5 วิธีลดความหวาน แบบไม่ทรมานใจ💖🍭
1) ค่อยๆลดปริมาณการทานน้ำตาลในแต่ละวัน🍨 เช่น ชอบปรุงหวานในก๋วยเตี๋ยว จาก 2 ช้อนชา เป็น 1ช้อนชา ชอบกินหวานปกติ เปลี่ยนเป็นหวานน้อย
2) น้ำเปล่าช่วยลดความอยากของหวานได้💦 การที่ร่างกายเราขาดน้ำจะทำให้รู้สึกอยากกินของหวานเพิ่มขึ้น ซึ่งเลี่ยงได้ยากที่เราจะสั่งชานมไข่มุกมากิน! ดังนั้นเราควรจิบน้ำตลอด หรือดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว เมื่ออยากทานของหวาน
🧋 ชานมไข่มุก 1 แก้ว ~ 300-500 kcal
3) ผักใบเขียว🥦 ช่วยไม่ให้โหยน้ำตาล ตระกูลผักก้าน เช่น คะน้า กวางตุ้ง บล็อคโคลี่ เป็นต้น เนื่องจากมีใยอาหารสูง และยังช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ร่างกายรู้สึกได้ใช้พลังงานอย่างเหมาะสม
4) เลี่ยงการซื้อขนมหรือของหวานมาตุนไว้ที่บ้าน! เป็นวิธีที่ได้ผลจริง เพราะถ้าเราไม่ซื้อ เราก็ไม่ต้องหักห้ามใจน้า
tips สำหรับคนชอบซื้อขนม☺️ :
✨️ ถ้าซื้อมาแล้ว แนะนำแบ่งเป็นชิ้นเล็ก เก็บไว้ทานหลายวัน หรือแบ่งให้เพื่อนๆ เพื่อลดการทานน้ำตาลที่ร่างกายจะได้รับเกิน
✨️ ลิสต์รายการที่ต้องซื้อก่อนออกไปช็อปปิ้ง เพื่อเลี่ยงการซื้อของที่เราไม่ได้ตั้งใจ ประหยัดงบด้วย
5) หากิจกรรมอย่างอื่นทำ เช่น งานบ้าน ออกกำลังกาย หรือTo do list ที่เราตั้งใจจะทำ และถ้าเราทำสำเร็จ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนเดียวกับที่เราได้รับน้ำตาลแล้วอารมณ์ดี ระยะเวลาความอยากของหวาน คือ 20-30 นาที
บางมื้อคลีนบ้าง บางมื้อหลุดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะในแต่ละวันเราใช้พลังงานต่างกัน บางวันใช้พลังงานเยอะ ก็กินเยอะหน่อย บางวันใช้พลังงานน้อยก็กินน้อย แต่สิ่งสำคัญคือเรายังอยู่ในเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้💪🥰
⚘️DAY 31/01/66 เมนูลดน้ำหนัก ฉบับสายกิน!🤤
Breakfast 07.30น. : ข้าวกล้อง + ลาบหมู + แกงจืด ~ 390 kcal
Lunch 12.00น. : สลัดผักทำเอง + ไข่ต้ม + กล้วยน้ำว้า 1 ผล ~ 253 kcal
Dinner 18.00น. เพิ่มโปรตีนกันน : เวย์ 1/2ขวด + ลูกชิ้นปลาทอด +อโวคาโดปั่น1/2แก้ว ~ 300 kcal
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
