6 ม.ค. 2023 เวลา 08:38 • อสังหาริมทรัพย์
อายุไม่ใช่อุปสรรคของความฝัน : Bruce Campbell ชายวัย 70 สานฝันในวัยเด็ก ซื้อที่ปลูกบ้านที่เป็นเครื่องบิน!
ความฝันในวัยเด็กของคุณคืออะไร?
ถ้ามีคนถามคำถามนี้เราอาจจะตอบว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากเป็นหมอหรือวิศวกร ฯลฯ ถ้าเปลี่ยนมายุคสมัยนี้หน่อยเด็ก ๆ ส่วนใหญ่อาจจะมีคำตอบที่แตกต่างออกไปอย่างเป็นโปรแกรมเมอร์ ยูทูบเบอร์ หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เข้ามาร่วมด้วย
แต่ถ้าลองไปถาม บรูซ แคมป์เบล (Bruce Campbell) ตอนที่เขาในวัย 15 ปี ในยุค 60’s เขาจะบอกว่า “ผมอยากจะมีบ้านที่เป็นเครื่องบิน”
สำหรับคนทั่วไปอาจจะดูเป็นความฝันที่ดูเพ้อเจ้อสักหน่อย แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป แคมป์เบลวัย 73 ปีได้ทำตามความฝันที่ตัวเองตั้งเอาในตอนนั้นแล้ว
## ซื้อที่เพื่อปลูกบ้านที่สร้างจากเครื่องบิน
แคมป์เบลเล่าให้กับสื่อ CNBC ฟังว่าเขาเป็นเด็กเนิร์ด ๆ คนหนึ่ง ชอบพวกเทคโนโลยีต่าง ๆ มาตั้งแต่เด็ก ความฝันที่จะมีบ้านในเครื่องบินเริ่มขึ้นตอนที่เขาอายุ 15 ปี ตอนนั้นเขากับครอบครัวกำลังนั่งดูทีวี จู่ ๆ ก็มีรายการหนึ่งที่พูดถึงเรื่องลานจอดเครื่องบินเก่าที่ปลดระวางแล้ว มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนและปลุกความสนใจในตัวขึ้นมาทันทีเลย
“ผมไม่นึกเลยว่ามันจะมีสถานที่แบบนี้บนโลกด้วย เครื่องบินจอดเรียงกันเต็มไปหมด หลายพัน ๆ ลำ จอดอยู่เฉย ๆ สุดลูกหูลูกตา มันสุดยอดมาก ๆ ผมนี่อ้าปากค้างแล้วคิดในหัวว่า ‘ทำไมผมจะมีสักลำไม่ได้’ ”
และความคิดนั้นก็ติดอยู่ในหัวของเขามาโดยตลอด
ในช่วงปี 70’s หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็เริ่มทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้า ภายในเวลาไม่กี่ปีก็ตัดสินใจซื้อที่ดินเปล่าแปลงหนึ่งขนาดประมาณ 25 ไร่ที่เมืองฮิลส์โบโร รัฐออริกอน ประเทศอเมริกา ด้วยเงินราว ๆ 25,800 เหรียญ (ราว ๆ 9 แสนบาท) โดยหวังว่าวันหนึ่งจะใช้มันเพื่อปลูกบ้านที่มีปีกที่ตัวเองใฝ่ฝัน
หลังจากเก็บเงินจนได้ระดับหนึ่ง เขาก็พร้อมที่จะมองหาบ้านของตัวเองสักลำแล้ว
ช่วงประมาณปี 1999 ด้วยความที่ไม่มีความรู้เลยว่าจะเริ่มหาเครื่องบินได้จากที่ไหน เขาจึงติดต่อไปยังบริษัทรับกำจัดซากเครื่องบินเก่าให้หาเครื่องบินให้หน่อย ซึ่งก็มารู้ภายหลังว่าถูกโก่งราคาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและเขาก็แนะนำว่าสำหรับใครก็ตามที่อยากนำเครื่องบินมาทำเป็นบ้านให้หาเครื่องบินที่ยังใช้งานอยู่ตอนนี้ก็ถอดเครื่องยนต์และใบพัดออกจะได้ของที่ดีกว่า
ไม่ว่ายังไงก็ตามหลังจากหลายเดือนผ่านไป บริษัทก็เจอเครื่องบินลำหนึ่งเป็น Boeing 727 ขนาด 200 ที่นั่ง มีพื้นที่ภายในราว ๆ 100 ตร.ม. หนักร่วม ๆ 31 ตัน จากประเทศกรีซ แถมยังมีเรื่องเล่าติดมากับเครื่องบินด้วย
มันเป็นเครื่องบินที่ถูกใช้ขนศพของ อริสโตเติล โอนาสซิส (Aristotle Onassis) เจ้าของสายการบินลำนี้ในปี 1975 เขาเป็นเจ้าสัวเดินเรือชาวกรีก-อาร์เจนติน่าผู้ล่วงลับที่แต่งงานกับอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แจ็กเกอลีน เคนเนดี โอนาสซิส (Jacqueline Kennedy Onassis) อดีตภรรยาของจอห์น เอฟ. เคนเนดี (John Fitzgerald Kennedy - ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของอเมริกา) ที่แต่งงานกับโอนาสซิสห้าปีหลังจากเหตุการณ์ลอบสังหาร) ก่อนที่จะเสียชีวิต
## ลงมือสร้างบ้านในฝัน
เขาตกลงซื้อและจ่ายค่าเครื่องบินประมาณ​ 100,000 เหรียญ (3.4 ล้านบาท) เครื่องบินลำนั้นถูกบินมาส่งจากกรีซสู่รัฐออริกอน หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการถอดเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องบินลำนี้จะไม่ถูกใช้ในการบินอีกต่อไปอย่างแน่นอน
พอทุกอย่างพร้อม เครื่องบินเปล่า ๆ ที่ไม่มีเครื่องยนต์ก็ถูกลากไปตามท้องถนนใจกลางเมืองฮิลส์โบโรเพราะนั่นคือถนนเส้นที่ใหญ่ที่สุดแล้ว มันกลายเป็นข่าวใหญ่ลงหน้าหนังสือพิมพ์ในขณะนั้น เขาบอกว่าความกว้างของถนนพอดีเกือบจะเป๊ะ ๆ กับปีกเครื่องบินเลย เหลือเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
แต่ขนส่งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี และกระบวนการนี้ก็จ่ายเงินเพิ่มอีก 120,000 เหรียญ (4.1 ล้านบาท)
 
ในที่สุดเขาก็ได้บ้านที่ตัวเองต้องการ แต่งานยังไม่จบแค่นั้น เพราะยังมีขั้นตอนตบแต่งปรับเปลี่ยนเครื่องบินให้กลายเป็นบ้านที่สามารถอยู่ได้จริง ๆ ถอดเบาะนั่งออก แบ่งพื้นที่เป็นโซนสำหรับทำงาน ห้องครัว ห้องนอน (จะเรียกว่าฟูกที่นอนซะมากกว่า) สร้างห้องอาบน้ำ ติดอ่างล้างจาน เดินระบบไฟฟ้าและระบบน้ำ มีไมโครเวฟ ตู้เย็น และเตาอบพร้อมเรียบร้อย แถมยังมีแยกห้องน้ำสำหรับตัวเองและแขกที่มาเยี่ยมอีกด้วย
ด้วยความรักและความรู้เกี่ยวกับเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีการบิน เขาค่อย ๆ ปรับแต่งเครื่องบินลำนี้ให้กลายเป็นบ้านของตัวเองด้วยตัวเอง วันนี้ทำปีก วันนี้ทำห้องนักบิน วันนี้ทำห้องน้ำ ฯลฯ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปีและใช้เงินอีก 15,000 เหรียญ​ (5 แสนบาท) ในที่สุดเขาก็ได้บ้านที่ตัวเองฝันเอาไว้ตั้งแต่อายุ 15 ปี
บ้านเครื่องบินสักหลัง ทำไมเขาจะมีไม่ได้?
“เมื่อคุณอาศัยอยู่ในโครงสร้างแบบนี้ คุณรู้สึกเติมเต็มมากขึ้นในชีวิต และถ้าคุณเป็นวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ หรือใครก็ตามที่ชื่นชอบความงดงามและความสวยของเทคโนโลยีการบิน มันจะที่ที่อยู่แล้วมีความสุขเลย”
## เป้าหมายในการสร้างบ้านเครื่องบินหลังต่อไป
แคมป์เบลอธิบายว่าตอนนี้ค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้านตกอยู่ราว ๆ เดือนละ 370 เหรียญ (12,500 บาท) ซึ่งเป็นค่าภาษีที่ดินประมาณ 200 เหรียญ และค่าไฟฟ้าประมาณ 100-250 เหรียญ
เขาแต่งงานกับภรรยาชาวญี่ปุ่น และใช้เวลาครึ่งปีที่บ้านเครื่องบินที่รัฐออริกอนประเทศอเมริกา ส่วนอีกครึ่งปีที่ประเทศญี่ปุ่นกับภรรยา ซึ่งครึ่งปีที่ไม่ได้อยู่กับภรรยาเขาบอกว่าทั้งคู่ตกลงและเข้าใจกันดีในเรื่องนี้ ภรรยาของเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีปัญหาอะไร เขาได้ทำในสิ่งที่รักและได้อยู่บ้านที่ตัวเองสร้างมากับมือด้วย
ด้วยวัย 73 ปี เขาไม่ได้ทำงานประจำที่ไหนแล้ว แต่ก็ยังแอคทีฟมาก ๆ นอกจากจะต้องคอยตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างที่รับน้ำหนักบ้านอยู่เสมอ ก็ต้องทำความสะอาด เช็ดถูและกวาดบ้านขนาด 200 ที่นั่ง แถมยังต้องกวาดใบไม้ เช็ดถูข้างนอกเครื่องบินด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานหนักเอาเรื่อง
นอกจากนั้นเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เก่า ๆ ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ส่วนตัว บริเวณบ้านของเขายังไม่มีไวไฟฟรีจากรัฐบาลต้องใช้สัญญาณจากโทรศัพท์อยู่ แต่ละวันก็ยังคงปรับแต่งนู่นนี้กับบ้านเครื่องบินของตัวเองอยู่ตลอด บางทีก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่บ้าน ซึ่งเขาก็จะพาทัวร์และอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังว่ามันเครื่องบินลำนี้มาตั้งอยู่กลางป่าตรงนี้ได้ยังไง โดยเขาบอกว่าการที่มีแขกมาเยี่ยมที่บ้านหลังนี้เป็นสิ่งเติมเต็มชีวิตและเขาก็รักแขกทุกคนมาก ๆ
เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกของบ้านเครื่องบินหลังนี้ เขาบอกว่า
“ผมไม่รู้สึกเสียดายเลยที่ทำตามสิ่งที่ฝันเอาไว้ [...] มีอยู่อย่างเดียวก็คือบ้านหลังนี้อยู่ผิดประเทศไปหน่อย เพราะเพื่อนและคนรักของผมอยู่ที่ญี่ปุ่น ซึ่งโปรเจ็กต์ต่อไป บ้านเครื่องบินหลังต่อไปก็หวังว่าอยู่ที่นั่น”
และเขาก็ยังบอกอีกว่าอยากจะสร้างหลังที่สาม สี่ ห้า...ไปเรื่อย ๆ
ดูแล้วเหมือนว่า ไฟแห่งความฝันของเด็กชายวัย 15 ปีนั้นยังลุกโชนอยู่ แม้เวลาจะผ่านมานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม
อ้างอิง
โฆษณา