21 ม.ค. 2023 เวลา 10:44 • ท่องเที่ยว

บ้านไม้หอมฮิโนกิ 2023 .. จังหวัดเชียงใหม่

บ้านไม้หอมฮิโนกิ 2023 .. จังหวัดเชียงใหม่
“ฮิโนกิ (Hinoki)” .. เป็นต้นสน ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Hinoki Cypress มีชื่อสามัญว่า Japanese Cypress แปลว่าต้นไม้แห่งไฟ คนสมัยก่อนจึงชอบนำมาเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไว้จุดไฟบูชา
ไม้ฮิโนกิ .. มีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีน้ำมันหอมละเหย มีกลิ่นหอมคล้าย ๆ กลิ่นมิ้นท์เมื่อโดนความชื้น ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จึงทำให้คนส่วนใหญ่นิยมนำไปใช้ในการปูพื้นและงานอื่นๆ
ฮิโนกิแลนด์ (Hinoki land) ... อาณาจักรไม้ฮิโนกิ ตั้งอยู่ที่บ้านร้องธาร ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ บนพื้นที่กว่า 83 ไร่ โดยการจำลองสถาปัตยกรรมที่สำคัญและมีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นดั้งเดิม เอามาสร้างไว้ที่นี่
ซุ้มประตูทางเข้า สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณ .. จำลองมาจากประตูอสุนีของศาลเจ้าอาซากุสะ โดดเด่นด้วยการประดับ โคมสีแดงขนาดยักษ์ เขียนด้วยตัวอักษรสีดำว่า คามินาริ (Kaminari-mon) ซึ่งเป็นชื่อของประตูตามต้นแบบ มีความหมายที่แปลเป็นไทยได้ว่า “โชคดี” .. หรือ ประตูแห่งความโชคดี
หลังจากที่เราเดินผ่านประตูเข้าไปแล้ว .. ด้านซ้ายมือเป็นที่ตั้งของ Hinoki studio, Hinoki shop ที่ให้บริการเช่าชุดแต่งกายประจำชาติญี่ปุ่น ทั้งกิโมโน ชุดยูกาตะ มีทั้งไซส์เด็ก ไซส์ผู้ใหญ่ ตลอดจนพร๊อพประกอบต่างๆ เพื่อนำไปสวมใส่เพิ่มความสวยงามในการถ่ายภาพให้เข้ากับบรรยากาศของสถานที่ ชนิดไม่จำกัดชั่วโมง ใส่เดินเล่นถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ .. ยังมีสินค้าชนิดต่างๆในแบบของญี่ปุ่น เช่นขนม อาหาร และเครื่องใช้ในบ้าน ให้เลือกชม เลือกซื้อกันเหมือนอยู่ในญี่ปุ่นเชียวค่ะ
อุโมงค์เสาโทริอิจำลองจำนวน 88 คู่ ... เป็นประตูที่ใช้เดินผ่านเข้าไปสู่ด้านในของอาณาจักรแห่งนี้ ให้ความรู้สึกคล้ายกับกำลังเดินอยู่ใน “วัดฟูชิมิอินาริ” ที่เกียวโต ทางเดินที่มีเสาโทริอิขนาบอยู่นั้น ทำหน้าที่เชื่อมพื้นที่ส่วนหน้าเข้าสู่ด้านในของโครงการ ซึ่งอุโมงค์จะพาไปบรรจบกับลานด้านหน้า “ปราสาทฮิโนกิ”
เสาโทริอิสีแดงนี้มีที่มาจากลัทธิชินโตที่มีความเชื่อในเรื่องของภูตผีและเทพเจ้า .. โดยลัทธิชินโตนั้นมีความเชื่อว่าเทพเจ้ามีอยู่มากมายจนไม่สามารถนับได้หมด ไม่ว่าจะในป่า ภูเขา ทะเล แม่น้ำ หรือท้องฟ้า ไม่เว้นแม้กระทั่งในบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา ก็ล้วนแล้วแต่มีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่ทั้งนั้น
เสาโทริอินี้คือซุ้มประตูแบบญี่ปุ่นที่ตั้งเอาไว้บอกว่าอาณาเขตพื้นที่หลังซุ้มประตูนี้คืออาณาเขตของเทพเจ้า เพื่อให้ผู้คนที่กำลังจะเดินผ่านเข้าไปได้เกิดความสำรวมและไม่แสดงพฤติกรรมใดใดที่เป็นการดูหมิ่นหรือลบหลู่เทพเจ้านั้นเอง
ณ จุดนี้เป็นต้นไป เราจะเห็นผู้คนมากมาย ทุกเพศ ทุกวัย ในชุดเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นเดินกันขวักไขว่ .. บ้างโพสท่าให้เพื่อนที่มาด้วยช่วยถ่ายรูป บางคนใช้วิธีเซลฟี่ ..
เราเดินออกมาเก็บภาพบรรยากาศด้านข้างอุโมงค์เสาโทริอิ ซึ่งเป็นสนามหญ้าเขียวขจีขนาดใหญ่ ภายในบริเวณนี้จัดเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ .. มองไม่เห็นต้นซากุระที่เคยปลูกเอาไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อหลายปีมาแล้ว
ภาพของปราสาทฮิโนกิ เสาโทริอิ มีฉากหลังเป็นภูเขาไกลออกไป ..
ประกอบขึ้นเป็นภาพที่งดงามมากในสายตา .. ว่ากันว่า บ่อน้ำขนาดใหญ่ 8 ไร่ข้างปราสาท ได้ รับน้ำจากสระมรกตในหุบเขาไชยปราการ ซึ่งมีการต่อท่อน้ำตรงมาที่บ่อน้ำแห่งนี้ โดยไม่ผ่านกลไกลของเครื่องจักรไฟฟ้า ตามความเชื่อของญี่ปุ่น จึงเสมือนบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเสริมไปกับองค์เจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักจากไม้หอมฮิโนกิภายในปราสาท
ในสระน้ำมีปลาคราฟสีสวยๆ อยู่มากมาย
เราเดินกลับเข้ามาในอุโมงค์เสาโทริอิ และเมื่อเดินไปจนสุดทางเดิน จะมีเสาโทริอิขนาดใหญ่ที่สุดของที่นี่ตั้งอยู่
เสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ ... ตั้งโดดเด่นอยู่หน้าปราสาท เป็นกรอบภาพที่สวยงามของตัวปราสาทที่อยู่ถัดไปจากลานและทางเดินที่นำไปสู่ตัวปราสาท ธงปลาคราฟข้างปราสาท ปลิวสะบัดตามแรงลม เป็นภาพที่น่าดูทีเดียว
ธงปลาคราฟ .. เป็นสัญลักษณ์ของ “วันเด็กแห่งชาติ” ของญี่ปุ่นสมัยใหม่ ที่ยังคงมีความหมายเฉพาะเจาะจงในเวลาเดียวกันว่าเป็นวันเด็กของ “เด็กชาย”
ในแดนอาทิตย์อุทัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราสามารถออกเสียงวันเด็กนี้ได้ว่า Kodomo no Hi (こどもの日) โดยทุกปีจะตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 หรือเดือนพฤษภาคม .. เรามาเยือนที่นี่ใน “วันเด็กแห่งชาติของไทย” จึงได้เห็นธงปลาคราฟปลิวไสวอยู่รอบพื้นที่
“ปราสาทฮิโนกิ” … เป็นไฮไลท์ของที่นี่ สร้างอย่างอลังการจากไม้สนฮิโนกิทั้งหลัง ด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณ ตามแบบปราสาทดั้งเดิมของโชกุน โดยปราสาทแห่งนี้ได้จำลองมาจาก “ปราสาททองคินคาคุจิ” ในเมืองเกียวโตด้วยสัดส่วน 1 ต่อ 3 (ปราสาทจำลองมีขนาดใหญ่กว่าปราสาทของจริงถึง 3 เท่า)
ปราสาทหลังนี้มี 4 ชั้นสร้างจากไม้สนฮิโนกิ เชื่อมโยงกันด้วยบันไดไม้ .. ทำให้พื้นที่ภายในอวลด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันในเนื้อไม้ ขณะที่พื้นผิวสีทองอร่าม และความเนียนเรียบนพื้นผิวที่ห่อหุ้มลวดลายธรรมชาติของเนื้อไม้ก็สร้างสุนทรียภาพในแทบทุกโสตสัมผัส ในขณะที่เราเหยียบย่างอยู่ภายในอาคาร ความตราตรึงประทับใจไม่แพ้ทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามด้านนอก
เราเดินขึ้นบันไดด้านหน้าของปราสาท เข้าสู่ด้านใน .. ที่นี่มีบันไดให้เดินขึ้นไปถึงชั้นสี่ แต่มีลิฟท์จากชั้นที่ 2 สำหรับผู้สูงอายุบริการด้วยค่ะ
เราเลือกที่จะขึ้นไปที่ชั้นสูงสุดก่อน ..
สถานที่แห่งนี้ นำความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์แบบญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัสและสักการะ โดยการมาเยือนคราวนี้ เราสัง้เกตุเห็นว่า มีรูปเคารพแบบฮินดูตั้งไว้ให้ผู้คนสักการะอยู่หลายจุด แต่สิ่งที่หายไป คือ พระพุทธรูปที่เคยตั้งอยู่ชั้นบนสุด ... เราเข้าไปสักการะรูปเคารพ พระพิฒเนศต์ เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเอง
ทิวทัศน์ที่มองจากระเบียง .. อาณาจักรฮิโนกิแลนด์ (Hinoki land) เหมือนกับหมู่บ้านโบราณของคนญี่ปุ่น เหมือนธีมพาร์ก (theme park) ในฝันของใครบางคน ที่ได้นำเอาศิลปะวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นมารวมอยู่ในพื้นที่แห่งเดียวกันได้อย่างน่าประทับใจ
... ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสบรรยากาศ และสุนทรียะอันงดงามแบบญี่ปุ่น โดยไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น แค่มาในเขตของเมืองเชียงใหม่ ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณได้แล้ว
ณ จุดชมวิวจากระเบียงของปราสาท ... เผยให้เห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่วางตัวล้อมอำเภอไชยปราการอย่างตราตรึง ความประทับบใจมีมากขึ้นเมื่ออาทิตย์เริ่มจะอัสดง
สายลมอ่อน พัดเบาๆมาสัมผัสกับใบหน้า .. ภูเขาเขียวครึ้มสูงตระหง่านยามเย็น ที่อาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์ส่องสาด แลเห็นหลืบเงามืดและด้านสว่างของภูเขาที่ปกคลุมด้วยพืชสีเขียว … ภาพวิวที่อยู่เบื้องหน้า ตามสายตาที่ทอดยาวไปกว้างไกล สร้างความรู้สึกโปร่งและเป็นอิสระ สร้างความรู้สึกสดชื่นไร้ขอบเขตที่ส่องสะท้อนเข้ามาในจิตใจของผู้ที่ได้พิศมอง
การจัดแสดงในอาคารชั้นที่สอง และสาม ..
ภาพชีวิตของคนญี่ปุ่นในอดีต เมื่อครั้งสมัยซามูไรรุ่งเรือง
ภาพหญิงสาว ในชุดประจำชาติ
รูปเคารพ .. เจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์
เราลงมายังระดับพื้นดินอีกครั้ง ไปเยือนพื้นที่ในส่วนของ ร้านขนมและคาเฟ่
บรรยากาศภายในร้าน
.. การตกแต่งยังคงอยู่ในธีมญี่ปุ่น
มีการนำตุ๊กตาญี่ปุ่นรูปแบบต่างๆมาวางตามมุมต่างๆได้อย่างกิ๊บเก๋
จากระเบียงที่เป็นส่วนหนึ่งของคาเฟ่ .. มองออกไปจะเห็นประติมากรรม แมวกวักขนาดใหญ่ในอิริยาบทน่ารัก อยู่ด้านหนึ่งของสนามหญ้า
ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วที่คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า แมว เป็นสัตว์นำโชค มะเนะกิเนะโกะ หรือ แมวกวัก คือรูปปั้นแมวตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ว่าจะนำโชคลาภเงินทองมาให้เจ้าของ สำหรับร้านค้าก็จะดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านเช่นเดียวกับนางกวักของไทย
ในบริเวณใกล้คียงกัน .. มีการจัดวางซุ้ม และสร้างสะพานสีสันสเดใส เป็นพร๊อพให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพ
ฮิโนกิแลนด์ จัดสวนและแปลงดอกไม้กระจายไปทั่วพื้นที่ .. ยังมองเห็นต้นคริสต์มาสใบสีแดงๆอยู่หลายจุด
สวนดอกไม้สีม่วงละมุนตา .. ดึงดูดให้หลายๆคนเข้าไปเก็บภาพประทับใจได้ไม่ยาก
เราเดินอ้อมมายังฝั่งตรงข้ามปราสาทอีกครั้ง ...
เก็บภาพในมุมสวย และน่าสนใจของปราสาทเพิ่มเติมอีกหลายมุม
โฆษณา