12 ม.ค. 2023 เวลา 05:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปดีล บางจาก ซื้อกิจการ ESSO 20,000 ล้านบาท
8
ข่าวใหญ่เช้านี้ คือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ ESSO ประเทศไทย สัดส่วน 65.99% ซึ่งคิดเป็น มูลค่าเบื้องต้นราว 20,000 ล้านบาท
6
โดยราคากิจการที่ซื้อจะเป็นราคาที่ตั้งต้นด้วย 55,000 ล้านบาท
ก่อนปรับปรุงรายการทางการเงินต่าง ๆ เช่น หนี้สิน เงินทุนหมุนเวียน (ซึ่งยังเปลี่ยนแปลงได้) อีกราว 25,000 ล้านบาท
3
ทำให้เหลือเป็นราคากิจการเบื้องต้นราว 30,000 ล้านบาท
1
ซึ่งบางจากซื้อ 65.99% ก็จะคิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายประมาณ 20,000 ล้านบาท (อาจต้องจ่ายมากกว่านี้ เพราะต้องทำ Tender Offer กับผู้ถือหุ้น ESSO ที่เหลือด้วย)
2
โดยตอนนี้บางจากยังไม่เซ็นสัญญาซื้อ ดังนั้นราคาซื้อก็อาจขึ้นหรือลงได้ หากผลประกอบการของบริษัท ESSO เปลี่ยนแปลงไป ก่อนวันที่เซ็นสัญญาซื้อ เช่น หนี้สินเพิ่ม ก็อาจทำให้ราคาซื้อลดลง
4
โดยจากข้อมูลที่บางจากทำให้เป็นตัวอย่าง
- ราคาซื้อกิจการ ESSO ของเดือนมิถุนายน ปี 2565 จะคำนวณได้เป็น 9.63 บาทต่อหุ้น
- ราคาซื้อกิจการ ESSO ของเดือนกันยายน ปี 2565 จะคำนวณได้เป็น 8.84 บาทต่อหุ้น
2
โดยราคาทั้งคู่นั้น ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายกันในตลาดเมื่อวานที่ 11.01 บาทต่อหุ้น
นั่นจึงทำให้หลังจากตลาดหุ้นไทยเปิดมาเช้านี้ ราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัท เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่น่าสนใจ
4
- หุ้น BCP (บางจาก) บวกขึ้นเป็น 34.25 บาท คิดเป็น +7.9%
- หุ้น ESSO ร่วงลงเป็น 9.50 บาท คิดเป็น -14.41%
2
เพราะพูดง่าย ๆ คือ บางจาก จะได้ของถูกกว่าราคาตลาด ส่วน ESSO จะต้องขายกิจการในมูลค่าน้อยกว่าราคาตลาด
7
ทีนี้ เรามาดูกันว่า พอ ESSO เข้ามารวมกับบางจากแล้ว จะใหญ่ขนาดไหน ?
1
เริ่มจากจำนวนสาขาของสถานีบริการน้ำมัน
เมื่อรวมกัน บางจาก กับ ESSO จะมี 2,100 สาขา และจะเป็นผู้เล่นสำคัญเทียบเท่ารายใหญ่ในตลาดทันที
5
หากเทียบกับผู้เล่นในตลาดสถานีบริการน้ำมันรายอื่น ๆ OR มี 2,473 สาขา และ PTG มี 2,212 สาขา
1
นอกจากนั้น ผลประกอบการของ บางจาก ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิมที่ บางจาก มีรายได้ 199,417 ล้านบาท รวมกับ ESSO ที่มีรายได้ 172,907 ล้านบาท
1
รวมกันจะสร้างรายได้ราว 400,000 ล้านบาท โดยผู้เล่นใหญ่สุดในตลาดอย่าง OR มีรายได้อยู่ 515,280 ล้านบาท
3
อย่างไรก็ตาม บางจาก และ ESSO ยังมีรายได้จากธุรกิจโรงกลั่นรวมอยู่ด้วย โดยหลังเข้าซื้อกิจการ บางจากจะมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น เป็น 297,000 บาร์เรลต่อวัน
7
ซึ่ง OR นั้นไม่มีรายได้จากธุรกิจโรงกลั่น แต่จะไปอยู่บริษัทอื่นในเครือของ ปตท. แทน
2
ในขณะเดียวกัน อีกเรื่องที่ บางจาก จะมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นมาทันทีก็คือ กลุ่มธุรกิจ Non-Oil
3
ชัดที่สุด ก็จะเป็นการขยายสาขาธุรกิจร้านกาแฟ
2
โดยเชนร้านกาแฟของ บางจาก ก็คือ อินทนิล
ล่าสุด มีจำนวนสาขาทั้งหมดทะลุ 1,000 สาขา
1
การที่ บางจาก ได้สาขา ESSO เพิ่มมาอีก 730 สาขา หมายความว่า บางจากสามารถขยายสาขาร้านกาแฟอินทนิล ไปได้อีกมากทันที
1
จากข้อมูลปี 2563 ยอดขายต่อสาขาของอินทนิลอยู่ที่ประมาณ 1.85 ล้านบาทต่อสาขา
4
ถ้าเราลองคิดเล่น ๆ ว่า บางจาก นำร้านอินทนิล
ไปเปิดเพิ่ม ตามสาขาของ ESSO ทั้งหมด
1
นั่นเท่ากับว่า บางจาก จะมีรายได้เพิ่มจากสาขาของอินทนิลที่เพิ่มขึ้น อีกประมาณปีละ 1,350 ล้านบาทเลยทีเดียว
การที่ บางจาก ได้ ESSO มาอยู่ในมือ ก็จะทำให้อินทนิล มีความสามารถในการแข่งขันในเรื่องธุรกิจร้านกาแฟเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
1
โดย Café Amazon เชนร้านกาแฟของ OR มีจำนวนสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 4,501 สาขา
สรุปแล้ว ดีล บางจาก เข้าซื้อกิจการ ESSO ก็น่าจะเป็นดีลใหญ่ประจำปีนี้ และสิ่งที่เราน่าจะได้เห็นต่อจากนี้ก็คือ
- ปั๊ม ESSO จะเปลี่ยนเป็น ปั๊มบางจากทั้งหมด จากเงื่อนไขของการซื้อขาย ESSO จะให้ใช้แบรนด์เดิมได้อีกแค่ 2 ปี
2
- ร้านกาแฟอินทนิล น่าจะเข้าไป อยู่ใน ESSO แบบปูพรมทุกสาขา
1
- ดังนั้น บางจาก จะขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ของตลาดสถานีบริการน้ำมัน และโรงกลั่นทันที
1
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้ไหมว่า ปตท. เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บางจาก มาก่อน
4
แต่ ปตท. ได้ขายหุ้นบางจากไปทั้งหมดเมื่อปี 2558 ให้กับกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ในสัดส่วน 15.25% และสำนักงานประกันสังคมในสัดส่วน 11.96% คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 13,490 ล้านบาท
3
มาวันนี้บางจากซื้อกิจการ ESSO ก็เหมือนกับว่า จากเดิมที่เป็นน้องรัก ได้ขึ้นมาท้าชนกับพี่ใหญ่อย่าง ปตท.
4
ซึ่งถ้าดีลนี้สำเร็จ ก็น่าจะเป็น Case Study ที่น่าสนใจ ของวงการตลาดทุน และธุรกิจพลังงาน ของประเทศไทย..
โฆษณา