8 ม.ค. 2023 เวลา 07:05
ฎีกาที่ 3035/2562
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินกู้ ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินจำเลยให้การต่อสู้ ปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่า จำเลยไม่เคยลงลายมือชื่อทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ และหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารปลอม ดังนี้ การจะรับฟังว่าจำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ตามฟ้องจริงหรือไม่ย่อมต้องอาศัยหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเป็นพยานหลักฐาน
เมื่อหนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์อ้างเป็นหลักฐานในการฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดต่อโจทก์ มีลักษณะเป็นตราสารซึ่งต้องปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่า ดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 แต่หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน
คงปิดอากรแสตมป์เพียงเท่านั้น มิได้ขีดฆ่าเสียด้วย หนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าว จึงถือเป็นตราสารที่ปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์ ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 และเป็นผลเท่ากับว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แม้จำเลยจะมิได้ให้การต่อสู้ไว้จำเลยย่อมยกขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง, 252 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 แผนกคดีผู้บริโภค พิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้เงินกู้ตามฟ้องแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยแม้หยิบยกขึ้นวินิจฉัยก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป (พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา