27 ม.ค. 2023 เวลา 00:00 • ประวัติศาสตร์

ภาพเขียนสีในถ้ำ

สัญลักษณ์แห่งพิธีกรรมศาสนาและไสยศาสตร์
ในสมัย ๓,๐๐๐-๒,๐๐๐ ปีลงมานั้น พบหลักฐานทางพิธีกรรมในระบบความเชื่ออย่างชัดเจน ๒ ประการใหญ่ๆ คือ ภาพเขียนสีและโลงไม้ที่ขุดจากลำต้นไม้ขนาดใหญ่ โดยภาพเหล่านี้ขูดเขียนโดยบุคคลที่เป็นผู้ชำนาญ และบรรดาผู้คนที่มาร่วมในงานประเพณีพิธีกรรม
สีที่นำมาทำให้เกิดรูปแบบสัญลักษณ์เพื่อสื่อความหมายระหว่างกัน ได้แก่ สีแดง นำมาจากแร่ เรียกว่า ดินเทศ (Red ochre) และสีดำ จากการเผาไหม้ยางไม้ ความชัดเจนในเรื่องสัญลักษณ์ดังกล่าวนี้ได้เห็นชัดในสมัยหลังลงมาคือ ยุคโลหะที่เริ่มแต่สมัยก่อนเหล็ก (ประมาณก่อน ๒,๕๐๐ ปีขึ้นไปและหลังลงมา)
… ภาพเขียนสีที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อพื้นฐานของคนที่สำคัญ คือ “ภาพมือแดง” ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยก่อนเหล็กจนถึงยุคเหล็ก ภาพมือแดงนี้แสดงให้เห็นถึงผู้คนที่มาร่วมพิธีกรรมสัมผัสกับพลังเหนือธรรมชาติที่สถิตอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ของสถานที่และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะเพิงผาที่เป็นหิน
ภาพเขียนสีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่ว่าธรรมชาติ อย่างหิน น้ำ ต้นไม้ และอื่นๆ มีจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่เรียกว่า Animism ซึ่งนับเป็นพัฒนาการในระยะแรกเริ่มของศาสนาและไสยศาสตร์ เพราะพิธีกรรมที่ผู้คนจากหลากหลายที่ในท้องถิ่นมาประกอบร่วมกันนั้น แสดงให้เห็นการสยบต่ออำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งเป็นการแสดงออกทางศาสนา
อย่างไรก็ตาม ในพิธียังมีการแสดงออกทางไสยศาสตร์ผสมผสานอยู่ ดังเห็นจากสัญลักษณ์อื่นๆ แบบเรขาคณิตที่ไม่เหมือนธรรมชาติ และภาพคน สัตว์ สิ่งของ ต้นไม้ที่เป็นธรรมชาติ เพื่อเรียกร้องและบังคับให้อำนาจที่อยู่ตามสิ่งต่างๆ มารับใช้พวกตนในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ความปลอดภัย และความมั่นคงของชีวิต
ดังนั้น ภาพที่เห็นจากการประกอบพิธีกรรมในระบบความเชื่อของคนก่อนประวัติศาสตร์ จึงมีลักษณะทั้งศาสนาและไสยศาสตร์ผสมกัน (Magico-religious practice)
… เมื่อได้ประมวลภาพสัญลักษณ์จากแหล่งเพิงผาหน้าถ้ำที่พบในดินแดนประเทศไทยมาวิเคราะห์ ทำให้เห็นพัฒนาการของระบบความเชื่อที่เรียกว่า ศาสนา-ไสยศาสตร์ (Magico-religious ritual) ซึ่งเชื่อว่าสิ่งที่เป็นธรรมชาติในโลกมีจิตวิญญาณ (Animism) ที่สัมพันธ์กับพัฒนาการทางสังคม
กล่าวคือสังคมของคนก่อนประวัติศาสตร์ที่เขียนภาพสีได้สะท้อนให้เห็นถึงการมีคนสำคัญที่อาจเป็นหัวหน้าตระกูลและเผ่าพันธุ์ จากภาพของคนที่มีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดา รวมทั้งมีเครื่องประดับตกแต่งร่างกายหรือศีรษะที่โดดเด่นกว่าผู้อื่น
อย่างเช่น ภาพเขียนสีที่เพิงผาถ้ำเขาจันทร์งาม ในเขต อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นภาพที่มีคนทั้งหญิงและชาย สัตว์เลี้ยง และสัตว์ล่า สะท้อนให้เห็นถึงสังคมประเภทเร่ร่อนล่าสัตว์ โดยภาพสำคัญคือ ภาพชายร่างใหญ่กำลังโก่งธนู อันเป็นการแสดงอำนาจและอาการล่าสัตว์ ซึ่งภาพเช่นนี้เป็นสัญลักษณ์ทางไสยศาสตร์เพื่อความสำเร็จในการล่าสัตว์เป็นสำคัญ นับเป็นพิธีกรรมในเรื่องความอุดมสมบูรณ์อย่างหนึ่ง
… การดำรงอยู่ของความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ (Animism)ได้สืบมาจนถึงสมัยเหล็ก แม้ว่าสังคมหลายแห่งจะมีพัฒนาการทางศาสนาและไสยศาสตร์ที่สูงกว่านี้ไปแล้วก็ตาม โดยพบภาพสลักขูดขีดที่ถ้ำผาลายภูผายนต์ จ.สกลนคร ที่เปลี่ยนจากการเขียนสีมาเป็นการใช้เครื่องมือเหล็กขูดขีดบนหินแทน โดยภาพสัญลักษณ์ที่โดดเด่น คือ ภาพควาย ซึ่งน่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงและสัตว์ล่า
ในขณะที่ภาพสัญลักษณ์เรขาคณิตที่ดูเป็นอวัยวะเพศสตรี และการแสดงความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างชาย-หญิง สะท้อนให้เห็นถึงการทำพิธีเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีภาพสัญลักษณ์ทางเรขาคณิตที่ขูดขีดด้วยเหล็ก ซึ่งยากต่อการถอดรหัส แสดงให้เห็นถึงจินตนาการที่ซับซ้อนของคนสมัยเหล็กที่ยังดำรงความเชื่อจิตวิญญาณ (Animism) โดยปรากฏให้เห็นที่ผากระดานเลข ในเขต อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก
การขูดขีนเขียนร่องรอยบนผนังเพิงผา ที่ผากระดานเลข จังหวัดพิษณุโลก
… จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงเหล็กยุคหลังๆ ที่เชื่อมต่อกับสมัยต้นประวัติศาสตร์ หลายแห่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของระบบความเชื่อจิตวิญญาณ (Animism) มาสู่ความเชื่อในพลังเหนือธรรมชาติที่สูงกว่า เรียกว่า Supernaturalism โดยความต่างกันของสองระบบความเชื่อและศาสนานี้คือ ระดับจิตวิญญาณ (Animism) เป็นเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจเหนือธรรมชาติบนพื้นดินหรือโลกเป็นส่วนใหญ่ เช่น การนับถือผี ต้นไม้ ภูเขา หนองน้ำ ลำธาร สัตว์ และคน รวมถึงปรากฏการณ์ฝนตก ฟ้าร้อง เป็นต้น
ส่วนความเชื่อในระดับพลังเหนือธรรมชาติ (Supernaturalism) เป็นความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้มีความซับซ้อนเกิดขึ้นในการแสดงสัญลักษณ์ในการประกอบพิธีกรรม เกิดระดับชั้นของผู้คน การกำหนดตำแหน่ง และให้ความหมายแก่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เห็นได้จากภาพเขียนสีที่มีองค์ประกอบเพิ่มขึ้น เช่น ภาพสัตว์ คน สิ่งของมีรูปร่างแปลก อาการกิริยาแปลกไม่เหมือนธรรมชาติ สัญลักษณ์ ภาพคนมีความหลากหลายด้วยกิริยาท่าทาง ขนาด และการแต่งกาย แสดงให้เห็นถึงบทบาท หน้าที่ และฐานะในสังคม ในระยะของพัฒนาการขั้นนี้ สังคมก่อนประวัติศาสตร์สมัยเหล็กได้พัฒนาเข้าสู่การเกิดบ้านเมือง และรัฐแรกเริ่มที่มีเจ้านายและคณะบุคคลปกครองแล้ว
ติดตามบทความ วิดีโอ และรายการต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา