23 ม.ค. 2023 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เทียบสองกองทุน TMBCOF vs. K-CHINA-A(A)

กองทุนหุ้นจีนยอดฮิต ต่างกันอย่างไร? 😄
1
วันนี้ #เด็กการเงิน ขอพาทุกคนไปส่อง 2 กองทุนยอดฮิตของคนไทย นั่นก็คือ K-CHINA-A(A) และ TMBCOF ซึ่งสมัยตอนรุ่งๆ ช่วงหลัง COVID ประเทศจีนเคยเป็นประเทศที่ first in first out ออกจากโรคระบาดได้ก่อนใคร ก่อนที่จะตามมาด้วยเรื่องนโยบายความมั่นคง การล๊อคดาวน์ และการไม่เปิดประเทศ
สายสิ่งเหลานี้ทำให้หุ้นจีน โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยและเทคโนโลยี ตกลงอย่างหนัก ซื่งบางคนติดลบถึง 40% ด้วยซ้ำไป
มาในวันนี้ที่จีนเปิดประเทศอย่างเร่งด่วน หันมาเน้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้หุ้นจีนกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง เราถือโอกาสมารีวิวสองกองทุนนี้พร้อมกันเลยว่าแต่ละกองมีดีอย่างไร
สองกองนี้เป็นกองทุนหุ้นจีนที่มี master fund อยู่ในต่างประเทศ นั่นก็คือ JPMorgan และ UBS
TMBCOF
UBS (Lux) Equity Fund - China Opportunity (USD) Fund Class I (Acc)
K-CHINA-A(A)
JPMorgan Funds– China Fund USD Class I (Acc)
ทั้งสองกองเป็นกองทุนหุ้นจีนแบบ all-china คือลงทุนใน share ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น a-share, h-share, ADR ฯลฯ ถือได้ว่ามี universe กว้างที่สุด
Benchmark ของสองกองทุนนี้คือ MSCI China 10/40 เป็นดัชนีมาตรฐานในการวัดเปรียบเทียบผลตอบแทน คำว่า 10/40 หมายถึง มีหุ้นตัวใดตัวหนึ่งได้สูงสุดไม่เกิน 10% และ Top Ten Holding ไม่เกิน 40% แต่กองทุนที่เรานำมารีวิวอย่าง UBS และ JPM เป็นกองทุน active ที่จะต้องชนะ benchmark ให้ได้
ซึ่งทั้งสองค่ายนี้มีความสามารถในเรื่องหุ้นจีน โดยผู้จัดการกองทุน Bin Shi และ Howard Wang ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้นจีนกว่า 20 ปี มีแนวทางคล้ายกันคือเลือกหุ้น และจัดพอร์ตแบบ high conviction
แต่ UBS จะเลือกเน้นๆ ที่ 20-30ตัว ส่วน JPM จัดที่ 40-50ตัว อย่างไรก็ตามถ้าดูจำนวนหุ้นอย่างเดียวอาจจะไม่พอ เมื่อดู sector แล้ว พบว่า พอร์ตของ JPM
deviate ไปจาก benchmark สูงกว่ามาก ไปยังกลุ่ม cyclical และ defensive
แม้ว่าจีนกำลังเปิดประเทศ จากการจัดพอร์ตพอบอกได้ว่าระยะสั้น UBS น่าจะได้ประโยชน์จากกลุ่ม growth มากกว่า (สัดส่วนของ IT และ Consumer Discretionary สูงกว่า) ส่วน JPM มีกลุ่ม growth อยู่ใน top ten holding ของพอร์ตชัดๆ 4 ตัว คือ Tencent, Alibaba, Meituan และ JD.com นอกนั้นเป็น cyclical และ defensive อย่างกลุ่มสินค้าจำเป็น แบงค์ และสุขภาพ ต้องมาลุ้นกันว่า JPM จะปรับไปทาง growth มากขึ้นหรือไม่
ผลงานย้อนหลังของทั้งสองพอร์ตพบว่า JPM ดีกว่าเล็กน้อย (แต่ผลงานในอดีตไม่ได้ยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคตอะไร)
ค่าธรรมเนียมกองทุนหลักอยู่ในระดับเดียวกันที่ 1%
ค่าธรรมเนียมของกองทุนไทยคือ TMBCOF สูงกว่าเล็กน้อย
ทั้ง TMBCOF และ K-CHINA-A(A) เป็นกองแบบสะสมมูลค่า และมีกองรูปแบบลดหย่อนภาษีด้วยนะ
ลงทุนจัดพอร์ตกันได้ยาวๆเลย
นักลงทุนที่ชอบหุ้นจีน สามารถเลือกกองทุน K-CHINA-A(A) หรือ TMBCOF บวกกับกองทุนหุ้นจีนแบบ A-Share ได้สูงถึง 25-30% ของพอร์ต ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ กองทุนหุ้นจีนติดลบได้ถึง 40-50% ในบางช่วงเวลาเลยทีเดียว
หมายเหตุ เป็นการรีวิวด้วยความชอบส่วนตัวเท่านั้น
ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน
ชอบกองไหนอีกบอกเราให้รีวิวได้นะ
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/102405
โฆษณา