14 ม.ค. 2023 เวลา 02:08 • ธุรกิจ

[[ แม่เอสโซ่ชื่อ ExxonMobil ยักษ์ใหญ่แค่ไหน และทำไมถึงขายปั๊มเอสโซ่ออกไป!! ]]

.
.
เมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัทปั๊มบางจากได้ซื้อกิจการปั๊มเอสโซ่ 65.99% ที่ถูกถือหุ้นโดย ExxonMobil และกำลังเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นของส่วนที่เหลืออีก 34% รวมเป็นมูลค่าบริษัททั้งสิ้น 55,000 ล้านบาท โดยบริษัทแม่ของเอสโซ่นี้ชื่อ ExxonMobil ยักษ์ใหญ่ระดับโลก และแตกมาจาก"บริษัทต้นตระกูลที่ชื่อ Standard Oil" อันให้กำเนิดบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็น BP, Chevron,ฯลฯ
ดังนั้นบทความนี้จะพามารู้จักวงศ์ตระกูลเอสโซ่กันว่ายักษ์ใหญ่ขนาดไหน และทำไมถึงขายปั๊มเอสโซ่ออกไปใน 10 ข้อดังนี้
1. เริ่มต้นในปีพ.ศ.2413(153 ปีที่แล้ว) คุณจอห์น ดี ร็อคกี้เฟลเลอร์ได้ก่อตั้งบริษัทน้ำมัน Standard Oil ขึ้นมา เศรษฐกิจอเมริกาสมัยนั้นเติบโตสูง มีการขยายเมือง ทุกอย่างต้องใช้น้ำมัน! ส่งผลให้ธุรกิจน้ำมันเติบโตอย่างดี อีกทั้งบริษัท Standard Oil ยังกว้านซื้อโรงกลั่นน้ำมันจากคู่แข่งเกือบทั้งหมด รวมไปถึงใช้ความได้เปรียบเชิงขนาด ทำต้นทุนราคาให้ต่ำกว่าจนสามารถขึ้นมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก และคุณร็อคกี้เฟลเลอร์ก็ขึ้นมาร่ำรวยที่สุดเช่นกัน
อภิมหาเศรษฐีจอห์น ดี ร็อคกี้เฟลเลอร์ เมื่อร้อยกว่าปีที่เเล้ว
ตึกบริษัท Standard Oil
มีการคำนวนกันว่าเมื่อปรับเงินเฟ้อทางกาลเวลาแล้ว เขาจะเป็นผู้ที่ร่ำรวยยิ่งกว่ามหาเศรษฐีบิล เกตส์และอีลอน มัสก์เสียอีก
2. ด้วยความยักษ์ใหญ่ระดับผูกขาดนั้นเอง ทำให้ปีพ.ศ.2433 รัฐออกกฎหมายต่อต้านผูกขาดฉบับแรกขึ้นมาที่ชื่อ The Sherman Antitrust Act ส่งผลให้บริษัท Standard Oil จำเป็นต้องแตกออกเป็นบริษัทลูกมากถึง 34 บริษัท!
3. บริษัทที่แตกออกมาเหล่านี้ ต่อมาก็พัฒนาเป็นรุ่นลูก รุ่นหลานกลายเป็นบริษัทน้ำมันที่เรารู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็น Exxon, Mobil, Chevron, BP, Marathon, ฯลฯ โดยในภายหลัง Exxon กับ Mobil ได้ควบรวมกันเป็น ExxonMobil
วงศ์ตระกูล Standard Oil
4. สำหรับเอสโซ่ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ExxonMobil ในปัจจุบัน ชื่อเอสโซ่นี้ที่มามาจากการใช้เสียงแรกของบริษัทต้นตระกูล Standard Oil ตัว S กับ O อ่านเป็น SO ควบเสียงเร็วๆเป็น Esso เอสโซ่นั่นเอง
5. ในส่วนบริษัทเอสโซ่ในไทย เริ่มมาจากปีพ.ศ.2437 บริษัท Standard Oil แห่งนิวยอร์ก มาเปิดสาขาในไทยที่ตรอกกัปตันบุช ซึ่งชื่อในปัจจุบันก็คือซอยเจริญกรุง 30 นั่นเอง เริ่มต้นขายน้ำมันก๊าดตราไก่ ตรานกอินทรี
6. ต่อมาก็เปลี่ยนมาเป็นแบรนด์ม้าบิน และเป็นแบรนด์เอสโซ่ในที่สุด อยู่ในวงรีรูปไข่
7. มีสโลแกนที่เป็นที่กล่าวขานสมัยนั้นว่า “จับเสือใส่ถังพลังสูง” เป็นการโฆษณาเอสโซ่สูตรใหม่เมื่อปีพ.ศ.2509 พร้อมรูปเสืออันปราดเปรียวและน่ารัก
โฆษณาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ปี 2509 เติมเเล้วพุ่งเเรงเหมือนเสือ!
โฆษณาเอสโซ่ภาษาอังกฤษ ปี 2507
8. สำหรับปัจจุบัน เราไม่อาจทราบเหตุผลที่แท้จริงของการขายกิจการเอสโซ่ให้บางจาก เหตุผลที่อาจเป็นไปได้คือ ธุรกิจน้ำมันไม่ได้รุ่งโรจน์เหมือนสมัยก่อนแล้ว รุ่งอรุณแห่งรถ EV กำลังมา จึงทำให้บริษัทปั๊มหลายแห่งพยายามลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ร้านอาหาร การแพทย์ ขนส่งเพื่อกระจายรายได้ ไม่ให้กระจุกอยู่ที่น้ำมันอย่างเดียว และบริษัทเอสโซ่อาจไม่ต้องการแบกรับภาระความท้าทายนี้ จึงขายกิจการออกไป
9. สำหรับ"ประโยชน์"ที่ปั๊มบางจากจะได้จากเอสโซ่ คือ
1) ส่วนแบ่งการตลาดบางจากจะเพิ่มขึ้นเป็น 29.1% โดยมาจากการรวมของบางจาก 16.3% และเอสโซ่ 12.8%
2) กำลังการกลั่นบางจากจะเพิ่มขึ้น 145% เป็น 294,000 บาร์เรลต่อวัน โดยได้เพิ่มจากโรงกลั่นเอสโซ่ที่ศรีราชา และมีท่าเรือรองรับเรือขนน้ำมันขนาดใหญ่อย่าง VLCC ด้วย!
3) สาขาปั๊มบางจากจะเพิ่มเป็น 2,100 สาขา จากเดิม 1,320 สาขา สามารถทัดเทียมระดับ 2,000 กับคู่แข่งได้อย่างปั๊มปตท.ที่มี 2,473 สาขา และปั๊มพีทีจี 2,212 สาขา อีกทั้งยังช่วยขยายร้านเครื่องดื่มอินทนิลของบางจากเพิ่มได้อีกด้วย
โรงกลั่นศรีราชาของเอสโซ่
10. โดยรวมแล้วการซื้อปั๊มเอสโซ่ของบางจาก จะทำให้ศักยภาพในการแข่งขันกับปั๊มปตท.และพีทีจีดียิ่งขึ้น จึงน่าติดตามต่อว่าปั๊มบางจากจะมีการขยายกิจการไปยังธุรกิจประเภทอื่นอีกหรือไม่ เพื่อให้อยู่รอดในธุรกิจน้ำมันที่กำลังถูกท้าทายขณะนี้
**เพื่อไม่ให้พลาดเนื้อหาสำคัญครั้งหน้า สามารถกดติดตาม Insight การเมืองเศรษฐกิจโลกนี้ได้นะครับ
โฆษณา