19 ม.ค. 2023 เวลา 12:55 • กีฬา

ทำไมเชลซีปล้นมูดริคจากอาร์เซน่อลได้สำเร็จ เราจะไปอธิบายกันตั้งแต่แรก

มิไฮโล มูดริค คือปีกพรสวรรค์สูงสุดของประเทศยูเครน เขาลงเล่นอยู่กับสโมสรชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ และระเบิดผลงาน ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ยิงไป 3 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ นอกจากนั้นยังโชว์สกิลเลี้ยงบอลกระจาย ฉีกคู่แข่งเป็นริ้ว
โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ อดีตผู้จัดการทีมชัคห์ตาร์ (ตอนนี้คือผู้จัดการทีมไบรท์ตัน) บอกว่า "ถ้าหากผมปั้นเด็กคนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ไม่ได้ ถือว่าผมล้มเหลวในฐานะโค้ช ผมเชื่อว่าเขาสามารถไปถึงบัลลงดอร์ได้ในอนาคต"
เมื่อมูดริคเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ จึงได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ในยุโรป แต่การซื้อขายก็ไม่ง่ายนัก เพราะชัคห์ตาร์ ตั้งราคามหาศาลถึง 100 ล้านยูโร พวกเขามองว่า นักเตะอายุแค่ 22 ปี สามารถใช้งานได้อีกเป็นสิบปีสบายๆ ถ้าหากคุณจะซื้อผู้เล่นอย่าง ควิชา ควารัตสเคเลีย ของนาโปลี (21 ปี) ที่เป็นดาวรุ่งมาแรงเหมือนกัน ราคามันก็น่าจะเรตนี้แหละ
อาร์เซน่อลนั้นเป็นทีมที่สนใจมูดริคมาตลอด ก่อนทีมอื่นทั้งหมด คือเล็งกันมาตั้งแต่ซัมเมอร์ โดยมิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม, เอดู ผู้อำนวยการกีฬา และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ รุ่นพี่ทีมชาติ ผลัดกันโทรหามูดริค และเอเยนต์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 เพื่อเกลี้ยกล่อมให้นักเตะย้ายมาอยู่อาร์เซน่อลให้ได้
เมื่อพูดถึงทักษะโดยรวมแล้ว มูดริคเป็นผู้เล่นที่ตอบโจทย์ของอาร์เตต้าอย่างมาก นี่เป็นนักเตะที่เคลื่อนไหวได้เร็ว เทคนิคดี เล่นได้ทั้งปีก และ กองกลางตัวรุก นอกจากนั้นยังอายุใกล้เคียงกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (21 ปี), บูกาโย่ ซาก้า (21 ปี) และ เอมิล สมิธ โรว์ (22 ปี) ดังนั้นในไอเดียของอาร์เตต้าคือ อยากให้เด็กๆ กลุ่มนี้ โตไปพร้อมๆ กันทั้งหมด
ตัวมูดริคเมื่อโดนกล่อมบ่อยๆ เข้า เขาก็ยอมรับเช่นกันว่า อยากย้ายมาเล่นให้อาร์เซน่อล
วลาด้า ซินเชนโก้ ภรรยาของโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เธอเป็นนักข่าวกีฬาชาวยูเครน ครั้งหนึ่งเคยสัมภาษณ์มูดริค และถามว่า "อยากเล่นให้ทีมอะไรมากที่สุด" ตัวมูดริคตอบชัดถ้อยชัดคำว่าเป็นอาร์เซน่อล
1
เช่นเดียวกับ เบน จาค็อบส์ นักข่าวบีบีซี เคยสัมภาษณ์มูดริค ก็ได้คำตอบคล้ายๆ กันว่า "อาร์เซน่อลเป็นทีมที่ดีมาก มีโค้ชที่เก่งมาก ผมชอบวิธีที่พวกเขาเล่นฟุตบอล ในมุมของผม ผมคงปฏิเสธอาร์เซน่อลไม่ได้"
นอกจากนั้น มูดริค เคยลงสตอรี่ เป็นภาพตัวเขากำลังดูเกมพรีเมียร์ลีก ระหว่างอาร์เซน่อล กับ เวสต์แฮมอยู่ คือแบะท่ามากๆ ว่าอยากไปทีมปืนใหญ่
ฟังดูแล้ว ก็ดูเหมือนจะลงเอยกันง่ายๆ สโมสรก็อยากซื้อ นักเตะก็อยากย้าย ซึ่งหลังจากสองฝ่ายเปิดใจให้กันแล้ว อาร์เซน่อลจึงเริ่มสเต็ปต่อไป ด้วยการเข้าไปเจรจากับต้นสังกัด ชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์
คือโอเคมันผิดขั้นตอนไปหน่อย ปกติคุณต้องคุยกับสโมสรก่อนคุยกับนักเตะ แต่ชัคห์ตาร์ไม่ได้โกรธอะไรในเคสนี้ ขอแค่อาร์เซน่อลหาเงินมาจ่าย 100 ล้านยูโร ได้ตามราคาที่ตั้งไว้ก็โอเคแล้ว
1
ตัวเลข 100 ล้านยูโร แบ่งความเห็นของแฟนบอลอาร์เซน่อลเป็นสองกลุ่ม บางคนบอกว่า ดาวรุ่งยุคนี้มันก็เรตนี้แหละ ไม่จ่ายตอนนี้ เดี๋ยวก็โดนทีมอื่นตัดหน้าหรอก แต่บางคน เช่น ชาร์ลส วัตต์ส นักข่าวสายอาร์เซน่อล ของเว็บไซต์โกล แสดงทรรศนะว่า "เหลือเชื่อเลยกับราคานี้ มูดริคเล่นบอลกับทีมชุดใหญ่มาได้ไม่นานเอง และเขาไม่เคยเล่นนอกยูเครนด้วยซ้ำ โอเค ว่าเขาทำผลงานไม่เลวในแชมเปี้ยนส์ลีก แต่กับราคา 100 ล้านเนี่ยนะ?"
1
แม้จะรู้ว่าแพง แต่อาร์เซน่อลก็ยื่นข้อเสนอให้ชัคห์ตาร์พิจารณา เริ่มจาก 62 ล้านยูโร มาเป็น 65 ล้านยูโร แต่ก็โดนปฏิเสธทั้งหมด ทำให้ในช่วงคริสต์มาส อาร์เซน่อลยื่นข้อเสนอสูงสุดเท่าที่ให้ได้ คือ 70 ล้านยูโร บวกอ็อปชั่นโบนัส 30 ล้านยูโร รวมเป็น 100 ล้านยูโร
1
ฝั่งชัคห์ตาร์ โอเคกับข้อเสนอนี้ แต่ยังติดขัดอยู่เล็กน้อย เรื่องรายละเอียดของอ็อปชั่นโบนัส ที่ทำได้ยากเกินไป บางอย่างเหมือนเจตนาไม่ให้เคลียร์ได้ เพื่อที่อาร์เซน่อลจะได้ไม่ต้องจ่ายเต็มๆ 30 ล้านยูโร
อาร์เซน่อลจ่อมาก จริงๆ ก็เหลือดีเทลอีกเล็กน้อยเท่านั้น ยังไงก็น่าจะตกลงกันได้อยู่แล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย
แต่สัจธรรมในโลกของฟุตบอล ก็คือตราบใดที่คุณยังไม่ชูเสื้อ ดีลก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
2
เซอร์เกย์ พาลกิ้น ซีอีโอของชัคห์ตาร์เล่าว่า ระหว่างที่คุยกับทีมปืนใหญ่อยู่นั้น เชลซีก็ติดต่อเข้ามาอย่างฉับพลัน "เชลซีติดต่อเข้ามาช่วงปลายเดือนธันวาคม เขาบอกว่า 'โอเค เรารู้ว่าคุณคุยกับอาร์เซน่อลอยู่ และเรารู้ด้วยว่าคุณพอจะสรุปตัวเลขค่าตัวกันได้แล้ว แต่เราอยากจะเจรจากับคุณตอนนี้ ถ้ายังเป็นไปได้' "
1
ฝั่งชัคห์ตาร์นั้น ยังไม่ได้ผูกมัดอะไรกับอาร์เซน่อล จึงตกลงกับเชลซีว่าจะยอมคุยด้วย ยังไงมีทางเลือกไว้เยอะๆ ก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว นั่นทำให้สองผู้บริหารเชลซี เบห์ดาด เอ็กบาลี่ เจ้าของสโมสรร่วม และ พอล วินสแตนลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขาย บินด่วนไปแคมป์ของชัคห์ตาร์ ที่ตุรกีทันที เพื่อขอคุยมูดริคเป็นการส่วนตัว แล้วนำเสนอโปรเจ็กต์ของเชลซีดูบ้าง
หลังการพรีเซ็นเตชั่น สิ่งที่ทำให้มูดริค รู้สึกประทับใจมาก อย่างแรกคือ เกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมเชลซี จะการันตีตำแหน่งปีกซ้ายให้เขาแน่นอน ตรงข้ามกับอาร์เซน่อล ที่มูดริคต้องไปแย่งตำแหน่งกับกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และอาจต้องโยกไปเล่นตำแหน่งอื่น เช่นกองกลางตัวรุกบ้างในบางนัด
1
อย่างที่สองคือ เชลซียื่นค่าตัวเท่ากับอาร์เซน่อลเป๊ะ 70 ล้านยูโร บวกอ็อปชั่น 30 ล้านยูโร นอกจากนั้นยังมีเงื่อนไขที่เคลียร์ 30 ล้านยูโรได้ง่ายกว่าอาร์เซน่อลอีกด้วย แถมยังเสริมอ็อปชั่นอีกข้อ ว่าถ้าหากสถานการณ์สงครามที่ยูเครนปลอดภัยดีแล้ว ทางเชลซีจะมาเตะกระชับมิตรกับชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ 1 เกมด้วย คือดูรวมๆ แล้ว มีความจริงจังที่อยากจะได้ตัวมากกว่า
อย่างที่สามคือ ค่าเหนื่อย เชลซียื่นให้สัปดาห์ละ 97,000 ปอนด์ พร้อมด้วยสัญญาระยะยาวถึง 8 ปีครึ่ง ส่วนอาร์เซน่อลให้น้อยกว่าทั้งค่าเหนื่อย และความยาวของสัญญา
และอย่างที่สี่ คือ การอธิบายโปรเจ็กต์ของผู้บริหารเชลซี เต็มไปด้วยความชัดเจน โดยเซอร์เกย์ พาลกิ้น ซีอีโอของชัคห์ตาร์ที่อยู่ในห้องประชุมวันนั้นด้วย เล่าว่า "ทีมงานเชลซีอธิบายโปรเจ็กต์ให้ฟัง ว่า 2 ปี 3 ปี 4 ปี 5 ปี ต่อจากนี้จะเดินหน้าไปทางไหน คุณจะเห็นได้เลยว่าเขาจริงจังกับแผนมากๆ พวกเขาจะทำให้เชลซีเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลกอีกครั้ง พวกเขาจะทุ่มงบประมาณกับวิทยาศาสตร์การกีฬา, เรื่องสนาม, เรื่องการโฆษณา ทุกสิ่งทุกอย่าง เชลซีมีความทะเยอทะยานมากจริงๆ"
เมื่อฟังข้อเสนอแล้ว ทางมูดริคก็ต้องตัดสินใจ ระหว่างอาร์เซน่อล ทีมที่ตามจีบเขามาหลายเดือน และในฤดูกาลหน้าก็การันตีว่าได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกแน่ๆ ทิศทางของสโมสรมีแต่จะพุ่งทะยานขึ้น บางทีเขาย้ายไปปีแรกอาจจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเลยก็ได้
กับอีกทีมคือ เชลซี ที่มีข้อเสนอที่ดีกว่า ได้เงินมากกว่า และด้วยสัญญา 8 ปีครึ่ง เขาสามารถวางแผนปักหลักได้ในระยะยาว ซื้อบ้านที่ลอนดอนได้เลย นอกจากนั้น ยังได้รับคำสัญญาว่าจะได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัดที่สุดด้วย อาจทำให้ระเบิดฟอร์มได้ดีกว่าการโดนโยกไปเล่นตำแหน่งอื่น
1
ในมุมของต้นสังกัด ชัคห์ตาร์ โดเนตส์ พร้อมขายให้ทั้งคู่ เพราะข้อเสนอใกล้เคียงกัน ดังนั้นอยู่ที่ตัวมูดริคเองแล้วว่า จะย้ายไปไหน จะรออาร์เซน่อลไหม หรือว่าจะเซ็นกับเชลซีไปเลย คือทั้งสองทีมมีข้อดีที่ต่างกัน
และสุดท้าย มูดริค ตัดสินใจเลือกเชลซี
เขาไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไม พูดแค่ว่า "ผมตื่นเต้นมาก ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็กต์ของเชลซี" แต่จากการวิเคราะห์ของสื่ออังกฤษ คืออยู่เชลซีการันตีตำแหน่งง่ายกว่า และมีสัญญาระยะยาว การันตีเรื่องความมั่นคงในชีวิตนักฟุตบอลมากกว่า
2
เมื่อมูดริคเลือกแล้ว วันที่ 5 มกราคม 2023 ดาริโย แซร์น่า ผู้อำนวยการกีฬาของชัคห์ตาร์ ก็บินมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ทันที โดยมานั่งดูบอลในบ็อกซ์วีไอพี เกมเชลซี ปะทะแมนฯ ซิตี้ พร้อมกับเจรจารายละเอียดในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่การเซ็นสัญญาก็ลุล่วงในที่สุด ด้วยสัญญา 8 ปีครึ่ง กับตัวเลข 70 ล้านยูโร บวก 30 ล้านยูโร ตามที่คุยกัน
2
โดยในช่วง 8 ปีครึ่ง เชลซีก็จะค่อยๆ ผ่อนจ่าย ปีละ 10 ล้านปอนด์ให้ชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ พวกเขาใช้กลยุทธ์นี้เพื่อหลีกเลี่ยง การโดนกฎ Financial Fair Play คือต่อให้ทีมพลาดไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า แต่แค่ผ่อนจ่ายปีละ 10 ล้านปอนด์ ไม่กระทบกับทีมที่มีการเงินดีอย่างเชลซีอยู่แล้ว
1
ดีลกระชากตัวครั้งนี้ ตามรายงานเผยว่า วันที่เชลซีโทรหาซีอีโอของชัคห์ตาร์ คือ 30 ธันวาคม จากนั้นใช้เวลาแค่ 1 สัปดาห์ในการปิดดีลทั้งหมด ขณะที่อาร์เซน่อลนั้น หว่านล้อม คุยมานานตั้งแต่เดือนตุลาคม จนนักเตะมีใจให้แล้ว แต่สุดท้ายเมื่อดีลไม่ลงตัว ก็เลยโดนทิ้งไปอย่างน่าเจ็บปวดจริงๆ
ดีลก็จบลงตรงนี้ มูดริคกลายเป็นนักเตะเชลซี และเลือกใส่เสื้อเบอร์ 15 พร้อมลงเล่นทันทีในเกมเจอลิเวอร์พูลเสาร์นี้
1
ในมุมของอาร์เซน่อล ก็คงเสียดาย แต่เรื่องเกิดไปแล้วก็ต้อง Move on กันไป ตอนนี้พวกเขาไปเล็งลีอันโดร ทรอสซาร์ ดาวเตะของไบรท์ตันที่ทะเลาะกับโค้ชอย่างรุนแรง และเตรียมย้ายออกจากทีมแน่ๆ โดยราคานั้น เชื่อว่าอยู่ที่ 20-25 ล้านปอนด์เท่านั้น ถูกกว่ามูดริค 4 เท่า แถมยังมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว น่าจะเป็นอะไหล่ที่ดีให้กับทีมได้
จริงๆ แล้ว ในดีลมูดริค แฟนบอลทีมปืนใหญ่ น่าจะเสียดายอยู่แล้วเพราะคุยมาตั้งนาน และเกือบจะได้ตัวมาครอง แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ที่ผ่านมาครึ่งซีซั่นพวกเขาขึ้นมาจ่าฝูงได้ ด้วยพลังสปิริตของนักเตะในชุดที่มี ดังนั้นคนที่จะย้ายมาอยู่กับทีม ก็ต้องมีใจอยากจะมาจริงๆ คิดอยากจะสร้างความฝันไปด้วยกัน และถ้าใครคิดว่าสโมสรอื่นดีกว่า ก็ไปอยู่ที่นั่นเถอะ ถูกต้องแล้ว
1
ขณะที่เชลซีเอง เมื่อได้ตัวมูดริค ก็ต้องยอมรับว่า พวกเขาจะมีอ็อปชั่นในเกมรุกมากขึ้น ชูเอา เฟลิกซ์ ลูกเล่นแพรวพราว , มูดริค เทคนิคร้ายกาจ รวมกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่มีสปีดอย่างไว ก็อาจทำให้การยิงประตู มีความหลากหลายขึ้น และในถ้วยใหญ่อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก อาจจะมีลุ้นเซอร์ไพรส์ก็ได้ ใครจะรู้
2
แต่แน่นอน คำถามอยู่ที่ พอตเตอร์ จะหาวิธีใช้ได้หรือไม่ อย่าลืมว่า พรีเมียร์ลีกนั้น เป็นลีกปราบเซียนของนักเตะยูเครนอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะกองหน้า ที่ดับแทบจะทุกคน ตั้งแต่ อันเดร เชฟเชนโก้ (เชลซี), อันเดร โวโรนิน (ลิเวอร์พูล), เซอร์เกย์ เรบรอฟ (สเปอร์ส) และ อันเดรีย ยาโมเลนโก้ (เวสต์แฮม) นี่ไม่ใช่งานง่ายซะทีเดียวของมูดริค
บทสรุปของเรื่องนี้ คือในโลกของการเจรจา ตราบใดที่ยังไม่มีการตกลง ทุกอย่างยังพลิกแพลงได้เสมอ ต่อให้จ่อแค่ไหน ถ้ายังไม่ชูเสื้อ ก็ยังวางใจไม่ได้เลย และครั้งนี้เชลซีเป็นฝ่ายพลิกเกม เอาชนะอาร์เซน่อลได้สำเร็จนอกสนาม
ขณะที่ตัวมูดริคนั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า การเลือกเชลซีของเขาครั้งนี้ จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ เขาจะหัวเราะที่เลือกถูก หรือจะร้องไห้ที่เลือกผิด เราคงจะได้รู้คำตอบกันในอนาคตอันใกล้นี้
#TRANSFERHIJACKING
โฆษณา