13 ม.ค. 2023 เวลา 14:56 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

โครงการรีวิวภาพยนตร์ | CU Movie Club : รีวิว M3GAN เมแกน และ It's in the woods

รีวิว M3GAN เมแกน #1 ( เขียนโดย : ฟลุค พิสูจน์อักษรโดย : ปริม )
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากบลัมเฮ้าส์ อำนวยการสร้างโดยเจมส์ วาน ผู้กำกับเดอะ คอนเจอริ่ง สองภาคแรก ภาพยนตร์เรื่อง “M3GAN (เมแกน)” นี้ว่าด้วยเรื่องของ เคดี้ เด็กหญิงที่สูญเสียพ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เธอต้องไปอาศัยอยู่กับ เจมม่า น้าของเธอที่ทำงานให้กับบริษัทผลิตของเล่น
ซึ่งบริษัทนี้กำลังพัฒนาตุ๊กตาหุ่นยนต์รุ่นใหม่นามว่า ‘M.3.G.A.N’ อยู่ ด้วยความที่เจมม่าเข้ากับหลานไม่ค่อยได้ เธอจึงใช้โอกาสนี้พัฒนาเมแกนให้สมบูรณ์ พร้อม ๆ กับสร้างความบันเทิงให้กับหลานสาวที่บอบช้ำทางจิตใจจากการสูญเสียพ่อแม่
ทว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่เจมม่าหวังไว้ เมื่อเมแกนเกิดผิดพลาดสติแตกและออกอาละวาดขึ้นมา เมื่อดูเผิน ๆ จากตัวอย่างแล้ว เราไม่ได้คาดหวังกับหนังเรื่องนี้เท่าไรนัก เพราะดูยังไงก็ Chucky rip-off ชัดๆ แต่เมื่อกระแสคำวิจารณ์จากเมืองนอกออกมาในทิศทางที่ค่อนข้างดีจนถึงดีมาก เราก็หวังว่า “เมแกน” คงจะมีอะไรมากกว่าแค่ตุ๊กตาหุ่นยนต์ไล่จกตาคนแน่ ๆ ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาดไว้จริง ๆ แต่ต้องบอกก่อนว่าช่วงประมาณ 10-20 นาทีแรกของเรื่องนั้นตัวหนังค่อนข้างน่าเบื่อและยืดเยื้อ บทพูดที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์
โดยหนังพยายามจะสร้างดราม่าให้กับเรื่องที่เรามองว่ายังไม่ค่อยมีน้ำหนักมากนักอยู่ แต่พอผ่านช่วงนั้นมา จนเราได้พบกับเมแกนครั้งแรก กราฟความสนุกของหนังเรื่องนี้ก็พุ่งขึ้นทันที    เมแกนเข้ามาเพิ่มมิติให้กับหนังทั้งในแง่ของความคอมเมดี้ ความน่าขนลุก การจิกกัดสังคม และพาร์ทดราม่าของเรื่อง จากตอนแรกที่เราคิดว่าหนังเรื่องนี้คงเป็นหนังตุ๊กตาไล่ฆ่าคนเอาสนุกอย่างเดียว กลับกลายเป็นว่าตลอดทั้งเรื่อง เราเจอเรื่องหนัก ๆ ที่คาดไม่ถึงมากมาย เช่น ความละเอียดอ่อนในเรื่องการรับมือกับความสูญเสียของเด็ก
อย่างฉากหนึ่งในหนังซึ่งเป็นการพูดคุยระหว่างเคดี้กับเมแกน ทำให้เรารู้สึกเชื่อจากใจจริงว่า เมแกนนั้นรักและอยากปกป้องเคดี้อย่างที่เจมม่าต้องการจริง ๆ และไม่เพียงแค่พาร์ทดราม่าเท่านั้นที่เซอไพร์สเรา พาร์ทคอมเมดี้ก็สนุกเกินคาด ด้วยความที่ตัวหนังมีการล้อเลียนสังคมทั้งในเรื่องของทุนนิยม หรือการที่ปัจจุบันมนุษย์เรานั้นพึ่งพาเทคโนโลยีมากเพียงใด หลาย ๆ มุกในเรื่องเลยเข้าเป้าทุกดอก
ทำให้เรามองว่า เมแกนเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มากในแง่ของการเป็นตัวร้าย เพราะเมแกนได้ยกระดับมิติของหนังในหลาย ๆ ด้านโดยไม่ฝืนความเป็น ‘หนังตลกสยองขวัญ (comedy/horror)’ ของตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ติดใจเรานอกจากพาร์ท 20 นาทีแรก ก็คือตอนจบของหนัง เรารู้สึกว่าตัวหนังตัดจบฉับไวไปหน่อย ทำให้รู้สึกขัดกับการปูมิติของตัวละครเมแกนไปพอสมควร อารมณ์เหมือนดูตอนจบ ‘ร่างทรง’ ที่ต้องถามว่า เอาอย่างนี้จริงดิ? ความสนุกแบบครบรสมันหายไป ในช่วงท้ายเราเลยกลับรู้สึกว่านี่มันกลับมาเป็น Chucky rip-off แล้วนี่หว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในองก์แรกและองก์สองของหนังเราโคตรรัก M3GAN เลย
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็มองว่า M3GAN เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งและควรค่าแก่การไปดูในโรงภาพยนตร์อยู่ดี เพราะอย่างที่บอกไปว่านอกจากความสนุก ความลุ้นระทึกแล้ว พาร์ทดราม่าที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นจุดอ่อนของหนังแนวนี้เลยก็ว่าได้ แต่เมแกนกลับทำออกมาได้อย่างลงตัว โดยจุดไหนที่ต้องเศร้าหนังก็ทำออกมาได้อย่างจับใจ ส่วนจุดไหนที่ต้องสนุกตัวหนังก็ทำออกมาได้ไม่ผิดหวัง
รีวิว M3GAN เมแกน #2 ( เขียนโดย : มารีน พิสูจน์อักษรโดย : ปริม )
.
เริ่มปีใหม่ด้วยภาพยนตร์สยองขวัญสุดสะพรึงและการกลับมาสู่วงการของ เจมส์ วาน ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง แต่ “M3GAN (2023)” แตกต่างไปจากหนังสยองขวัญหลาย ๆ เรื่องที่ เจมส์ วาน เคยทำมา เพราะมีตัวการความสยองคือปัญญาประดิษฐ์สุดลํ้า แทนที่จะเป็นผี หรือปีศาจเหมือนอย่างหนังสยองขวัญเรื่องก่อน ๆ และด้วยเหตุนี้เอง เมแกนจึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากหนังสยองขวัญเรื่องอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
“ปัญญาประดิษฐ์จะหันมาทำร้ายมนุษย์หรือไม่?” เป็นเรื่องที่มนุษยชาติพากันวิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอดหลายปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นตัวอย่างของการหยิบยกข้อถกเถียงนี้มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเช่นกัน เรื่องราวของ M3GAN (2023) ไม่ได้ซับซ้อน เมแกนคือหุ่นยนต์ที่ถูกประดิษฐ์และพัฒนาขึ้นโดยเจมม่า พนักงานในบริษัทตุ๊กตาชื่อดัง เพื่อให้เล่นเป็นเพื่อนกับเด็กได้ ต่อมาหลานสาวของเจมม่าต้องสูญเสียพ่อแม่โดยฉับพลัน ทำให้เธอต้องรับหลานสาวมาอยู่ในความดูแล
แต่เนื่องจากเธอไม่สามารถดูแลหลานสาวได้อย่างดีด้วยเหตุผลต่าง ๆ เจมม่าจึงพาเมแกนมาแนะนำกับหลานสาวเพื่อให้เมแกนช่วยดูแลหลาน
ความสนุกของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ความสามารถของเมแกนล้วน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้เธอจะเป็นตัวการของความสยองขวัญ แต่ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว ความไฮเทคและความกวนของเธอคือดาวเด่นที่ทำให้ซีนนั้น ๆ มีความตลกปนหลอนไปพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นความฉลาด พละกำลังที่มหาศาล ความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิตอลทั้งหมดได้ การร้องเพลงที่ไพเพราะสุด ๆ แถมยังปั่นประสาทสุด ๆ อีกด้วย
แต่ถ้าจะให้พูดถึงความสยองขวัญแล้ว เมแกนไม่ได้น่ากลัวหรือหลอนมากเหมือนหนังสยองขวัญขึ้นหิ้งเรื่องอื่น ๆ ในด้านของบทก็ครบถ้วนดี ไม่ได้มีฉากตุ้งแช่เยอะ ภาพยนต์สั้นกระชับเนื้อเรื่องเข้าใจง่าย ไม่ได้มีฉากโหดมากมายอะไร และบวกกับความที่เมแกนเป็นหุ่นยนต์ ทำให้ถึงแม้หนังจะพยายามบิ๊ลด์อารมณ์ให้หลอนเพียงใด แต่หนังก็ไปได้ไม่สุดเท่ากับแนวผี ปีศาจ หรือตุ๊กตาผีอย่างชัคกี้หรือแอนนาเบลล์ที่คนจะต้องนำมาเปรียบเทียบในฐานะตุ๊กตาสุดหลอนแน่นอน
ในขณะเดียวกัน M3GAN (2023) กลับให้ความรู้สึกว่าเป็นหนังระทึกขวัญที่ดูเพลินและมีฉากจำอยู่บางฉากแค่นั้น นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสอดแทรกเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวกับความเชื่อใจมาอย่างแผ่ว ๆ ตอนท้าย ซึ่งก็ทำให้บางช่วงให้ความรู้สึกซึ้งใจเหมือนดู Real Steel (2011) อยู่เหมือนกัน
สรุปแล้วคือถ้าคาดหวังว่าจะไปดูหนังเรื่องนี้เพื่อซึมซับความหลอนเพราะเห็นชื่อ เจมส์ วาน แล้วละก็อาจจะต้องผิดหวังกลับมา เพราะ M3GAN (2023) คือหนังครบสูตร เก็บครบทุกอารมณ์ ไม่ได้หลอนแบบปรอทแตก แต่หลอนนิดนึง ตลกนิดหน่อย ซึ้งอีกเล็กน้อย ผสมปนเปกันไป จนออกมาเป็นความสนุกระทึกขวัญอย่างน่าประหลาด และด้วยความสดใหม่ (แปลกใหม่) นี้เอง ทุกคนจึงไม่ควรพลาดที่จะไปสัมผัสประสบการณ์หนังสยองขวัญแนวใหม่นี้กับภาพยนตร์เรื่อง M3GAN (2023)
รีวิว M3GAN เมแกน #3 ( เขียนโดย : เอย พิสูจน์อักษรโดย : เฌอร์ลิน)
.
 เห็นได้ชัดเจนว่าปัญญาประดิษฐ์หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า AI นั้น  กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวันของพวกเราในปัจจุบัน ทั้งให้ความสะดวกสบาย ทั้งลดภาระงานที่มากเกินไปของมนุษย์ ซึ่งหากจะมองว่าเป็นเรื่องดีก็มองได้ แต่หากจะมองให้ลึกลงไปก็คงเปรียบเสมือนดาบสองคม ที่อาจแฝงไปด้วยผลเสียบางอย่างที่ไม่คาดคิด
M3GAN เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ กำกับโดย เจอราร์ด จอห์นสโตน ว่าด้วยเรื่องราวของ เคดี้ สาวน้อยวัย 9 ขวบ ที่เพิ่งสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอถูกส่งตัวไปอยู่ภายใต้การดูแลของอาสาว เจมม่า ซึ่งทำงานในบริษัทผลิตหุ่นยนต์ของเล่นเด็ก แต่เนื่องด้วย เจมม่า เป็นสาวโสดที่ต้องรับผิดชอบงานต่าง ๆ ในบริษัท เธอจึงไม่ค่อยมีเวลามาดูแล เคดี มากนัก สภาพจิตใจของเคดีที่เพิ่งบอบช้ำมาจึงไม่ได้รับการปลอบประโลมเท่าที่ควร
ประจวบกับขณะนั้นเอง เดวิด หัวหน้างานของ เจมม่า ต้องการให้เจมม่าคิดค้นของเล่นตัวใหม่ออกขายตลาด เจมม่าจึงตัดสินใจสร้าง เมแกน หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายคน มีความคิดเป็นของตัวเอง มาอยู่เป็นเพื่อนเคดี ซึ่งเรื่องราวก็เหมือนจะจบลงด้วยดี แต่แล้วเมแกนก็เริ่มแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ และผู้คนรอบตัวเคดีและเจมม่าก็เริ่มหายตัวไป หรือเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ
โดยสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การที่ภาพยนตร์หยิบยกประเด็นเรื่องบทบาทของ AI ที่กำลังเข้ามาแทนที่คนอยู่ในปัจจุบันนี้มาเล่าผ่านบทสนทนาและการกระทำของตัวละครในเรื่อง อย่างการให้ AI มาทำหน้าที่เลี้ยงเด็กแทนผู้ปกครอง ถ้าจะมองในแง่ของผลดีก็คือช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง รวมไปถึง AI บางตัวยังอาจมีคลังข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่เด็กได้มากกว่าที่ผู้ปกครองคนหนึ่งจะมีด้วยซ้ำ
แต่หากมองในแง่ของข้อเสียในเรื่องของความรู้สึก และความผูกพันในความสัมพันธ์เชิงครอบครัวก็ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และจำเป็นที่จะต้องถกเถียงกันต่อไป สิ่งเหล่านี้ชี้ชวนให้ผู้ชมอย่างเราขบคิดและตั้งคำถามว่า การเข้ามาแทนที่คนของ AI นั้นจะสามารถทำได้โดยไม่เกิดผลเสียเลยจริงหรือ?
รีวิว It’s in the Woods ป่าแปลกแลกตาย ( เขียนโดย : eighteen พิสูจน์อักษรโดย : เฌอร์ลิน)
"It’s in the Woods ป่าแปลกแลกตาย" เป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ทานากะ จุนอิจิ ซึ่งทำฟาร์มส้มอยู่คนเดียวในชนบท วันหนึ่งคาซึยะ ลูกชายวัยประถม ได้หนีออกจากบ้านที่โตเกียวมาหาเขา เนื่องจากทะเลาะกับซาวาโกะ ภรรยาที่แยกกันอยู่ของจุนอิจิ แต่ในขณะนั้นเองกลับมีเหตุการณ์ประหลาด ลึกลับเกิดขึ้นมากมายภายในเมืองที่จุนอิจิอาศัยอยู่ ทั้งมีคนเสียชีวิต และเด็กหายตัวไปอย่างน่าพิศวง เป็นเหตุให้เอริ คุณครูประจำชั้นของคาซึยะต้องมาพัวพันกับปรากฏการณ์ลึกลับนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ฮิเดโอะ นากาตะ ราชาภาพยนตร์สยองขวัญของญี่ปุ่น ที่มีผลงานอย่างเรื่อง “ริง คำสาปมรณะ” จนมาถึงเรื่อง ป่าแปลกแลกตาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ตบหน้าคนดูเข้าอย่างจังตั้งแต่เปิดเรื่องจนจบ อย่างแรกคือพล็อตเรื่อง Cliché เก่า เดาง่ายประกอบกับการดำเนินเรื่องที่เนิบ เนือย จนเราแทบหลับตั้งแต่เริ่มเรื่อง
อย่างที่สอง คือ CG (Computer Generated) เราบอกได้เลยว่าทั้ง ๆ ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวระทึกขวัญ แต่ทุกครั้งที่ 'มัน' หรือสิ่งลี้ลับภายในป่าออกมาทีไร เรากลับขำเสียมากกว่า เพราะ เทคนิค CG และการดีไซน์ตัวละครนั้นไม่ทำให้เรารู้สึก 'กลัว' มันเลย ประกอบกับการใช้จังหวะ jump scare ตลอดทั้งเรื่องเหมือบตบหน้าเราไปหลายตลบ
อย่างที่สาม คือบทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความ “อะไรวะเนี่ย” เพราะตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยช่องโหว่ เช่น ในเมืองมีคนเสียชีวิต มีเด็กหายตัวไป แต่ภาพยนตร์กลับให้เวลาตัวละครฟื้นฟูสภาพจิตใจไม่นานนัก ทั้ง ๆ ที่ผู้เขีบนบทและผู้กำกับสามารถขยายสเกลเรื่องราวได้มากกว่านี้ จนกลายเป็นความไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย แถมยังดูตลกด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างเซอร์ไพรส์ตลอดทั้งเรื่อง นั่นทำให้ "It’s in the Woods ป่าแปลกแลกตาย" จะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของปีที่ตราตรึงใจเราตลอดไป....ตราตรึงยังไง คุณต้องลองไปชมดู
🎭 “โครงการรีวิวภาพยนตร์” ของ CU MOVIE CLUB มีเพจ Blockdit แล้วววว 🎬
...เพราะการรีวิวหนังที่ดี ต้องทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ มากกว่าแค่การซึมซับความรู้สึกของคนรีวิวหนัง.... 🎞💡
🔆 “โครงการรีวิวภาพยนตร์” ของ CU MOVIE CLUB เป็นโครงการรีวิวภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าโรงล่าสุดของแต่ละสัปดาห์และนำมาเขียนรีวิวอัพเดตกันทุกอาทิตย์ !!! 🪄
ไม่ว่าจะเป็นหนังแอคชั่น หนังตลกคอมเมดี้ หนังรัก หนังบู๊ หนังเรียกน้ำตา
พวกเราชาว CU MOVIE CLUB พร้อมนำมาเสิรฟ์ให้ทุกคนอย่างครบรส
ใครที่เป็นคอหนังพลาดไม่ได้แล้ววววว ❤️🤍
☄️ ตอนนี้โครงการรีวิวหนังของเราได้เพิ่มช่องทางการติดตามใหม่ล่าสุดอย่าง Blockdit หากใครที่กำลังตัดสินใจว่าอยากดูหนังที่เพิ่งเข้าโรงเรื่องไหนดี หรือ ชอบการอ่านรีวิวหนังดีๆอแบบนี้ อย่าลืม !! กดติดตามบล็อกนี้ไว้เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ๆ ได้เลยยย ❇️
แล้วเจอกับ “โครงการรีวิวภาพยนตร์” ใหม่ในสัปดาห์หน้านะ 💖
#cumovieclub #moviereviewproject #รีวิวหนัง #moviereview #megan #เมแกน
โฆษณา