเติบโตไม่สามารถเพิ่มได้อีกต่อไป ตัวเลข GDP เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด อัตราการว่างงานแตะจุดต่ำสุด ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นส่งให้อัตราดอกเบี้ยต้องเพิ่มขึ้นตาม ช่วงนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ข่าวดี ทุกกลุ่มธุรกิจขยายกิจการเต็มที่ทำให้มีความต้องการวัตถุดิบสูง บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จะรับประโยชน์จากสภาพเศรษฐกิจช่วงนี้
● เศรษฐกิจเริ่มถดถอย ตลาดหุ้นเข้าสู่ขาลงเต็มตัว
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเริ่มส่งผลให้ทั้งผู้บริโภคและธุรกิจมีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงชะลอตัว ตัวเลข GDP เติบโตน้อยกว่าช่วงก่อนหน้านี้ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อลดลง พร้อมกันกับอัตราดอกเบี้ยแตะจุดสูงสุดจากนั้นต้องลดลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นเริ่มมีข่าวร้ายเข้ามา ผลประกอบการหลายบริษัทที่เคยรุ่งเรืองก็กลับมาชะลอตัว นักลงทุนมองหาการลงทุนที่มั่นคงรอรับกับสถานการณ์ที่ไม่ดีด้วยธุรกิจที่มีรายได้และกำไรสุทธิสม่ำเสมอ พร้อมปันผลสูงท่ามกลางการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งธุรกิจที่ตอบโจทย์นี้ คือ โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า
จากวัฏจักรเศรษฐกิจและตลาดหุ้น นอกจากนักลงทุนสามารถเพื่อค้นหาหุ้นกลุ่มที่เหมาะสมแล้วยังช่วยให้รู้อีกว่าเศรษฐกิจอยู่ช่วงไหนของวัฏจักรแล้ว นอกจากนั้นตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวระยะสั้นและกลางด้วยข่าว แต่ระยะยาวเคลื่อนไหวด้วยปัจจัยพื้นฐานซึ่งก็ตือผลประกอบการและสภาพเศรษฐกิจ
#การลงทุน #เศรษฐกิจ #หุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ #วัฏจักรเศรษฐกิจ
#เรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
โฆษณา