13 ม.ค. 2023 เวลา 07:42 • กีฬา

พระเจ้าที่ล่วงลับของชาวเนเปิ้ลส์ ดีเอโก้ มาราโดน่า

ไม่นานมานี้ที่หน้าสนามของ สโมสรนาโปลี เพิ่งจะเปิดตัวรูปปั้นของชายที่เป็นตำนานอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งจะเปลี่ยนชื่อสนามจาก สตาดิโอ ซาน เปาโล เป็น สตาดิโอ ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเพราะใครๆ ก็ต่างรู้ดีว่า เขาคือผู้ชายที่เข้ามาเป็นตำนานของทีมอย่างแท้จริง เรื่องความเก่งกาจไม่ต้องพูดถึง จากอดีตถึงปัจจุบันแม้ว่าชายผู้นี้จะล่วงลับไปแล้ว แต่คำว่า อัจฉริยะลูกหนัง ยังคงถูกกล่าวถึงควบคู่กับชายร่างเล็กมาจนถึงปัจจุบัน
ย้อนไปในปี 1982 มันมีเหตุการณ์ก่อนหน้าที่โชคชะตานำพาให้เขามาเป็นพระเจ้าของชาวนาโปลีหลังจากที่ประสบความสำเร็จมากๆ กับทีมชาติอาร์เจนติน่า และสโมสรในบ้านเกิดอย่าง อาร์เจนติโนส จูเนียร์ส และโบคา จูเนียส์
ก่อนจะมาถึงเมืองเนเปิ้ลส์นั้นคนอย่าง มาราโดน่า ก็ได้แวะไปสร้างวีรกรรมให้น่าจดจำไว้กับ เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ใน ลาลีก้า สเปนก่อน ซึ่งวีรกรรมที่กล่าวมานี้อาจจะไม่ดีสักหน่อยในแง่ของการวางตัวเป็นนักเตะที่ดี แต่คนอย่าง มาราโดน่า มีหรอจะสนในเมื่อทุกคนต่างยกย่องว่าคุณคือ นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก แล้วล่ะก็ คุณก็ไม่เห็นจะต้องไปแคร์อะไร
ที่ ลาลีก้าสเปน กับ สโมสรบาร์เซโลน่า นั้น เสือเตี้ย เรียกได้ว่าถูกโอ๋ราวกับว่าเขาเป็นลูกรักคนโปรด ยิ่งค่าตัวที่แพงที่สุดในโลกถึง 5 ล้านปอนด์ ในยุคสมัยนั้นแล้วมันก็บ่งบอกได้ว่า เจ้าบุญทุ่ม ยอมทุ่มให้กับ มาราโดน่า มากแค่ไหน วีรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปาร์ตี้อย่างหนักหน่วงจนต้องพักรักษาตับ
หรือแม้กระทั่งอาการขี้เกียจตื่นมาซ้อมในตอนเช้าเจ้าบุญทุ่มก็เลื่อนเวลาออกไปถึง 3 ชั่วโมงให้ เพราะอยากให้ชายคนนี้พักผ่อนอย่างเต็มที่ มันเป็นแบบนี้มาตลอดจนกระทั่ง มาราโดน่า ทำสิ่งที่ประธานสโมสรและแฟนบอลต่างรับไม่ได้
ในศึกโคปา เดล เรย์ ปี 1984 หลังจากที่ มาราโดน่า ต้องพักรักษาตัวอยู่นานจากข้อเท้าที่หักเพระถูก อันโดนี กอยโคเซีย กองหลังฮาร์ดแมนจาก แอธเลติก บิลเบา เสียบอย่างน่าเกลียดเมื่อปีก่อน ในนัดนั้นหลังจากรอคอยมาหนึ่งปีเต็ม เกมจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ บาร์เซโลน่า ด้วยสกอร์ 1 - 0 ก็จริง แต่ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของมาราโดน่าอีกต่อไป
เพราะหลังจากถูกไล่เตะทั้งเกมเหมือนปีที่แล้วไม่มีผิด ครั้งนี้เสื้อเตี้ยสุดจะทนหลังจากมีปากเสียงไม่นาน เขาก็เฮตบัตต์ใส่กองหลังจากแคว้นบาสต์ลงไปกองกับพื้น ตามด้วยศอก แล้วก็ปิดท้ายด้วยการกระโดดเข่าลอยใส่นักเตะอีกคนจนสลบคาสนาม และนั่นก็คือจุดแตกหักของ มาราโดน่า และ สโมสรบาร์เซโลน่า ทันทีเพราะในนัดนั้นมีกษัตริย์ ฆวน คาร์ลอส ของสเปนเสด็จทอดพระเนตรอยู่ด้วย
หลังจากที่ถูกปิดป้ายขาย โชคชะตาของ ดีเอโก้ มาราโดน่า และเมืองนาโปลีก็เหมือนต้องกันทันที จากเหตุการณ์ตะลุมบอน 1 รุม 3 ที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าคนอย่างเขาคือนักเตะที่ตัวเล็กแต่หัวใจใหญ่
เฉกเช่นเดียวกันกับเมืองเนเปิ้ลส์ ในแคว้นคัมปาเนีย ที่ขึ้นชื่อว่าสถานที่แห่งนี้แวดล้อมไปด้วยผู้คนที่มีหัวใจใหญ่กว่าตับกันตั้งแต่ครั้งอดีต ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้คือแคว้นที่ยากจนผู้คนหาเช้ากินค่ำ และมีประวัติความดำมืดจากอาชญากรรมจนเป็นที่กล่าวถึง แม้ว่าในปัจจุบันผู้คนจะสามารถลืมตาอ้าปากได้บ้างแต่กลิ่นอายและวัฒนธรรมอย่าง มาเฟีย และ อิทธิพลมืด ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่จางๆ
นอกจาก ดีเอโก้ มาราโดน่า จะเป็นนักฟุตบอลที่เข้าขั้นอัจฉริยะแล้ว เขาก็เป็นอีกคนนึงที่ฝักใฝ่ทางด้านการเมืองมาก เขาเป็นพวกประเภทซ้ายจัดเกลียดรัฐบาลที่หาผลประโยชน์ต่างๆ กับพวกคนจน ซึ่งมันก็มีความคล้ายคลึงกับเมืองเนเปิ้ลส์ที่เขาได้ย้ายมา เพราะเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยคนยากคนจนและรัฐบาลของอิตาลีในตอนนั้นก็ไม่ได้เหลียวแล นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ มาราโดน่า หลงรักเมืองนี้อย่างเต็มเปา
ทุกช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเนเปิ้ลส์ ดีเอโก้ มาราโดน่า เป็นสตาร์ในสนามแข่งเขาบันดาลความสำเร็จมากมายเท่าที่จะทำได้ให้กับทีม นาโปลี คนๆ เดียวแบกทีมให้ไปถึงการเป็นแชมป์เซเรีย อา ถึง 2 สมัย โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย และยูฟ่าคัพอีก 1 สมัย แน่นอนว่าแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ชาวเมืองและแฟนบอล นาโปลี รักและเชิดชูเขาราวกับพระเจ้าของทีม
ซึ่งนอกเหนือจากผลงานที่แทบจะเนรมิตรชัยชนะได้ด้วยเท้าทั้ง 2 ข้างแล้ว มาราโดน่า มักจะปรากฎตัวตามที่ต่างๆ ภายในเมืองและส่วนใหญ่เขามักจะใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดา ถึงแม้ว่าในทุกๆ พื้นที่ที่ชายคนนี้เดินไปจะโดนแฟนบอลและเหล่านักข่าวรุมล้อมก็ตาม แต่เขาก็จะมีวิถีจัดการเรื่องต่างๆ ตามแบบฉบับ ถ้าวันไหนอารมณ์ดีเขาก็จะยินดีทักทายแฟนบอลและชาวเมือง
แต่ถ้าวันไหนอารมณ์ไม่ได้จริงๆ ทุกคนก็ต้องรับรู้และให้เกียรตินักเตะซุปเปอร์สตาร์ผู้นี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจดีเพราะลักษณะนิสัยที่เป็นคนตรงๆ ของมาราโดน่า มันก็มีส่วนสอดคล้องกับนิสัยของเหล่าผู้คนในเมืองเนเปิ้ลส์เช่นกัน ยิ่งการที่เสือเตี้ยแสดงให้เห็นบ่อยๆ ว่าเขาต่อต้านการถูกเอาเปรียบและการกดขี่ต่างๆ แทบทุกชนิดและจะแสดงอาการต่อต้านขึ้นมาตรงๆ มันก็ยิ่งทำให้ชาวเมืองเนเปิ้ลส์รักและเคารพในตัวของผู้ชายคนนี้ยิ่งขึ้น
ซึ่งตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในเมือง ทั้งตัวเขาเองและแฟนบอลได้ใช้ช่วงเวลาดื่มด่ำกับความสุขสมหวังกันอย่างเต็มที่ มาราโดน่า เหมือนกับได้เจอเมืองที่สร้างมาเพื่อเขาและเขาเองก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้ และเมืองนี้เองในกาลครั้งหนึ่งก็เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่เคยสร้าง นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก คนหนึ่ง เช่นกัน
จึงไม่แปลกที่ชาวเมืองเนเปิ้ลส์จะรักและเทิดทูน มาราโดน่า ราวกับเป็นพระเจ้า ถึงแม้ว่าบางเวลาเขาจะเมาโคเคนหรือปาร์ตี้หนักจนอดหลับอดนอน แต่เมื่อเวลาลงสนามในสีเสื้อของสโมสรนาโปลี ชายผู้นี้จะนำพาชัยชนะออกมาฝากชาวเมืองได้เสมอ.
เขียนโดย : นักเตะจากโลกคู่ขนาน
โฆษณา