11 ก.พ. 2023 เวลา 08:56 • การศึกษา

กรรมของการลบหลู่พระพุทธเจ้า

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐที่สุด สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ๆ ให้แก่โลกได้มาก แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถทำลายล้างโลกได้ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน มนุษย์ได้ทำการทะเลาะวิวาทเบียดเบียนกัน ทำสงครามทั้งรบใหญ่ รบย่อย แม้ปัจจุบันการรบพุ่งกันจะเบาบางลง
แต่สงครามเศรษฐกิจกลับหนักหน่วงขึ้น รบกันข้ามทวีป เป็นสงครามในระดับโลก โดยลืมสงครามในระดับภพสาม ซึ่งมีความสำคัญมากกว่า คือสงครามชิงภพ ที่ทุก ๆ คนจะต้องเผชิญในวาระสุดท้ายของชีวิต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบว่า ถ้าก่อนละโลกจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติก็เป็นที่ไป ถ้าจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใสทุคติก็เป็นที่ไป เราควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องสงครามของชีวิตให้มาก
มีวาระแห่งพุทธสุภาษิตที่มาใน อัยยิกาสูตร ว่า
 
“สรรพชีวิตต้องตาย เพราะความตายเป็นที่สุดของชีวิต เมื่อตายแล้วสัตว์ทั้งหลายจักไปตามกรรม ไปเสวยผลแห่งบุญ และบาปที่ตนได้กระทำไว้ ผู้มีกรรมเป็นบาปจะไปสู่นรก ส่วนผู้มีกรรมเป็นบุญจะไปสู่สุคติ
เพราะฉะนั้น บุคคลพึงทำแต่กรรมดีงาม อันจะนำไปสู่สุคติในสัมปรายภพ บุญทั้งหลายที่ได้ทำสั่งสมไว้ ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก”
เรื่องของชีวิต เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะเกี่ยวข้องกับตัวเราโดยตรง และยังเกี่ยวโยงไปถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย การกระทำของเราทุกอย่างจะมีผลต่อสิ่งแวดล้อม มีผลต่อบุคคลรอบข้าง มีผลต่อจิตใจของมวลมนุษย์ และการกระทำทุกอย่างของเราไม่ว่าจะทางความคิด คำพูด หรือการกระทำ ก็ไม่รอดพ้นจากกฎแห่งกรรมไปได้ ดังนั้นเราควรจะมาศึกษา และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ในเรื่องนี้ เพื่อที่ว่าเมื่อเรารู้แล้วเราจะได้ไม่พลั้งพลาด
เรื่องของกรรมนี้เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง สลับซับซ้อน เพราะสิ่งที่เราได้เคยกระทำผ่านมาในอดีตมานับภพนับชาติไม่ถ้วนนั้นมีมาก มีทั้งดีและชั่ว และที่ไม่ดีไม่ชั่ว ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อตัวเรา ทุกสิ่งที่เรากระทำลงไปทั้งทางความคิด คำพูด และการกระทำ ก็จะมีวิบากกรรมที่ให้ผลได้ใน ๓ ขั้นตอน คือให้ผลในปัจจุบันอย่างหนึ่ง ให้ผลในภพที่ไปเกิดอย่างหนึ่ง และให้ผลในภพชาติต่อ ๆ ไป
อีกอย่างหนึ่ง นี้เรียกว่าวิบากแห่งกรรม การเสวยวิบากแห่งกรรมนั้นขึ้นอยู่กับบุญและบาปที่ได้ทำเอาไว้ในสมัยที่เป็นมนุษย์ ถ้าทำดีก็ไปสู่สุคติ ทำชั่วก็ไปสู่ทุคติ ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงสอนให้เราสั่งสมแต่กรรมที่ดีงาม จะได้มีสุคติเป็นที่ไป
ในชีวิตประจำวันของเราตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน มีความจำเป็นจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องการกระทำหรือที่เรียกว่ากรรม ซึ่งจะมีบุญและบาปคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง โดยจะมีการชิงช่วงและช่วงชิงระหว่างกุศลกรรมและอกุศลกรรมอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างก็แย่งชิงกันทั้งในความคิด คำพูด และการกระทำในกายมนุษย์นี้ ที่เป็นเหมือนหุ่นเชิด สุดแล้วแต่ว่าบุญหรือบาปจะเข้ายึดครอง
หรือเราจะยอมให้บุญหรือบาปเชิด ถ้าบุญเชิด ก็คิดดีพูดดี ทำดี มีวิบากผลที่ดี มีความสุขความสำเร็จเป็นเครื่องตอบแทน ถ้าบาปเชิดเมื่อคิดพูดทำในสิ่งที่ไม่ดี ก็จะมีวิบากกรรมคือความทุกข์ทรมานเกิดขึ้น
คราวที่แล้วเราได้พูดกันถึงเรื่องนี้ ตอนที่บาปอกุศลเข้าสิงจิตของอเจลกะท่านหนึ่งที่ชื่อว่า อเจลกปาฏิบุตร ทำให้เกิดความผยอง ได้ไปท้าประลองฤทธิ์กับพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาทรงรับคำท้าพร้อมทั้งทรงพยากรณ์ด้วยว่า อเจลกปาฏิบุตรที่มาท้าประลองอิทธิปาฏิหาริย์กับพระองค์นี้ จะไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เห็นพระองค์
สุนักขัตตะอุปัฏฐากผู้มากด้วยทิฐิ ก็ล่วงหน้าไปบอกอเจลกะท่านนั้น และบอกมหาชนทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองนั้น ให้มาเป็นพยานรับรู้รับทราบในวาทะของพระบรมศาสดาที่ได้ตรัสออกไป ครั้นถึงกำหนดวันประลองฤทธิ์ พระบรมศาสดาก็เสด็จไปที่อารามของอเจลกะ
แต่อเจลกะก็หลบออกไปทางด้านหลัง ไปอาศรมของเพื่อนอเจลกะ เพราะรู้ตัวว่า ตัวไม่มีฤทธิ์อะไรที่จะไปประลองกับพระพุทธเจ้าผู้มีอานุภาพมาก ซึ่งก็เป็นจริงดังที่พระบรมศาสดาได้พยากรณ์ล่วงหน้าเอาไว้ อเจลกะท่านนี้เกิดหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าออกมาพบพระบรมศาสดา และด้วยวิบากกรรมที่ไปลบหลู่ด้วยการท้าประลองกับผู้มีคุณใหญ่ ศีรษะจึงแตกเป็นเจ็ดเสี่ยง และไปบังเกิดในมหานรกทันที
แม้กระนั้นสุนักขัตตะก็ยังไม่กลัวบาป ยังพยายามที่จะลบล้างวาทะและลบหลู่คุณของพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาจึงเรียกสุนักขัตตะมาตักเตือนแรง ๆ เพื่อให้ได้คิดว่า “ดูก่อนโมฆะบุรุษ เธออยู่กับเรา เธอยังมีความคิดลามกเช่นนี้ มีความเห็นผิดอย่างนี้อยู่หรือ แล้วเธอยังจะกล้าปฏิญาณตนว่าเป็นสมณศากยบุตรได้อย่างไร”
สุนักขัตตะเมื่อได้ฟังคำตักเตือนอย่างนั้นก็โกรธ นึกน้อยอกน้อยใจที่อุตส่าห์ทุ่มเทในการอุปัฏฐากรับใช้พระบรมศาสดาอย่างอุทิศชีวิต แต่มาในครั้งนี้ โดนติเตียนอย่างแรง จึงโกรธเคือง คิดที่จะหนีไปให้ไกลจากพระพุทธองค์
จากเดิมเป็นบุคคลที่เคยเลื่อมใสแล้วก็กลายเป็นพาลขึ้นมา เพราะพญามารเขาเข้าไปบังคับ คอยจ้องจับผิดลบหลู่คุณท่าน โดยเฉพาะมาทำกับพระบรมศาสดาผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ ถือว่าได้ทำกรรมหนัก พระพุทธองค์ทรงหวังจะอนุเคราะห์อุปัฏฐากจึงตรัสเตือนว่า “เธออย่าหนีจากเราไปสู่มหานรกเลย เธออย่าได้หนีจากพระธรรมวินัยนี้ไปเลย” แม้กระนั้น สุนักขัตตะแทนที่จะกลับตัวกลับใจเสียใหม่ กลับดื้อดึงจะไปให้ได้
1
ในที่สุดเขาก็จากพระองค์ไป ได้ไปเที่ยวนินทาพระพุทธเจ้าให้คนอื่นฟัง ครั้นละโลกก็ไปบังเกิดในมหานรกด้วยแรงกรรมที่กระทำผิดต่อพระบรมศาสดา ได้ลบหลู่คุณท่าน ไฟนรกได้เผาไหม้เขาซึ่งได้กายของสัตว์นรก ไหม้จากข้างล่างขึ้นมาข้างบน จนลุกท่วมตัวสัตว์นรกนั้น นายนิรยบาลก็เอาไปผูกติดกับหลักที่เป็นเสาเหล็กร้อน ทั้งมือและเท้าจะผูกมัดติดกับหลักร้อนเอาไฟเผา แม้ได้รับทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้
จนกระทั่งถูกไฟครอกตาย จะมีลมชนิดหนึ่งพัดมา สัตว์นรกก็จะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วถูกไฟนรกเผาไหม้อีก ทรมานอยู่อย่างนี้เป็นเวลายาวนานหลาย ๆ ล้านปี เมื่อหมดกรรมจากมหานรกขุมใหญ่ ต้องมารับกรรมต่อที่ขุมบริวาร จากนั้นไปรับกรรมต่อในยมโลก และมาเป็นอสุรกาย เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน กว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากแสนยาก และนานแสนนาน
เพราะฉะนั้น เราอย่าได้พลั้งพลาดไปทำบาปกรรมกันเลย เมื่อรู้แล้วเข้าใจแล้ว เราก็ต้องเลือกทำแต่กรรมดี เพราะบุคคลหว่านพืชเช่นไรย่อมได้ผลเช่นนั้น เนื่องจากสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม มีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมจะเป็นตัวจำแนกสัตว์โลกให้เลวหรือประณีตต่างกัน
เราทุกคนหลีกเลี่ยงหลีกหนีเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรมนี้ไม่พ้น ฉะนั้นเราต้องเลือกเอาแต่สิ่งที่ดี ๆ ติดตัวเราไปในภพเบื้องหน้า อันที่จริงแล้วชีวิตเราเลือกได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ทุกอย่างแล้วแต่เรา ให้ดูท่านสุนักขัตตะเป็นอุทาหรณ์ แล้วอย่าไปทำอย่างนั้น
1
ผู้ที่ฉลาดในการดำเนินชีวิต ควรจะออกแบบวางแผนผังชีวิตของตัวให้มั่นคงปลอดภัย โดยเลือกทำแต่กุศลกรรมที่ดี ๆ ซึ่งมีวิบากกรรมเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่ากรรมทุกอย่างที่เราสั่งสมเอาไว้ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไรย่อมมีผลเสมอไป ที่จะไม่ให้ผลนั้นเป็นไม่มี
เราทุกคนมีวิบากกรรมติดตัวมาทั้งนั้น แต่ละวิบากกรรมจึงเหมือนกับระเบิดเวลาแห่งชีวิต ที่ติดตามตัวเรามาเหมือนเงาตามตัว มันจะระเบิดขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นเราต้องเร่งสร้างกุศลให้มากเข้าไว้ บุญที่เราได้กระทำตอนที่เป็นมนุษย์อย่างสุดกำลังสุดชีวิต จะได้ติดตามไปส่งผลช่วยเราให้ได้ไปมีสุขอยู่ในสุคติโลกสวรรค์
สำหรับชีวิตที่ผ่านมา หากเราเคยผิดพลาดกันมา ก็อย่าไปตามนึกถึง บาปมันจะโตขึ้นแล้วบาปจะได้ช่อง ให้ลืมมันไปเสีย แล้วก็อย่าทำอีก ให้ตั้งใจสั่งสมบุญบารมีให้เต็มที่ และที่สำคัญที่สุด คือต้องหมั่นปฏิบัติธรรมให้พบพระรัตนตรัยในตัว จึงจะเป็นตัวตัดสินว่า เราปิดประตูอบายภูมิได้แน่นอน มีสุคติเป็นที่ไป
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับผลของบาป หน้า ๔๒๐ – ๔๒๘
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
มก. เล่ม ๑๕ หน้า ๑๑
โฆษณา