19 ม.ค. 2023 เวลา 12:02 • การศึกษา

พลังของการ “ลอง”

ชวนคุยกับพี่เหว่ง-ภูศนัฏฐ์ การุณวงศ์วัฒน์ ที่ก่อนที่จะมาเป็นพี่เหว่ง-เทพลีลา ในหัวข้อ “จากติดลบเป็นยกกำลัง” งาน CREATIVE TALK 1 STAGE "The Secret of Self Discovery" ​ เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร BACC
พี่เหว่งเล่าว่าก่อนจะเป็นทุกวันนี้ก็ทำมาหลากหลายอาชีพ ทั้งนายแบบ แต่งเพลง สถาปนิก ขายอาหาร เปิดบริษัทออกแบบภายใน บริษัทแอนิเมชั่น และในที่สุดก็ปิดท้ายด้วยการเป็นครีเอเตอร์ เริ่มต้นด้วยเพจ Little Monster และปัจจุบันก็มีช่องและสื่อในเครือจำนวนมาก ตลอดมาพี่เหว่งก็ยอมรับว่าล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร
“เราไม่ได้คิดจะเป็นคอนเท้นต์ครีเอเตอร์ เราเป็นแค่ชายอายุสี่สิบคนหนึ่ง” แต่ประกอบกับช่วงนั้นวิดีโอคอนเทนต์กำลังมา และเติร์ด (ผู้ร่วมก่อตั้งเทพลีลา) ที่เพิ่งรู้ว่าพี่เหว่งย้ายมาอยู่หมู่บ้านเดียวกันก็มาชวนทำคอนเท้นต์ จึงเกิดเป็น ‘คอนเท้นต์แรก’ เป็นการเต้นตลกๆ ของคนสองคน ซึ่งในวันนั้น พี่เหว่งบอกว่า มันเป็นคอนเท้นต์ที่เป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์
ถึงแม้จะเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็ไม่ได้มีคนดูเยอะ หนำซ้ำยังเจอสายตาดูแคลนจากคนรอบข้างไม่น้อย พี่เติร์ดกับพี่เหว่งถึงกับมีช่วงที่มานั่งคุยกันว่า จะเลิกทำดีไหม... และคำตอบก็คือ “ไม่”
ในโมเม้นต์นั้นก็คิดว่า “ลอง” เฉยๆ แต่ลองยังไงให้มันรอด ไม่ได้คิดไปไกล ขอแค่ให้ไปรอด มีรายได้มาเลี้ยงลูก และในวันนั้นก็ถือว่ามีความสุขขึ้น แต่ในใจก็ยังมีความกังวลอยู่ลึกๆ ในใจ เพราะมันคือการเปลี่ยนผ่านจากการเป็นโปรดิวเซอร์ใหญ่ สู่การ “ยูทูบเบอร์ (Youtuber)” ซึ่งในวันนั้นยังถือว่าใหม่และยังไม่ได้ถูกยอมรับ
หลายอย่างที่ลองทำมา...แล้วอะไรล่ะคือตัวที่จะบ่งชี้ว่า ควรหยุด หรืออะไรที่ควรจะทำต่อ?
พี่เหว่งบอกว่าก็ต้องเริ่มจากการ ‘ไม่รู้’ ก่อน เพราะถ้ารู้ก็คงไม่ทำ อย่างน้อยต้องรู้สถานการณ์ตัวเองก่อนว่าจะรอดหรือไม่ มีเงิน มีเวลามากน้อยแค่ไหน
ส่วนตัวพี่เหว่งนั้นมักจะลองไปจนถึงเสร็จสิ้นเสมอ อย่างการ ‘ลอง’ ทำคลิปเต้น พี่เหว่งเองก็รู้สึกแปลก จึงเกิดเป็นคลิปถัดมา ซึ่งปรับเปลี่ยนวิธีการคิด วิธีการนำเสนอให้มีเรื่องราวและน่าสนใจมากขึ้น เป็นคลิปแจกดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์ให้กับคนแปลกหน้า จนนำไปสู่การเป็นไวรัลคลิปที่มียอดชมสูงกว่า 1 ล้านวิวส์ คนดูเริ่มจำได้ ที่สำคัญมันอิมแพคมากพอที่จะทำให้คนรอบข้างเลิกกระแนะกระแหนแล้วด้วย และตอนนั้นเองอาจถือเป็นจุดเริ่มต้นจริงๆ ของบริษัทเทพลีลาก็ว่าได้
ปัจจุบัน พี่เหว่งกำลังพยายามถอยจากเบื้องหน้ามาอยู่เบื้องหลังเต็มตัว และกำลังหาวิธีที่จะทำให้บริษัทนั้นแข็งแกร่งและดำเนินต่อไปได้ด้วยตัวมันเอง แต่ไม่ว่าจะบทบาทไหนเขาก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างกันไป มีหลากหลายโปรเจกต์ที่ถูกคิดขึ้นมาและ “ลองทำ” แต่เมื่อลองแล้วขาดทุน ผลลัพธ์ก็คือ “พลาด” ก็แปลว่ามัน “จบ” แล้ว หรือก็คือสิ้นสุดการ “ลอง” ที่พี่เหว่งได้บอกไปข้างต้น
ไม่ว่าใครก็ต้อง “ค้นหาตัวเอง”
กับบทบาทพี่ใหญ่ของน้องๆ ในบริษัท เมื่อคอนเท้นต์ที่ทำออกได้รับคอมเมนต์ที่ไม่ค่อยสู้ดี ทำให้น้องๆ ในทีมมักจะเกิด “ความไม่กล้า” ขึ้น เช่นกลัวว่าแขกรับเชิญที่มาออกรายการจะโดนว่า ซึ่งพี่เหว่งก็จะมีอีกหน้าที่หนึ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการคอยเชียร์อัพซัพพอร์ต และให้โอกาสทุกคนได้ลองค้นหาตัวเอง ซึ่งไม่ว่าจะตำแหน่งอะไร ทุกคนก็ล้วนที่จะต้อง “ค้นหาตัวเอง”
พี่เหว่งบอกว่า “สิ่งที่เราเสนอให้น้องในทีม ไม่ใช่ความสุข ไม่ใช่ความสำเร็จ แต่คือ ‘โอกาส’ ที่น้องจะได้ลอง ซึ่งก็มีทั้งดีและไม่ดี” ตัวพี่เหว่งเองมีประสบการณ์ และพลาดมาไม่น้อย ทำให้แข็งแกร่งและมีศักยภาพที่จะ ‘ยกเวท’ ได้
แต่เมื่อบางครั้งที่เริ่มให้น้องๆ มา “ลอง” ยกเวทในน้ำหนักเดียวกัน และแม้ว่าพี่เหว่งจะคอยประคองซัพพอร์ตเอาไว้ แต่น้องบางคนอาจไม่ได้มีร่างกายและจิตใจที่พร้อมยกเวทได้เหมือนเรา ทำให้น้องรู้สึกไม่ไหว เมื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดี พี่เหว่งเองก็ได้เรียนรู้ว่าไม่ควรเอาแนวคิดตัวเองไปยัดใส่คนอื่น และนั่นก็นำไปสู่การเปลี่ยนโมเดลในการดำเนินงานของบริษัทในอีกหนึ่งสเต็ป
เราจะผิดพลาดในชีวิตแน่นอน แต่มันจะไม่มีปัญหามากนักถ้าเราเข้าใจว่าเราผิดเรื่องอะไร เราอาจจะทำสำเร็จ และอาจจะร่วงได้เหมือนกัน แต่อย่างน้อย เราต้องมีความสุขข้างใน
เหว่ง-ภูศนัฏฐ์ การุณวงศ์วัฒน์
ขอขอบพระคุณ ผู้สนับสนุนทุกท่าน หวังว่าทุกท่านจะได้ความรู้และแนวทางในการค้นหาตัวเอง อย่างสนุกสนาน ไว้พบกันใหม่ใน CREATIVE TALK 1 STAGE ครั้งที่ 2 เร็วๆ นี้ครับ
โฆษณา