Hallstatt เมืองจิ๋วที่วิวเหมือนเหรียญ
Hallstatt เป็นเมืองขนาดจิ๋ว ที่สามารถเดินรอบเมืองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เดิมทีการเดินทางมายังเมืองนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะมีทางเข้าเมืองเพียงทางเดียว คือต้องนั่งเรือข้ามทะเลสาบมาเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีการทำถนนผ่านทางภูเขา ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น (แต่ก็ยังยากอยู่ดี)
มุมมหาชน ณ Hallstatt
ถึงแม้จะเดินทางลำบากแค่ไหน Hallstatt ก็ยังเป็นเมืองที่เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน น่าจะเป็นเพราะความสวยงามของเมืองนี้ ที่เบื้องหน้าคือทะเลสาบขนาดใหญ่ ฉากหลังคือภูเขา
การเดินทางมา Hallstatt จากเมือง Salzburg มีสองวิธี นั่งรถบัสจาก Salzburg ไปยังเมือง Bad Ischl แล้วต่อรถบัสหรือรถไฟไปยังเมือง Hallstatt ถ้านั่งรถไฟจะต้องต่อเรือข้ามฝากอีกทีนึง และวิธีสุดท้ายคือการใช้เงินแก้ปัญหา ซื้อทัวร์ใน Salzburg แล้วนั่งรถบัสมา ราคาประมาณ 60 ยูโรต่อคน
รถบัสจะออกเวลาเที่ยงของทุกวัน แล้วจะให้เวลาในเมืองประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอที่จะเดินรอบเมือง แต่อาจจะไม่พอสำหรับการขึ้น sky walk ถ้าคิวยาว ส่วนตัวคิดว่าอาจจะต้องเลือกว่าจะเดินให้รอบเมือง หรือไป sky walk และถ้าไม่ได้เดินทางไปช่วงหน้าหนาว จะสามารถเข้าชมเหมืองเกลือได้อีกด้วย
วิวจาก Bone house
หลังจากเดินไปมุมมหาชน เบียดเสียดถ่ายรูปเรียบร้อย มีอีกที่ที่ควรไปคือ Bone house ระหว่างทางเดินกลับไปขึ้นบัส เนื่องจากเมืองนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก ทำให้มีพื้นที่สุสานไม่เพียงพอ สุดท้ายคนในเมืองจึงต้องขุดโครงกระดูกของผู้วายชนที่ฝังครบเวลาแล้ว มาทำความสะอาด ตากแสงแดดและแสงจันทร์ วาดลวดลายและสลักชื่อลงบนหัวโหลก และเก็บใน bone house
การเข้า bone house มีค่าเข้าเล็กน้อย ประมาณ 2-3 ยูโร พอจ่ายเงินแล้วเจ้าหน้าที่จะถามเราว่า เราจะเอาคำอธิบายเป็นภาษาอะไร ให้ตอบอย่างมั่นใจไปเลยว่า ภาษาไทยค่ะ เพราะว่าเขามีฉบับภาษาไทยอยู่จริงๆ ตอนแรกเราบอกว่าเอาภาษาอังกฤษ แล้วนึกสนุกแกล้งเจ้าหน้าที่เล่นว่าเขามีภาษาอะไรบ้าง คุณลุงเขาเลยตอบอย่างภาคภูมิว่ามี 30 กว่าภาษา จะเอาภาษาอะไรล่ะ เลยลองบอกภาษาไทยไป สรุปเขามีจริงๆ แล้วคุณลุงแกก็ดูมีความสุขมากที่มีภาษาของเรา ใครไปก็อย่าลืมไปแกล้งคุณลุงได้นะคะ
คำอธิบายในนั้นจะเขียนถึงเรื่องราวของ bone house และปิดท้ายด้วยรายละเอียดของโครงกระดูกล่าสุดที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใน bone house เนื่องจากในปัจจุบันชาวบ้านมีทางเลือกที่จะไม่ให้ขุดโครงกระดูกขึ้นมา ก่อนเสียชีวิตจึงต้องแสดงเจตจำนงว่าต้องการเข้าไปอยู่ใน bone house ทำให้โครงกระดูกล่าสุดเข้ามาอยู่ในบ้านกระดูกในปี 1997
Souvenir vending machine 😅
หลังจากออกจากบ้านกระดูก ระหว่างทางเดินกลับไปที่รถบัส ก็ได้เห็นของฝากที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ราคา 10 ยูโร เป็นกระป๋องที่อัดอากาศของ Hallstatt เอาไว้ อาจจะเหมาะสำหรับเอาไปแกล้งเพื่อนหรือฝากคนที่บอกว่าให้เก็บอากาศมาฝากหน่อย 🤣 แต่ราคาก็แอบแรงอยู่เหมือนกันนะคะ ส่วนของฝากในเมืองนี้ ไกด์ในรถเราบอกว่า “เข้าไปดูได้ค่ะ แต่ราคามันจะแพงหน่อยๆ และพอซื้อกลับถึงบ้าน เราอาจจะถามตัวเองว่าซื้อมาทำไม”
ส่วนตัวเรา ขอแค่เหรียญสะสมกับภาพถ่ายฝาท่อก็พอแล้วค่ะ ใช่! ฝาท่อระบายน้ำนี่แหละค่ะ เผื่อบางคนยังไม่ทราบ เมืองท่องเที่ยวในยุโรปส่วนมากจะมีทำลายฝาท่อแตกต่างกัน เป็นชื่อเมืองนั้นๆค่ะ ในเอเชียเท่าที่ทราบ มีประเทศญี่ปุ่นค่ะ แต่ญี่ปุ่นเขาไปขั้นกว่าคือ นอกจากลายแล้วยังมีการลงสีเพิ่มด้วย คราวหน้าใครมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศก็อย่าลืมก้มมองใต้เท้าดูด้วยนะคะ ว่ามีฝาแบบไหนบ้าง
ฝาท่อในเมือง
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
