12 ม.ค. 2023 เวลา 07:46
ฎีกาที่ 1815/2561
สำหรับจำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 โดยยื่นฎีกาคำสั่งฉบับเดียวกับจำเลยที่ 3 แต่ตามสำนวนปรากฏว่านายประสาทผู้ลงชื่อในฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นทนายความของจำเลยที่ 3 เท่านั้น จำเลยที่ 2 ไม่ได้แต่งตั้งนายประสาทเป็นทนายความของตนแต่อย่างใด
การยื่นฎีกาคำสั่งในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงกระทำโดยบุคคลที่ไม่มีอำนาจโดยชอบ แต่ในชั้นนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่เสียเกินมาให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว จึงล่วงเลยเวลาและไม่มีเหตุสมควรแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องอำนาจทนายความในการยื่นฎีกาคำสั่งในส่วนของจำเลยที่ 2 อีก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 3 ที่ 7 และที่ 8 ต่างยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อุทธรณ์แต่ละฉบับเป็นคำฟ้องตามมาตรา 1 (3)
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ของแต่ละคน จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยแต่ละคน โดยเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 150 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และในกรณีที่มีการยื่นอุทธรณ์แยกกัน โดยคู่ความต่างเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ตามจำนวนทุนทรัพย์ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว
ค่าขึ้นศาลมีจำนวนสูงกว่าที่จะต้องชำระในกรณีที่มีการยื่นอุทธรณ์ร่วมกัน ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ย่อมสั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินได้ ตามบทบัญญัติมาตรา 150 วรรคท้าย และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ก็ได้สั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เสียเกินให้จำเลยแต่ละคนแล้ว ที่จำเลยที่ 3 ที่ 7 และที่ 8 จะถือเอาค่าขึ้นศาลที่จำเลยที่ 1 เสียไว้เต็มจำนวนแล้วเป็นการชำระค่าขึ้นศาลสำหรับอุทธรณ์ที่จำเลยที่ 3 ที่ 7 และที่ 8 ยื่นแยกกันเป็นคนละฉบับนั้น เป็นการไม่ชำระค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องครบถ้วน
คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ที่ให้จำเลยที่ 3 ที่ 7 และที่ 8 ชำระค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยแต่ละคนจึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว (พิพากษายืน แต่ให้ยกฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 2)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา